ต้องยอมรับว่าหนังประเภทหนึ่งที่คนไทยชื่นชอบและฮอลลีวูดชอบที่จะทำ นั่นก็คือ “หนังเอาตัวรอด” เพราะมีทั้งองค์ประกอบของงานอลังการงานสร้างทำลายสิ่งของที่ไม่จำเป็นต้องใช้สมองก็สนุกกับหนังได้ ทั้งยังมีความระทึกตื่นเต้นเพราะต้องลุ้นให้ตัวละครรอดไปได้ในตอนจบสักตัวสองตัว แต่สำหรับ ‘Deepwater Horizon’ มันมีเพิ่มมาอีกอย่างคือมันเป็น “หนังจากเรื่องจริง” ที่ชวนคนดูในรู้สึกร่วมไปเรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมาจากเค้าโครงที่เกิดขึ้นจริงๆ บนโลกใบนี้
เรื่องราวของอุบัติเหตุการระเบิดกลางมหาสมุทรที่ก่อให้เกิดการสูญเสียทางพลังงานครั้งใหญ่สุด และก่อมลพิษทางทะเลครั้งสำคัญของสหรัฐอเมริกาที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2010 หลายอาจจะจำได้ดี และหลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง วันนี้ Peter Berg ผกก. แห่ง ‘Lone Survivor’ จะหยิบมาให้คนทั่วโลกได้รำลึกถึงมันอีกครั้ง
เป็นอุทธาหรณ์สอนใจว่าต่อไปจะไม่เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นมาอีก
เรื่องย่อหนัง ‘Deepwater Horizon’
เหตุการณ์ที่ถูกกล่าวขวัญถึงไปทั่ว คือ เหตุระเบิดบนแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางอ่าวเม็กซิโกที่ชื่อเดียวกับหนังเรื่องนี้ ‘ฝ่าวิบัติเพลิงนรก’ หนังจะพาไปรู้เรื่องราวที่เจาะเข้าไปมากขึ้นถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า และการดิ้นรนเอาตัวรอดของหลายสิบชีวิตบนแท่นแห่งนั้น
เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงขึ้นสู่อากาศสูงไปถึงก้อนเมฆ มองเห็นได้ไกลเป็นหลายร้อยไมล์ ความสูญเสียอันมหาศาลนั้นมีอะไรเกิดขึ้นที่นั่นบ้าง
มาร์ก วาห์ลเบิร์ก นำทีมสวมบทบาทเป็น ไมค์ วิลเลียมส์ วิศวกรระบบบนแท่นขุดเจาะน้ำมัน ที่มีผู้จัดการแท่นเป็น จิมมี่ ฮาร์เรล (เคิร์ต รัสเซล) ร่วมด้วย จีน่า โรดริเกวซ ในบทบาทของสาวผู้คุมเครื่องขับแท่น
ขณะที่ เคท ฮัทสัน รับหน้าที่เป็นเฟลิเซีย เมียสุดที่รักของไมค์นั่นเอง
รีวิวหนัง ‘Deepwater Horizon’
ดูเหมือนผู้กำกับฯ อย่าง Peter Berg มักจะชอบทำงานกับนักแสดงที่คุ้นมือกันดี เขาเคยร่วมงานกับ Mark Wahlberg ในเรื่อง ‘Lone Survivor’ มาก่อน ครั้งนี้ก็เลยได้มาร่วมงานกันอีกครั้ง เป็นผู้กำกับฯ ที่ทำหนังให้เข้าถึงคนหมู่มากได้ดีแต่มักไม่ค่อยได้รับคำชมเต็มร้อย และนี่คืออีกครั้งเขาสร้างหนังที่นำเค้าโครงมาจากเรื่องจริง
ปูเรื่องได้สับสน ก่อนไต่ระดับความระทึก
หนังเรื่องไหนๆ ก็คงมีการเริ่มต้นด้วยการปูเรื่อง สำหรับเรื่องนี้มีการปูทางอยู่สองส่วน ส่วนแรกเป็นเรื่องของครอบครัวของไมค์ วิลเลียมส์ ที่เขามีเมียและลูกสาววัยกำลังน่ารักคอยเขาอยู่ที่บ้าน และสาวน้อยผู้น่ารักของเขาก็หวังว่าพ่อจะเอาของที่ระลึกกลับมาฝากเธอด้วย
อันนี้ ไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร่
จุดที่เรียกได้ว่าสับสนพอดู ก็คือช่วงเวลาที่ไมค์บินข้ามทะเลไปถึงแท่นขุดเจาะแล้วนั่นแหละ ที่เราจะได้พบกับตัวละครอีกหลายหลาก บทสนทนาที่เยอะแยะของพวกเขาอาจไม่ช่วยให้เราเข้าใจและเกาะไปกับเนื้อหาได้เพียงพอสักเท่าไหร่
เมื่อรวมเข้ากับข้อมูลทางเทคนิคของที่คนขุดเจาะบ่อน้ำมันจะรู้กันเองมากกว่าที่คนทั่วไปจะเข้าใจ ก็อาจส่งผลให้ช่วงแรกดูมึนๆ สำหรับผู้ชมอยู่ แต่เมื่อเรื่องราวก้าวเข้าสู่ช่วงหายนะ
ช่วงนั้นหนังก็สนุกมากขึ้นเป็นลำดับ
IMAX เสียงกระหึ่ม ผสานงานภาพที่ดูสมจริง
ด้วยภาพที่เหตุการณ์ทั้งหมดของเรื่องอยู่บนแท่นขุดเจาะกลางทะเล หายนะที่เกิดขึ้นบนนั้นจึงแทบจะเป็นคอมพิวเตอร์กราฟิกล้วนๆ การดูบนจอใหญ่ยักษ์อย่าง IMAX ย่อมง่ายมากที่จะเห็นความไม่เนียนของงานภาพ แต่ก็ไม่พบอะไร
เหตุระเบิดที่เกิดขึ้น พร้อมๆ กับที่เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องช่วยเหลือกัน เพื่อหนีรอดไปจากพื้นที่ที่เอาไม่อยู่แห่งนั้น บีบเค้นให้หัวใจของคนดูต้องเต้นแรง หนังชวนให้เราลุ้นระทึกและเอาใจช่วย เพราะไม่รู้ว่าพวกเขาจะออกไปจากตรงนั้นได้ยังไง แม้เราจะรู้ว่ามีบางส่วนแน่ที่เหลือรอดก็ตาม
การดำเนินเรื่องในช่วงนี้ค่อนข้างเป็นไปด้วยความระทึก ทั้งดนตรีประกอบ เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว
ระบบเสียงที่ดีของโรง IMAX ทำให้ความโกลาหลนั้นดูสมจริงอย่างมาก
ภัยพิบัติอันเกิดจากน้ำมือมนุษย์
นี่ไม่ใช่หนังที่มนุษย์กลุ่มหนึ่งต้องไปอยู่ในที่เกิดภัยธรรมชาติโดยไม่เคยรับรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรือรู้แต่ก็ไม่อาจจะป้องกันและทำได้แค่ช่วยเหลือ หาก ‘ฝ่าวิบัติเพลิงนรก’ มันเป็นหนังที่พูดถึงภัยพิบัติอันเกิดจากของมนุษย์ด้วยกันเอง จะด้วยความละโมบ เลินเล่อ ไม่ใส่ใจ รวมสภาพของหลุมที่เราอาจไม่รู้เพราะมีข้อมูลไม่พอ อะไรก็แล้วแต่ ซึ่งมันกลับกลายเป็นว่า เมื่อความพินาศมันเกิดแล้ว ไม่มีใครรอดพ้นไม่ต้องผจญกับบทเรียนราคาแพงหนนี้
สิ่งที่ทำได้คงมีเพียงช่วยกันเอาคนที่ยังเหลือรอดให้ออกไปได้มากที่สุดเท่านั้น
มันจึงไม่ใช่หนังเอาตัวรอดจากภัยพิบัติที่เราเลี่ยงไม่ได้ แต่มันยังตอกย้ำให้เราตระหนักถึงความไม่ประมาทจนปล่อยให้เหตุร้ายแรงมันเกิดขึ้นเสียมากกว่า หนังมีช่วงเวลาของการปูเรื่องที่บอกเราในสิ่งนั้น อีกทั้งหนังก็ยังพยายามที่จะอธิบายเหตุการณ์บนแท่นขุดเจาะน้ำมันซึ่งมันก็ค่อนข้างจะเข้าใจยากนิดนึงสำหรับคนที่ไม่ได้ทำงานในด้านนี้
หนังอาจไม่ชักชวนให้เราเข้าถึงความเจ็บปวดของตัวละครได้มากเท่า ‘Lone Survivor’ เหมือนจะมุ่งเน้นให้เราเห็นช่วงเวลาของการเอาตัวรอดของแต่ละตัวละครเสียมากกว่า บางช่วงเวลาหนังก็ให้เราซึมซับกับตัวละครในเชิงดราม่าที่พอทำน้ำตาซึมๆ ออกมาได้บ้าง ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตของคนที่ทำงานบนแท่นขุดเจาะน้ำมันนี่ต้องอยู่กินกันกลางทะเลบนอุปกรณ์ลอยน้ำขนาดใหญ่ ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลา แม้อาจไม่ถึงกับเป็นหนังที่เพอร์เฟกต์อะไรมากนัก
แต่ก็นับว่าเป็นหนังเอาตัวรอดที่ทำได้สนุกพอตัว!
ชื่อภาพยนตร์: Deepwater Horizon / ดีปวอเทอร์ ฮอไรซัน / ฝ่าวิบัติเพลิงนรก
ผู้กำกับภาพยนตร์: Peter Berg
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Matthew Michael Carnahan (screenplay), Matthew Sand (screenplay)
นักแสดงนำ: Mark Wahlberg, Kurt Russell, Douglas M. Griffin, James DuMont, Gina Rodriguez, John Malkovich, Kate Hudson, Dylan O’Brien
แนว/ประเภท: Action, Drama, Thriller
ความยาว: 107 นาที
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
เรท: ไทย/ , USA/PG-13
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 29 กันยายน 2559
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Closest to the Hole Productions, Di Bonaventura Pictures, Imagenation Abu Dhabi FZ
ฝ่าวิบัติเพลิงนรก
Deepwater Horizon - 7.1
7.1
Deepwater Horizon
ไม่ใช่หนังเอาตัวรอดจากภัยพิบัติที่เราเลี่ยงไม่ได้ แต่มันยังตอกย้ำให้เราตระหนักถึงความไม่ประมาทจนปล่อยให้เหตุร้ายแรงมันเกิดขึ้นเสียมากกว่า หนังมีช่วงเวลาของการปูเรื่องที่บอกเราในสิ่งนั้น อีกทั้งหนังก็ยังพยายามที่จะอธิบายเหตุการณ์บนแท่นขุดเจาะน้ำมันซึ่งมันก็ค่อนข้างจะเข้าใจยากนิดนึงสำหรับคนที่ไม่ได้ทำงานในด้านนี้
1 คอมเมนต์