ในช่วงเวลาที่ผมไปเก็บตกหนังไทยที่โรงภาพยนตร์ House RCA มีหนังสามเรื่องที่ผมได้มีโอกาสชมในวันเดียวกัน และมันยังเหลืออีกเรื่องหนึ่งที่ผมยังไม่ได้เขียนถึง แน่นอน มันยังอยู่ในใจเสมอมา ว่าต้องเขียนถึงให้ได้แม้ว่ามันจะเป็นหนังที่เขียนถึงได้ยากมากที่สุดเลยก็ตาม ผมกำลังหมายถึงภาพยนตร์ไทยเรื่อง ‘ดาวคะนอง (By the Time It Gets Dark)’ ครับ
มันเป็นหนังไทยที่มีดาราที่คุ้นหน้าเข้าไปอยู่ในนั้นหลายคน แต่ก็เป็นหนังที่นอกกระแสขนาดที่คนไทยจำนวนมากไม่รู้จัก แต่กลับได้เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในการประกาศรางวัลสุพรรณหงส์ปีนี้เสียด้วย
อย่างนี้ก็คงไม่ดูไม่ได้เสียแล้วล่ะครับ
เรื่องย่อหนัง ‘ดาวคะนอง’
หนังมันเกี่ยวกับอะไรเหรอ แค่เล่าก็ดูจะยากแล้ว มันเป็นเรื่องของผู้กำกับฯ สาวที่ชอบทำหนังที่เล่าจากเรื่องจริงของคนอื่น เธอพาคนดังที่เคยเป็นดาวมหา’ลัยที่กลายเป็นแกนนำเดินขบวนไปพักด้วยกันเพื่อถ่ายทำบทสัมภาษณ์
แต่นั่นก็เป็นแค่หนึ่งเรื่องราวที่บังเกิดในหนังเรื่องนี้
ยังมีเรื่องราวของอีกหลายชีวิตที่อยู่ในนั้น ยังมีผู้ชายอีกคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในหลายๆ ที่ ทั้งโรงงานยาสูบ เป็นนักร้อง และยังเป็นนักแสดงคู่ขวัญของดาราสาวอีกคน ชีวิตของเขายังเกี่ยวพันกับอีกหลายชีวิตในหนัง เช่นเดียวกับตัวละครอีกตัว เธอเป็นตัวละครที่ประกอบอยู่ในทุกเหตุการณ์ แต่เธอเป็นคนไม่สำคัญ มีหน้าที่บางอย่างที่ทั้งเกี่ยวและไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น
มีตัวละครอีกหลายตัวเลยที่หนังพูดถึง แต่ก็ไม่รู้จะเล่าในเรื่องย่อให้รู้เรื่องได้อย่างไร
รีวิวหนัง ‘By the Time It Gets Dark’
หนังเล่าเรื่องของคนหลายคน เล่าเรื่องไปเรื่อยๆ สลับจากคนโน้นทีไปคนนี้ที เหมือนกับว่าจะมีความหมายใดซ่อนอยู่ แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ง่ายเลยที่จะทำความเข้าใจว่าตัวเองต้องการจะสื่ออะไร ไม่แปลกหรอกที่คนไทยส่วนใหญ่ที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วจะรู้สึกอย่างนี้
แต่สิ่งที่รู้สึกได้ชัดเจนมาก คือ หนังถ่ายทำออกมาได้สวยงามมาก ประณีตในการเลือกมุมถ่าย แถมยังมีการกำกับที่ดี นักแสดงทุกคนเล่นได้อย่างเนียน
ไม่ได้ล้นหรือดูประดักประเดิดเลยสักวินาที
แต่สิ่งที่หนังเป็นคือมีความเฉพาะตัวในการดำเนินเรื่องราว มีอารมณ์ที่ไม่เหมือนใครในระหว่างดู และเป็นหนังที่เราจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาสื่อสารได้อย่างกระจ่างชัด แต่ทำให้รู้สึกได้หลังหนังจบว่า
น่าจะได้มีโอกาสดูหนังอีกสักหน…หลังหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว
บ้างก็ว่าหนังมีเนื้อหาที่พูดถึงการรำลึกถึงเหตุการณ์เรียกร้องประชาธิปไตยของบ้านเรา ช่วง 6 ตุลา อะไรเทือกนั้น พอมานั่งนึกดูก็พบว่า ในตอนดู ผมก็รู้สึกได้ประมาณหนึ่งแล้วว่า มันพูดถึงอะไรในช่วงนั้น แค่มันไม่ได้หนักแน่นหรือตรงไปตรงมา
เหมือนกับว่าคนทำรับรู้ถึงความเสี่ยงในระดับหนึ่งที่จะพูดเรื่องนี้ การเล่าเรื่องจึงไม่ได้สื่อทุกอย่างแบบตรงๆ แต่ใช้ภาษาภาพในการสื่อซึ่งก็จะต้องพึ่งประสบการณ์และความนึกคิดของผู้ชมเป็นสำคัญในการที่จะเข้าใจหนังมากน้อยแค่ไหน
เลยกลายเป็นหนังที่ “เข้าถึงยาก” สำหรับคนที่ไม่ได้ทำการบ้านมา หรือไม่ได้คาดคิดว่าจะเจออะไรประมาณนี้ ยอมรับว่าหนังมีบางสิ่งที่จะสื่อ บางส่วนก็ดูจะเข้าใจหนัง แต่กับบางส่วน
ก็เหมือนกันว่าผมยังเดินไปไม่ถึง
ถ้าจะถามว่ามันเป็นหนังที่ดีมั้ย บางทีคำตอบมันอาจไม่ถูกใจทุกคน หนังดีสำหรับแต่ละคนนั้นมันไม่เหมือนกัน แต่พอจะบอกได้ว่ามันเป็นหนังที่มีชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ มีการถ่ายทำที่ดีมาก นักแสดงแต่ละคนก็เล่นเอาไว้ได้ดีเช่นกัน อาจไม่แคร์ว่าจะเข้าถึงผู้คนหรือไม่ หากแต่มีความทะนงตนพอตัวที่จะให้ผู้ชมเป็นฝ่ายเดินเข้าหา
บ้างบอกว่านี่เป็นการเดินทางที่ไม่เหมือนใครสำหรับหนังไทย บ้างว่านี่เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจสำหรับคนดูหนัง ไม่อาจจจะตัดสินได้ว่าควรจะรู้สึกแบบใดกับหนัง จะชอบหรือไม่ชอบก็คงต้องให้คุณเป็นคนตัดสินเอาเอง แค่น่าเสียดายที่หนังไม่ได้รับการฉายในวงกว้างมากพอ ประกอบกับคนไทยเองก็ไม่ได้เปิดใจรับในสิ่งเหล่านี้สักเท่าไหร่นัก
คนต่างชาติจึงได้ชื่นชมกับหนังเรื่องนี้มากกว่าคนไทย
ประสบการณ์จากหนังเรื่องนี้ คือ ความขาดวิ่นของเรื่องราวที่คนดูต้องใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นนิดนึงเพื่อปะติดปะต่อมัน ใจความบางส่วนที่กระเทาะจากหนังคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว มันคือความทรงจำ มันคือเรื่องที่ถูกบันทึกโดยคนอื่น เราคือคนที่ได้รับส่งต่อเรื่องราวมาอีกที มันจึงมีสิ่งที่จริงๆ กับลวงๆ ปะปนกันไป เหมือนสิ่งที่พี่แต้วบอกเอาไว้กับผู้กำกับฯ สาวว่า เธอไม่ใช่ประวัติศาสตร์ที่ยังมีชีวิตอยู่หรอก เธอคือ “ผู้รอดชีวิต” ต่างหาก รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดขึ้นมาทันที ผสมผสานกันไปกับภาพอื่นๆ ที่บ่งบอกถือว่าความจริงความลวงที่ยังคงมีอยู่ในทุกยุคทุกสมัย …และเสมอมา
สาส์นในหนังคือเรื่องในอดีตที่ผ่านมากว่า 40 ปีแล้วซึ่งคนรุ่นใหม่อาจไม่มีอารมณ์ร่วม แต่ถ้าดูหนังแล้วลองเก็บข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิด ก็จะพบว่ามันยังมีอะไรในนั้นให้ค้นหาอีกเพียบ ถ้ามีโอกาสก็น่าจะลองให้เวลากับมันอีกเป็นครั้งที่สอง
ในใจคิด.. “หวังว่าจะมีโอกาสนั้นนะ”
ชื่อภาพยนตร์: ดาวคะนอง / By the Time It Gets Dark / Dao Khanong
ผู้กำกับภาพยนตร์: ใหม่ – อโนชา สุวิชากรพงศ์
ผู้เขียนบทภาพยนตร์:
นักแสดงนำ: วิศรา วิจิตรวาทการ, อารักษ์ อมรศุภศิริ, อภิญญา สกุลเจริญสุข, เพ็ญพักตร์ ศิริกุล, รัศมี เผ่าเหลืองทอง, อัจฉรา สุวรรณ์, อินทิรา เจริญปุระ, ศจี อภิวงศ์, เววิรี อิธิอนันต์กุล
ดนตรีประกอบ:
แนว/ประเภท: Drama
ความยาว: 105 นาที
อัตราส่วนภาพ:
เรท: ไทย/น15+, USA/
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 8 ธันวาคม 2559
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Electric Eel Films
ดาวคะนอง
ดาวคะนอง - 8
8
By the Time It Gets Dark
ประสบการณ์จากหนังเรื่องนี้ คือ ความขาดวิ่นของเรื่องราวที่คนดูต้องใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นนิดนึงเพื่อปะติดปะต่อมัน ใจความบางส่วนที่กระเทาะจากหนังคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว มันคือความทรงจำ มันคือเรื่องที่ถูกบันทึกโดยคนอื่น เราคือคนที่ได้รับส่งต่อเรื่องราวมาอีกที มันจึงมีสิ่งที่จริงๆ กับลวงๆ ปะปนกันไป