แผ่นดินไหว เป็นภัยพิบัติที่คาดเดาได้ยาก แต่เมื่อเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงขึ้นเมื่อใด ความเสียหายต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สินก็จะตามมา ถ้าเกิดมีภัยธรณีสะเทือนเกิดขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลีและเหลือเพียงตึกเดียวที่ยังดีอยู่ จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นได้บ้าง หนังเรื่องนี้ ‘Concrete Utopia’ หรือชื่อไทยๆ ว่า ‘วิมานกลางนรก’ จะบอกเล่ากับคุณทุกคน
หนังที่เริ่มต้นจากเว็บตูนผลงานของ Kim Soong Nyoong และต่อมาก็ได้รับการดัดแปลงเป็นบทหนังและกำกับโดย Uhm Tae Hwa/ออมแทฮวา ชายผู้กำกับ ‘Vanishing Time: A Boy Who Returned’ ที่ไปคว้ารางวัล Best New Director จากเวที Daejong Film Awards ครั้งที่ 54 มาด้วย [ซึ่งแน่นอนว่า นายแพทก็ยังไม่เคยดู] แต่ที่รู้ๆ ตอนนี้ก็คือ หนังได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนเกาหลีใต้ในการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมเวทีออสการ์ปีนี้ด้วย ได้ยินเช่นนี้แล้วก็ต้องหูผึ่ง คาดหวังกับตัวหนังไว้ระดับหนึ่ง
และรู้เลยว่ามันไม่ใช่หนังประเภทเอาตัวรอดทั่วๆ ไปอย่างแน่นอน
เรื่องย่อหนัง ‘Concrete Utopia วิมานกลางนรก’
หนังมันเล่าเรื่องกรุงโซลในวันที่ถูกกระหน่ำด้วยแผ่นดินไหวระดับมหึมาถล่มใส่ ส่งผลให้เหลือเพียงอพาร์ตเมนต์ฮวังกุงแห่งเดียวที่ยังยืนหยัดและเหลือรอดอยู่ได้หลังภัยพิบัติผ่านพ้น ผู้คนที่รอดชีวิตจากที่อยู่อาศัยแหล่งอื่นจึงต่างพากันมาขออยู่ด้วย จนหลายคนต้องพบเจอกับความเดือดร้อนรำคาญ และทำให้สมาชิกที่ถือตนเป็นเจ้าของพื้นที่ต้องร่วมประชุมกัน ว่าจะยอมให้พวกเขาหรือขับไล่ออกไป
ในการนี้ ยองทัก (Lee Byung Hun/อีบยองฮอน จากซีรีส์เรื่อง ‘Our Blues’ และหนังเรื่อง ‘Emergency Declaration’) ได้รับฉันทานุมัติให้เป็นผู้นำของชาวอะพาร์ตเมนต์ ในฐานะที่วิกฤตยังไม่คลี่คลาย ยองทักพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะปกป้องสมาชิกจากคนนอก ด้านมินซอง (Park Seo Joon/พัคซอจุน จากหนังเรื่อง ‘The Divine Fury’ และ ‘Dream’) เขาเป็นข้าราชการที่กลายเป็นผู้ช่วยของยองทัก และเป็นสามีของ มยองฮวา (Park Bo Young/พัคโบยอง จากซีรีส์เรื่อง ‘Abyss’ และ ‘Doom at Your Service’) พยาบาลผู้ทำหน้าที่ดูแลคนบาดเจ็บอย่างแข็งขัน
ยามที่ลูกบ้านทุกคนกลายเป็นผู้ประสบภัย แต่ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ที่ถูกเลือกให้เดือดร้อนน้อยที่สุด และต้องรับมือจากอันตรายรอบด้านที่ตามมา นี่คือเหตุการณ์ที่จะพิสูจน์เส้นแบ่งดีชั่วความเป็นมนุษย์
รีวิวหนัง ‘Concrete Utopia วิมานกลางนรก’
ภาพยนตร์ที่สร้างจากเว็บตูน แต่มีเนื้อหาที่หนักแน่นจริงจัง เรื่องราวที่เริ่มต้นขึ้นด้วยภาพข่าวของการผุดขึ้นของอพาร์ตเมนต์ที่เป็นเหมือนความหวังในการมีที่อยู่อาศัยของคนที่ยากจนในกรุงโซล ต่อด้วยภาพของวิกฤตภัยพิบัติที่ทำทุกสิ่งสูญสลาย แผ่นดินไหวที่หนักหน่วงที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยพบเห็นมา มันพังสิ่งก่อสร้างทุกอย่างของมนุษย์ให้ทลาย คร่าชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วน แต่ท่ามกลางซากปรักหักพัง กลับมีหนึ่งอพาร์ตเมนต์ที่เหลือรอดอยู่เพียงหนึ่งเดียว ‘ฮวังกุง อพาร์ตเมนต์’
เส้นแบ่งระหว่างความมีความจนขาดสะบั้น เหลือเพียงการเอาตัวรอดเท่านั้น ผู้คนที่ยังรอดชีวิตต่างหลั่งไหลกันเข้ามาขออยู่อาศัยด้วย ความแออัดที่มาแย่งทรัพยากรที่เหลืออยู่ไม่มาก ทั้งร้อยพ่อพันแม่ทำให้เกิดการกระทบกระทั่ง และนำไปสู่การประชุมเพื่อเลือกว่าจะยอมให้อยู่หรือจะขับไล่ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของบ้านออกไป
แค่เริ่มต้นไปไม่นาน หนังก็เริ่มทำงานกับจิตใจคนดูซะแล้วล่ะ ช่วงแรกของหนังทำนายแพทถอนหายใจไปหลายเฮือกอยู่ ภาพในนั้นมันดูจริงจังมาก หนักใจมากว่า ถ้าเป็นเรา ควรจะให้พวกเขาอยู่หรือขับไล่พวกเขาออกไปดี คนภายนอกน่าสงสารมากจริงๆ ท่ามกลางอากาศสุดหนาวของเดือนธันวา การใช้ชีวิตอยู่ภายนอกอาคารมีโอกาสรอดน้อยมาก แต่การเข้ามาร่วมอยู่อาศัยในสภาวะที่ทุกอย่างขาดแคลน ไฟฟ้าไม่ดี ประปาไม่ไหล อาหารเหลือน้อย พื้นที่ใช้สอยถูกแย่งใช้ แถมยังไม่รู้ว่าจะมาก่อความวุ่นวายอะไรอีก การขับไล่อาจเป็นวิธีที่ถูกต้องแล้วก็ได้
ดูไปก็ต้องไถ่ถามหัวใจตัวเองไป หลังจากเลือกแล้วเหตุการณ์ในหนังก็ยังเดินต่อ บอกเล่าเรื่องราวของคนกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันเพื่อความอยู่รอดของตัวเองและพวกพ้องแต่เบียดเบียนคนที่ยากลำบากกว่าอย่างไม่เป็นธรรม ความหวงแหนพื้นที่ที่มองว่าเป็นของของตน แต่ออกไปแย่งชิงทรัพยากรที่น่าจะเหลือไว้ให้คนอื่นล่ะ จะนับเป็นการเห็นแก่ตัวมั้ย ทุกอย่างที่บอกเล่ามา สามารถเปลี่ยนเป็นคำถามในใจคนดูได้ทั้งหมด
แม้แต่ในกลุ่มเดียวกันเอง ก็ยังมีความขัดแย้ง มองเห็นการรวมกลุ่มกันแล้วแบ่งแยกหน้าที่ มีทั้งคนที่ทำมาก และคนที่ทำน้อย คนทำมาก สมควรได้รับกลับคืนมากใช่หรือไม่ ส่วนคนที่น้อยแต่คาดหวังว่าจะได้เท่ากันล่ะ สมควรหรือเปล่า
นอกจากนี้ หนังก็ชวนตั้งคำถามถึงความเป็นผู้นำ การมีผู้นำที่ดีอาจพาผู้คนเดินไปถึงทางรอด และตรงกันข้าม ผู้นำที่แย่ก็อาจพาทุกคนไปสู่หายนะได้เช่นกัน จะพูดมากกว่านี้ก็ไม่ได้เนอะ เดี๋ยวจะเป็นสปอยล์ไปซะงั้น
ภายนอกอพาร์ตเมนต์ที่หลายคนไม่เคยได้ออกไปพบเจอ ได้แต่ฟังที่คนเคยออกไปบอกเล่าให้ฟังว่า มันเหมือนนรก แต่เอาเข้าจริง สภาพภายในควังจุงแห่งนี้เองก็ไม่ต่างกันมากนัก มันก็แค่ระเบิดเวลาที่รอวันปะทุ เป็นใครก็คงมองออกแต่แรกเริ่มว่า คงสงบสุขอยู่ไม่นาน มีอะไรบางอย่างที่ชี้บอกอยู่ว่าจะเป็นเช่นนั้น
เหนืออื่นใด หนังหยิบแก่นแท้ของความเป็นมนุษย์มาวางไว้ให้เราได้ซึมซับแต่ชวนตั้งคำถามทดสอบจิตใจคนดูตลอด 2 ชั่วโมงเศษ หนังไม่ได้แค่พาให้เราระทึกปนแน่นอกไปกับเรื่องราว หากชักพาเราไปดำดิ่งกับความเจ็บปวดที่ตัวละครบางตัวได้พบเจอ คนนึงเก็บกดความรู้สึกไว้ตลอดมา ในใจอาจไม่เห็นด้วยแต่ต้องทำเพื่อปกป้องคนรักที่เป็นสมาชิกมรครอบครัวคนเดียวที่เหลือ อีกคน ที่พยายามคัดค้านมาตลอดแต่ไม่มีแรงพอจะต่อต้านเสียงส่วนใหญ่ ทำคนดูต้องหลั่งรินน้ำตาเช่นเดียวกับหนังเกาหลีเรื่องอื่นที่ผ่านตา
หนังไม่ได้มีแค่ 3 ตัวนำอย่าง อีบยองฮอน, พัคซอจุน และ พัคโบยอง เท่านั้นนะ ยังมีตัวละครอีกหลายตัวเลยแหละที่ร่วมถ่ายทอดบนเด่นในหนังเรื่องนี้ ต่างคนต่างก็ถ่ายทอดฝีมือการแสดงในบทของตนอย่างเต็มที่ ราวกับนี่จะเป็นเรื่องสุดท้ายของพวกเขา จนบางทีก็ยากจะบอกว่า ใครกันที่แสดงได้โดดเด่นที่สุด
ลองพาตัวเองไปพบกับหนังภัยพิบัติสัญชาติเกาหลีเรื่องนี้ดู แล้วจะรู้ว่าทำไมมันถึงได้กลายเป็นตัวแทนเกาหลีชิงออสการ์!
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Concrete Utopia / คอนกรีต ยูโทเปีย วิมานกลางนรก / 콘크리트 유토피아 |
กำกับ | Uhm Tae Hwa/ออมแทฮวา |
เขียนบท | Kim Soong Nyoong/คิมซุงนยุง (webcomic) |
แสดงนำ | Lee Byung Hun/อีบยองฮอน, Park Seo Joon/พัคซอจุน, Park Bo Young/พัคโบยอง, Kim Sun Young/คิมซอนยอง, Park Ji Hu/พัคจีฮู, Na Chul, Kim Do Yoon/คิมโดยุน |
แนว/ประเภท | แอ็คชัน, ผจญภัย, ดราม่า, ไซไฟ, ระทึกขวัญ |
เรท | |
ความยาว | 130 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | เกาหลีใต้ |
เข้าฉายในไทย | 31 สิงหาคม 2023 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Lotte Entertainment, BH Entertainment Co. Ltd., Climax Studio, สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล |
คะแนนหนัง วิมานกลางนรก
พล็อตและบท - 8.2
การแสดง - 8.5
การดำเนินเรื่อง - 8
เพลงและดนตรีประกอบ - 8.2
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 8.5
8.3
Concrete Utopia
หนังหยิบแก่นแท้ของความเป็นมนุษย์มาวางไว้ให้เราได้ซึมซับแต่ชวนตั้งคำถามทดสอบจิตใจคนดูตลอด 2 ชั่วโมงเศษ หนังไม่ได้แค่พาให้เราระทึกปนแน่นอกไปกับเรื่องราว หากชักพาเราไปดำดิ่งกับความเจ็บปวดที่ตัวละครบางตัวได้พบเจอ อีบยองฮอน, พัคซอจุน และ พัคโบยอง ต่างคนต่างก็ถ่ายทอดฝีมือการแสดงในบทของตนอย่างเต็มที่ จนยากจะบอกว่า ใครกันที่แสดงได้โดดเด่นที่สุด