รีวิวหนัง Decibel ลั่นระเบิดเมือง | วินาศกรรมลุ้นระทึกน้ำตาซึม

ต้องยอมรับจริงๆ ว่า คนทำหนังเกาหลีนี่เขาสรรหาพล็อตมาสร้างเรื่องให้ลุ้นระทึกได้เก่งจริงๆ หนนี้ก็เช่นกัน เมื่อนายแพทเดินเข้าโรงหนังไปกับ ‘Decibel’ หรือชื่อไทย ‘ลั่นระเบิดเมือง’ ที่ว่าด้วยเรื่องราวของการก่อการร้ายด้วยระเบิดที่จุดด้วยเครื่องวัดความดังของเสียง ที่ทำให้พระเอกต้องวิ่งวุ่นเพื่อหยุดความเสียหายเอาไว้ให้ได้

ผลงานของผู้ Hwang In Ho/ฮวังอินโอ ผู้ที่เคยกำกับหนังอย่าง ‘Monster’ และ ‘Spellbound’ ครั้งนี้ เขาลงมือเขียนบทร่วมกับ Lee Jin Hun สร้างหนังวินาศกรรมเสียงที่ชวนลุ้นนาทีต่อนาที ความสุดเดือดที่ทำรายได้อันดับหนึ่งบ็อกซ์ออฟฟิศของเกาหลีตั้งแต่เข้าฉายวันแรก หนังแอ็กชัน-ทริลเลอร์ที่กระแสการตอบรับค่อนข้างดีเยี่ยม แล้วในที่สุด มันก็เตรียมจะเข้าฉายในไทยวันที่ 1 ธันวาคมนี้

และนี่คือรีวิวจากคนที่เพิ่งไปดูมาครับผม

เรื่องย่อหนัง ‘Decibel’

มันเป็นเรื่องราวของวินาศกรรมในเมืองใหญ่ เมื่อมีมือดีวางระเบิดเวลาที่จุดชนวนด้วยเสียงจากเครื่องวัดความดังไปทั่วเมือง ก่อนโทรหาเจ้าหน้าที่ให้วิ่งวุ่นจำกัดความเสียหาย พร้อมเปิดเผยเบื้องหลังที่มาของวินาศกรรมครั้งนี้

หนังเล่าถึงเรื่องราวของ คังโดยอง (Kim Rae Won/คิมแรวอน จากซีรีส์ ‘Doctors’ และ ‘The First Responders’) อดีตผู้บัญชาการทหารเรือที่ได้รับสายปริศนาขู่ก่อการร้ายกลางเมือง โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ เมื่อไหร่ที่ระดับเสียงสูงถึง 100 เดซิเบล ระเบิดจะทำงานทันที น่าแปลกที่ผู้ร้ายคนนี้เลือกจะโทรหาเขา จนดูเหมือนว่าผู้ร้ายและเขาจะรู้จักกันดี และมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เลือกก่อการโดยให้เขาต้องกลายเป็นหมากเพื่อเล่นสนุกกับความเป็นความตายของผู้คนเช่นนี้ โดยองจำต้องทำทุกทางเพื่อหยุดยั้งวินาศกรรมครั้งนี้ เขาวิ่งวุ่นไปทั่วตามเบาะแสที่คนร้ายบอกไว้ โดยมีชีวิตคนนับหมื่นเป็นเดิมพัน

ครั้งนี้ เขามีพันธมิตรร่วมแก้ไขสถานการณ์ด้วย ไม่ว่าจะนักข่าว โอแดโอ (Jung Sang Hoon/จองซังฮุน จากซีรีส์ ‘Again My Life’) และร่วมกับฮวัง (Lee Min ki/อีมินกิ จากซีรีส์ ‘My Liberation Notes: ปล่อยใจสู่เสรี’) ในการไล่ล่าจับคนร้าย ขณะที่ในหนังผู้ชมก็จะได้พบ Lee Jong Suk/อีจงซอก (จากซีรีส์ ‘ลุ้นรักฉบับโบนัส’) และ Cha Eun Woo/ชาอึนอู (จากซีรีส์ ‘My ID is Gangnam Beauty’) ในบทของทหารเรือที่เคยประจำการอยู่บนเรือลำเดียวกับคังโดยอง ร่วมด้วย Park Byeong Eun/พัคบยองอึน และ Lee Sang Hee/อีซังฮี (จากซีรีส์ ‘มัธยมซอมบี้‘) ในบทเจ้าหน้าที่ EOD ผู้เก็บกู้ระเบิด

รีวิวหนัง ‘ลั่นระเบิดเมือง’

หนึ่งในหนังฟอร์มยักษ์ที่ทุ่มทุนสร้างอีกเรื่องหนึ่งของเกาหลีใต้ในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นโลเกชันขนาดใหญ่อย่าง สนามกีฬาขนาดใหญ่ และสวนน้ำระดับประเทศ แถมยังสร้างฉากเรือดำน้ำขนาดกว่า 4,000 ตันที่เหมือนของจริงอย่างมาก กับบทหนังที่พร้อมมอบให้ผู้ชมทั้งความลุ้นระทึก ตลกชวนหัว และซึ้งน้ำตาซึม

ลุ้นระทึกไปกับภารกิจกู้ระเบิด

เมื่อจู่ๆ ก็เกิดมีผู้ก่อการวางระเบิดเวลาไว้ทั่วเมืองและโทรหาอดีตผู้บัญชาการทหารเรือ บังคับให้เขาโหลดแอปลงมือถือเพื่อติดตามตัว ก่อนจะค่อยๆ บอกจุดที่เขาวางระเบิดเอาไว้เป็นระยะ ล่อให้เขาวิ่งวุ่นเพื่อกอบกู้สถานการณ์ และแม้ตัวเขาเองจะไม่ได้มีความรู้ในการกู้ระเบิด แต่ก็จำเป็นต้องไปทุกที่เพื่อไม่ให้ต้องมีคนตาย โดยเฉพาะการควบคุมไม่ให้ผู้คนส่งเสียงดังถึง 100 เดซิเบล พร้อมๆ กับที่ต้องตามหาว่า แท้จริงแล้ววายร้ายคนนี้เป็นใคร และจะทำยังไงให้เรื่องมันจบโดยสูญเสียให้น้อยที่สุด

งานนี้ไม่ง่ายเลย แถมยังมีชีวิตเป็นเดิมพันอีก ผู้ชมได้แต่ลุ้นระทึก หายใจกันไม่ทั่วท้อง นั่งไม่ติดเบาะ หัวใจเต้นระรัว ไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไร แต่ในระหว่างนั้น หนังก็พาคนดูได้หัวเราะไปด้วย

ขำกลิ้งไปกับนักข่าวตัวป่วน

เพราะระหว่างที่คังโดยองง่วนอยู่การวิ่งตามระเบิดเวลาอยู่นั้น เขาก็ได้เจอกับนักข่าวหัวเห็ดคนหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ นักข่าวคนนี้มีสกิลในการเล่นบทตลกอยู่แล้ว เลยทำให้ซีนที่คนดูต้องลุ้นระทึก บางเวลาก็ได้หัวเราะร่วนไปด้วย

เขาคือนักข่าวที่ต้องเลือกระหว่างจะเอาข่าวสำคัญไปใส่ในสกู๊ปตัวเอง หรือจะช่วยโดยองระหว่างที่มองเห็นความเป็นความตายของอีกหลายชีวิตอยู่ตรงหน้า จองซังฮุน คือสีสันที่สร้างเสียงหัวเราะท่ามกลางความระทึกของระเบิดเวลาที่พร้อมจะถูกได้ทุกวินาที ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยม พฤติกรรมบ้าบอของเขาทำให้คนดูอย่างเราพอจะผ่อนคลายจากความตึงเครียดของเรื่องราวได้บ้าง

ซึ้งสะเทือนใจไปกับเหตุเบื้องหลังการระเบิด

หนังปิดบังตัวละครสำคัญไว้นานก่อนจะเฉลย แต่ก่อนหน้านั้น หนังก็พาผู้ชมไปพบกับพฤติกรรมอันเลวร้ายของการวางระเบิดเวลาที่จุดด้วยความดังเสียงตามที่ต่างๆ มันดูโหดเหี้ยมเกินมนุษย์มนา แถมยังทำเหมือนคังโดยองเป็นของเล่น ลากไปตรงโน้นทีตรงนี้ที มองเห็นชีวิตของเพื่อนมนุษย์เป็นผักปลา เราไม่เห็นด้วยกับความคิดเช่นนี้เลย แต่เมื่อหนังเล่าไปถึงสาเหตุของพฤติกรรม แม้จะยังคงไม่เห็นด้วยเช่นเคย แต่ก็รู้สึกสะเทือนใจกับเรื่องราวที่เกิด

หนังให้มุมมองที่แตกขั้วเป็นสองด้านคิด พาผู้ชมไปมองว่าถ้าตัวเองต้องอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น จะเลือกแก้ไขสถานการณ์ในเส้นทางไหน ซึ่งก็อาจพบว่ามันช่างตัดสินใจได้ยากเย็นไม่น้อยเลย มันจึงกลายเป็นฉากที่ชวนสะเทือนใจไม่ใช่เล่น

ใดๆ คือ การได้เห็นว่า อีจงซอก เขายังคงเป็นนักแสดงที่เล่นได้ดีเสมอมา การได้เห็นเขาเล่นคู่ ชาอึนอู เป็นคู่พี่น้อง น่าจะทำให้คอเกาหลีได้มีความสุขกันมาก ทั้งคู่ในเล่นซีนอารมณ์ที่ทำคนดูอิน เช่นเดียวกับการได้เห็น คิมแรวอน ผู้จำต้องกุมชะตาของคนนับพันนับหมื่นรวมทั้งชะตาของตัวเองด้วยก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าหนังควรฉีกกระชากคนใหญ่คนโตให้มากกว่านี้ ไหนๆ จะเล่นใหญ่เล่นโตแล้วอะนะ

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง