ในอดีต โลกเคยได้รู้จักกับหนังนักมวยที่มีหลายภาคอย่าง Rocky หนึ่งในตำนานหนังที่สร้างชื่อให้กับ Sylvester Stallone แต่ปัจจุบัน โลกได้รู้จักกับ Creed หนังนักมวยที่เป็นเหมือนการสานต่อมาสู่คนรุ่นใหม่ จนวันนี้ มันก็ได้ดำเนินมาถึง ‘Creed III’ ทับศัพท์ชื่อไทยว่า ‘ครี้ด 3’ และกำลังเข้าฉายในโรงบ้านเราอยู่ตอนนี้
หนัง 3 ภาคนี้เล่าเรื่องราวของ อดอนิส ครี้ด บุตรนอกสมรสของนักชกผู้โด่งดัง อพอลโล ครี้ด เพื่อนคนสนิทของ ร็อกกี้ บัลโบอา เขาคือเด็กหนุ่มที่เติบโตมาอย่างยากลำบาก เคยใช้ชีวิตอยู่ในคุกสลับกับบ้านอุปถัมภ์ จนได้รับการเลี้ยงดูจากอดีตภรรยาของอพอลโล ด้วยความชอบการชกต่อย อดอนิสเติบโตขึ้นมาเป็นนักมวยจากการเทรนของร็อกกี้ ผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งเรื่องที่เขาคบหากับ บิอังกา นักร้องสาวที่เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินจนแต่งงานมีลูกสาวด้วยกัน ทั้งเรื่องที่เขากลายเป็นแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวท
ทั้งหมดถูกบอกเล่าไปแล้วในภาคที่หนึ่งกับสอง และนี่คือเรื่องราวของภาคที่สาม
เรื่องย่อหนัง ‘Creed III’
หลังก้าวขึ้นมาจากเด็กบ้านอุปถัมภ์ อดอนิส ครี้ด (Michael B. Jordan/ไมเคิล บี จอร์แดน จากหนังเรื่อง ‘Black Panther’ และ ‘Without Remorse’) ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในอาชีพนักมวยด้วยการเป็นแชมป์โลก แต่เวลาก็เดินมาจนถึงช่วงเวลาที่เขาแขวนนวมเพื่อหันไปใช้ชีวิตนอกสังเวียน กับบิอังกา (Tessa Thompson/เทสซ่า ทอมสัน จากหนังเรื่อง ‘Thor: Ragnarok’ และ ‘Annihilation’) เมียรัก นักร้องผู้กลายเป็นโปรดิวเซอร์ ทั้งสองมีลูกสาวที่สูญเสียการได้ยินตั้งแต่เกิด เขากลายเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสูทชื่อดังและก็ยังร่วมบริหารโรงยิม
แต่ดูเหมือนชะตากรรมจะไม่ยอมให้เขาได้อยู่สุข เมื่ออดีตเรียกให้เขากลับมาสู่สังเวียนการต่อสู้อีกครั้ง เดม หรือ เดเมียน (Jonathan Majors/โจนาทาน เมเจอร์ส จากหนังเรื่อง ‘Ant-Man and the Wasp: Quantumania’ และซีรีส์เรื่อง ‘Lovecraft Country’) เพื่อนต่างวัยของอดอนิสที่กลับออกมาจากคุก เขาเฝ้ามองความสำเร็จของอดอนิสมาตลอด จึงเข้ามาเกาะแกะทำทีว่ามุ่งหวังอยากต่อยมวยอาชีพ
และด้วยความที่อดอนิสรู้สึกเหมือนติดค้างเดเมียนในวันเก่า ทำให้เขาตัดสินใจบางอย่างที่สร้างเรื่องให้กับตัวเองต้องกลับเข้าสู่สังเวียนผ้าใบอีกครั้ง
รีวิวหนัง ‘ครี้ด บ่มแชมป์เลือดนักชก 3’
จักรวาลนี้เริ่มต้นด้วยการกำกับของ Ryan Coogler/ไรอัน คูเกอร์ ในภาคแรก ก่อนส่งไม้ต่อให้กับ Steven Caple Jr. ในภาคต่อมา ซึ่งก็เรียกได้ว่าทั้งสองภาคล้วนทำงานได้ดีกันทั้งคู่ พาคนลุ้นระทึกไปกับเกมการต่อสู้บนเวที ก่อนที่ภาคที่สามจะเป็นนักแสดงนำอย่าง ไมเคิล บี จอร์แดน ที่รับหน้าที่กำกับเองแสดงเอง
หลังจากสองภาคแรก ยังคงมี ‘ร็อกกี้ (Sylvester Stallone) คอยเป็นโค้ชคอยฝึกช่วยหนุนช่วยผลักดัน พร้อมทั้งยังเป็นเหมือนครอบครัวของอดอนิส แต่ภาคนี้ ไร้เงาของร็อกกี้ เขาก็ยังสามารถจะเติบโตและก้าวเดินต่อได้บนลำแข้งของตัวเอง ถือว่าไม่เลวเลยกับการสานต่อในภาคที่สามนี่
จากวันที่เริ่มต้นชีวิตของคนค้ากำปั้นหลังหลุดออกมาจากคุกผ่านความช่วยเหลือของคุณแม่คนใหม่ เด็กหนุ่มที่พ่อตายไปตั้งแต่เขายังไม่เกิดคนนี้ ก็ได้พานพบกับชายแก่นักมวยเก่าคนที่เป็นเพื่อนซี้ของพ่อตนเอง ที่สุด เขาก็ได้เป็นนักมวยอาชีพสมใจ พัฒนาตนเองจนก้าวขึ้นเป็นแชมป์โลก พร้อมๆ กับที่ความสัมพันธ์ของเขากับบิอังกาคนที่เคยพักอยู่ในตึกเดียวกันกลายเป็นคนรัก ภรรยา และแม่ของลูก ชีวิตของนักมวลกลายเป็นอดีตนักมวย แต่อดีตที่ยังไม่ถูกสะสางของเขาเองนั่นแหละที่หวนกลับมาให้เขาต้องหวนคืนสู่สังเวียนอีกครั้ง
ครั้งนี้บททดสอบชีวิตที่อดอนิสจะต้องผ่านไปให้ได้ คือ เดเมียน เพื่อนที่อายุมากกว่าในวัยเด็กของเขา ที่ต่างเคยเผชิญเหตุการณ์ในอดีตร่วมกัน เป็นอดีตนักมวยที่ฝัมือไม่ธรรมดา และกลายมาเป็นความฝังใจและความคาใจที่รอวันสะสาง เรื่องราวนั้นทำให้คนหนึ่งต้องเข้าคุกไปสิบแปดปี ขณะที่อีกคนประสบความสำเร็จในชีวิต ฝ่ายหนึ่งเจ็บแค้น อีกฝ่ายฝังใจรู้สึกผิด แต่ถ้าปล่อยไว้ ปัญหาค้างคาใจคงไม่มีวันสิ้นสุด จำเป็นต้องหยุดด้วยการดวลกำปั้นบนสังเวียน
คนที่เลิกต่อยมวยไปแล้ววันก่อน วันนี้ต้องใส่นวมเดินก้าวขึ้นสู่เวทีผ้าใบอีกครั้ง หนังพาเราไปพบเฝ้ามองการฟิตร่างกายของคนที่ร้างเวทีเพื่อกลับมาแข็งแกร่งพอจะสู้กับนักมวยผู่คั่งแค้นและพร้อมจะเล่นนอกกฎได้ตลอดเวลา กลายเป็นว่าพล็อตที่ไม่มีจะมีอะไรยากเกินคาดเดา กลับสามารถสร้างความรู้สึกฮึกเหิมและกระหายจะได้เห็นการต่อสู้กับคนดูได้ซะอย่างนั้น
การก้าวขึ้นมากำกับครั้งแรกของ ไมเคิล บี. จอร์แดน ไม่ทำให้หนังที่ผ่าน 2 ภาคมาอย่างเดือดนั้นต้องลดค่าด้อยความสนุกลงไป หากการเลือกจะถ่ายทำด้วยกล้อง IMAX ทำให้ ทุกครั้งที่มีฉากต่อกันบนเวที ภาพจะกลับมาเต็มจอตลอด ทั้งความใหญ่ของจอ ทั้งมุมกล้องที่เผยให้เห็นจุดเล็กจุดน้อยที่สายตานักมวยมอง เม็ดเหงื่อที่สาดกระเซ็น แต่ละหมัดที่สาวใส่คู่ต่อสู้ เสียงหมัดที่หนักแน่น เพิ่มความรู้สึกตื่นเต้น ระทึกใจให้กับคนดูได้อย่างไม่น่าเชื่อ
แม้ว่าช็อตดราม่าของหนังภาคนี้จะทำงานได้ไม่ดีนัก แต่ก็ยังนับว่าเป็นหนังที่ทำงานได้ดีในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นช็อตการต่อสู้ที่ทำได้ดุเดือดอะดรีนาลีนหลั่ง ดนตรีและเพลงประกอบที่โดนใจไปทั้งหมด ทั้งหนังก็ไม่ลืมที่จะเล่าเรื่องครอบครัว บทสรุปตบท้ายก็ยังคงมีภาพของครอบครัวเหมือนเช่นเคย
แถมเรื่องราวในภาคนี้ยังไม่จำเป็นต้องดูสองภาคก่อนหน้าเพื่อปูพื้นมาก่อนก็สามารถดูรู้เรื่องได้ สำหรับคนดูจะเลือกเสพแบบไหน IMAX หรือ 4DX หรือโรงดิจิตอลระดับพรีเมียม ก็สุดแล้วแต่จะเลือก แต่มันก็น่าเสียดายนิดหน่อยที่คนเบี้ยน้อยหอยน้อยอาจไม่มีอะไรให้เลือกสักเท่าไหร่
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Creed III / ครี้ด 3 / ครี้ด บ่มแชมป์เลือดนักชก 3 |
กำกับ | Michael B. Jordan |
เขียนบท | Keenan Coogler (screenplay), Zach Baylin (screenplay), Ryan Coogler (story) |
แสดงนำ | Michael B. Jordan, Tessa Thompson, Jonathan Majors, Wood Harris, Jose Benavidez, Phylicia Rashad |
แนว/ประเภท | ดราม่า, กีฬา |
เรท | PG-13 |
ความยาว | 116 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 2 มีนาคม 2023 |
ดูออนไลน์ | Prime Video |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Metro-Goldwyn-Mayer (MGM), Chartoff-Winkler Productions, Glickmania, Outlier Society, Proximity Media, Warner Bros. Pictures |
ครี้ด 3
พล็อตและบท - 7
การแสดง - 7.4
การดำเนินเรื่อง - 7.7
เพลงและดนตรีประกอบ - 8.5
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 8.5
7.8
Creed III
แม้ว่าช็อตดราม่าของหนังภาคนี้จะทำงานได้ไม่ดีนัก แต่ก็ยังนับว่าเป็นหนังที่ทำงานได้ดีในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นช็อตการต่อสู้ที่ทำได้ดุเดือดอะดรีนาลีนหลั่ง ดนตรีและเพลงประกอบที่โดนใจไปทั้งหมด ทั้งหนังก็ไม่ลืมที่จะเล่าเรื่องครอบครัว บทสรุปตบท้ายก็ยังคงมีภาพของครอบครัวเหมือนเช่นเคย