ชีวิตของเรา เราไม่รู้หรอกว่ามันจะมีอีกมั้ย เราจะมีแค่ชีวิตเดียวหรือไม่ ยังไม่เจอใครที่จำชีวิตก่อนได้สักคน แค่ชีวิตนี้ก็ดูมีอะไรมากมายให้ต้องพบเจอ และสำหรับเรื่องความรัก เราอาจจะมีครั้งเดียวที่จะได้ใช้ชีวิตกับใครสักคน แต่อาจจะมีอีกหลายครั้งที่ได้เพียงแค่ผ่านมาพบกัน…ก่อนจะจากไป และเหลือทิ้งไว้เพียงแค่…ความทรงจำ
หนังจาก Woody Allen มักเล่นกับเรื่องความรัก บรรยากาศเก่าๆ ไม่ก็เมืองชวนฝัน ดูหนังของเขาแล้วเหมือนหมุนไปอยู่ในอีกเวลาหนึ่ง เรื่องราวอาจจะดูซับซ้อนและคาดเดายาก แต่กับบางเรื่องมันก็แสนจะเรียบง่าย และเข้าถึงได้ง่ายด้วยเช่นเดียวกับ ‘Café Society ณ ที่นั่นเรารักกัน’ นายแพทหมายถึงเรื่องนี้แหละครับ
ว่าแล้วก็เข้าไปดูหนังเรื่องนี้กันเลย…
เรื่องย่อหนัง ‘Café Society’
ย้อนไปไกลถึงราวปี 1930 โน่นเชียว ท่ามกลางกลุ่มผู้คนในวงการหนังฮอลลีวูดช่วงนั้น พระเอกของเรา บ็อบบี้ (Jesse Eisenberg) หนุ่มน้อยผู้ต้องการทำงานในวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูด เขามีฟิล สเติร์น (Steve Carell) ลุงที่กว้างขวางอยู่ในวงการ ณ เวลานั้น เขาจึงลุกมาจากแมนฮัตตันเพื่อของานทำที่นั่นกับคุณลุง เขาได้งาน แต่ก็ได้คนพาเที่ยวฮอลลีวูดด้วย วอนนี่ (Kristen Stewart) คือสาวสวยคนนั้น เขาตกหลุมรักเข้าเต็มเปา
ไม่นานเขาก็ได้รับรู้ข่าวร้าย
เธอเป็นเลขาส่วนตัวของฟิล และเธอคือคนรักที่คบกันอย่างลับๆ ของลุงฟิล แล้วเขาจะทำอย่างไรกับชีวิตของเขา ชีวิตของบ๊อบบี้ที่มีพี่ชายเป็นมาเฟีย มีพี่สาวที่ได้กับสามีที่เชื่อในลัทธิความเป็นคอมิวนิสต์
ณ ที่แห่งนั้นเองได้เรียนรู้บทเรียนชีวิตในฮอลลีวูดแบบคาดไม่ถึง
รีวิวหนัง ‘ณ ที่นั่นเรารักกัน’
ความรักเป็นเรื่องที่จะว่าเข้าใจง่ายก็ง่าย จะว่าเข้าใจยากมันก็ยาก หนังของลุงวูดดี้พูดถึงเรื่องราวของหนุ่มบ็อบบี้ไว้อย่างเรียบง่ายไม่ซับซ้อน เราสามารถติดตามเนื้อเรื่องไปได้อย่างไม่มีข้อสงสัยอะไร กับภาพของหนังที่ย้อมโทนสีเหลือง ดำเนินเรื่องไปอย่างเรียบเรื่อยที่พอนานไปอาจจะทำให้พอมีหาวกันได้บ้าง แต่ด้วยความสวยของ Kristen Stewart นางเอกในชุดแต่งกายสไตล์ย้อนยุค นั่นทำให้หนังน่าเพลิดเพลินได้อยู่ไม่น้อย
แน่นอนว่า ไม่ได้มีแค่เบลล่าคนนั้นหรอกในหนังน่ะ แต่ยังมีแม่นางพิฆาตฉลามอยู่ในนั้นด้วย Blake Lively เธอเฉิดฉายมากในชุดสวยย้อนยุคเช่นนั้น เธอเป็นรักครั้งใหม่ของบ็อบบี้ ชายผู้ยังมีความหลังความทรงจำของหญิงอีกคนอยู่ในหัวใจ
ผลงานล่าสุดของลุงอัลเลน ‘ณ ที่นั่นเรารักกัน’ พูดถึงความเจ็บปวดแห่งความรักได้อย่างเรียบง่าย ผ่านเสียงดนตรีแจ๊สละมุนละไม อบอวลด้วยความเก่าคลาสสิกของอเมริกันในสมัยอดีต หนังบอกเราให้เห็นและเข้าใจว่า “คนเราเปลี่ยนแปลงได้เสมอ” บ็อบบี้อาจจะเป็นแค่เด็กหนุ่มใสซื่อในวันแรกที่เข้ามาอยู่ในฮอลลีวูด แต่พอผ่านอะไรต่อมิอะไรมา วันหนึ่ง เขาก็กลายเป็นบ็อบบี้ที่ดูมีความมั่นใจมากขึ้น เช่นเดียวกับวอนนี่ ที่วันแรกที่บ็อบบี้เจอ กับวันท้ายๆ ในหนัง เธอดูเป็นอีกคนที่แตกต่างจากสิ่งที่เธอเคยพูดไว้อย่างชัดเจน ทำให้เรารู้ว่า แม้เราจะยังเป็นตัวเราอยู่
แต่คนเราย่อมเปลี่ยนได้ จากประสบการณ์ที่เราได้เจอ
“รัก” มักจะเกิดได้ทุกที่ ทุกเวลา แม้แต่กับคนที่คิดว่าชีวิตนี้ได้เจอคนที่ใช่แล้ว แต่ก็ไม่มีทางรู้ว่าอีกวันนึงจะเจออีกคนที่ใช่ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคนไหนใช่มากกว่า รึว่าใช่ในคนละเวลากันก็ไม่รู้ หนังพูดถึงการนอกใจที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน เกิดกับใครก็ได้ที่คิดว่าตนรักเดียวใจเดียว ความรักมีแง่มุมร้ายๆ ของมันและผู้กำกับฯ เลือกจะบอกแต่แง่มุมนั้นให้กับเรา แง่มุมร้ายๆ ที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน
โดยที่เราไม่รู้ว่าวันไหนจะเกิดกับเรา
หลายคนอาจมองว่าความรักคือความสวยงาม เป็นความน่าหลงใหล ใครๆ ก็เฝ้าแต่ถวิลหา ไขว่และคว้าหามันมาเพื่อครอบครอง แต่ก็ยังมีอีกหลายคนมองว่า มันคือความเจ็บปวด เพราะมันเพียงฉาบไว้ซึ่งน้ำหวาน หากข้างในกลับซ่อนคมเขี้ยวอันร้ายกาจเอาไว้ แต่เมื่อมนุษย์ยังคงต้องการมัน พวกเขาก็ย่อมต้องยอมรับความเจ็บปวดอันเกิดจากมันไว้ด้วย
ดูในโรงอาจจะไม่ทันได้รู้สึกอะไร ออกมาจากโรง ทำไมมัน “ซึม” อย่างนี้
ชื่อภาพยนตร์: Café Society / ณ ที่นั่นเรารักกัน
ผู้กำกับภาพยนตร์: Woody Allen
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Woody Allen
นักแสดงนำ: Jesse Eisenberg, Kristen Stewart, Steve Carell, Sheryl Lee, Jeannie Berlin, Ken Stott, Corey Stoll, Blake Lively
ความยาว: 96 นาที
แนว/ประเภท: Comedy, Drama, Romance
อัตราส่วนภาพ: 2.00 : 1
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 14 กรกฎาคม 2559
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Gravier Productions, Perdido Productions
ณ ที่นั่นเรารักกัน
Café Society - 8
8
Café Society
ผลงานล่าสุดของลุงอัลเลน พูดถึงความเจ็บปวดแห่งความรักได้อย่างเรียบง่าย ผ่านเสียงดนตรีแจ๊สละมุนละไม อบอวลด้วยความเก่าคลาสสิกของอเมริกันในสมัยอดีต หนังบอกเราให้เห็นและเข้าใจว่า "คนเราเปลี่ยนแปลงได้เสมอ" บ็อบบี้อาจจะเป็นแค่เด็กหนุ่มใสซื่อในวันแรกที่เข้ามาอยู่ในฮอลลีวูด แต่พอผ่านอะไรต่อมิอะไรมา วันหนึ่ง เขาก็กลายเป็นบ็อบบี้ที่ดูมีความมั่นใจมากขึ้น เช่นเดียวกับวอนนี่ ที่วันแรกที่บ็อบบี้เจอ กับวันท้ายๆ ในหนัง เธอดูเป็นอีกคนที่แตกต่างจากสิ่งที่เธอเคยพูดไว้อย่างชัดเจน ทำให้เรารู้ว่า แม้เราจะยังเป็นตัวเราอยู่ แต่คนเราย่อมเปลี่ยนได้ จากประสบการณ์ที่เราได้เจอ
1 คอมเมนต์