เป็นที่ยอมรับกันว่า ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา บ้านเมืองเหมือนตกอยู่ท่ามกลางความมืดมน ด้วยการที่ฝ่ายทหารลุกขึ้นมาก่อรัฐประหารด้วยการอ้างความไม่สงบเรียบร้อยเพื่อสร้างความชอบธรรม แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่มองว่าประชาธิปไตยในบ้านเราคงไม่ไปถึงไหนถ้าไม่เกิดความเปลี่ยนแปลง คบไฟดวงหนึ่งจึงถูกจุดขึ้นมา ส่องแสงจ้าเพื่อหาคนรับช่วงต่อ เรื่องราวเหล่านั้นได้รับการบันทึกและถ่ายทอดเอาไว้ใน ‘อำนาจ ศรัทธา อนาคต’ หรือชื่อไทย ‘Breaking the Cycle’ ภาพยนตร์สารคดีการเมืองเรื่องแรกของไทย
‘อำนาจ ศรัทธา อนาคต’ มันคือหนังเกี่ยวกับอะไร?
พูดง่ายๆ เลย มันเป็นหนังสารคดี แต่ไม่ใช่สารคดีสัตว์โลกอะไรอย่างนั้นนะ มันเป็นสารคดีการเมืองที่เล่าถึงสิ่งที่เป็นปรากฏการณ์ในแวดวงเมืองไทย เมื่อคนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งที่มองดูประชาธิปไตยของบ้านเกิดตนเอง และเห็นว่ามันไม่เคยพ้นไปจากวังวนของการปฏิวัติรัฐประหาร และมองว่ามันควรถึงเวลาที่จะหยุดวงจรอุบาทว์นี้เสียที
และวิธีที่พวกเขาคิดว่ามันจะเปลี่ยนแปลงได้ ก็คือ การตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา พร้อมกับแจกจ่ายและปลูกฝังความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศลงไปให้จิตใจของผู้คน จากจุดเริ่มต้นนั้น มันได้กลายเป็นมา “พรรคอนาคตใหม่” พรรคการเมืองที่มีช่วงชีวิตอยู่บนเส้นทางการเมืองได้ไม่นาน
แต่ก็นานพอจะกลายเป็นหนังสารคดีหนึ่งเรื่อง!
‘อำนาจ ศรัทธา อนาคต’ มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?
อันที่จริง มันเกิดขึ้นมาจากการที่ชายหนุ่ม 2 คนที่ต่างก็เป็นมือใหม่ในวงการหนังสารคดี ทั้ง เอกพงษ์ สราญเศรษฐ์ และ ธนกฤต ดวงมณีพร ที่ได้เข้าคลุกคลีกับพรรคการเมืองเกิดใหม่ในปี พ.ศ. 2561 แล้วรู้สึกสนใจอยากถ่ายทำฟุตเทจเก็บไว้ จึงขออนุญาตเข้าไปเก็บภาพ ก่อนที่ยิ่งทำมันกลับยิ่งกลายเป็นเรื่องเป็นราวที่จริงจังมากขึ้นทุกที เมื่อพรรคการเมืองใหม่ที่ชื่อ “พรรคอนาคตใหม่” สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมได้จริง และทำให้ผู้คนมากมายที่เบื่อหน่ายการเมืองหันมาให้ความสนใจ นั่นแหละที่มันกลายเป็นปรากฏการณ์
พวกเขาติดตามถ่ายทำเก็บฟุตเทจยาวนานหลายปี ตามเก็บไปทั่วประเทศโดยที่ไม่รู้ว่า เรื่องราวของพรรคการเมืองพรรคจะเดินไปถึงตรงไหน ก่อนมันจะถูกตัดต่อแล้วกลายเป็นภาพยนตร์สารคดีความยาว 115 นาทีมาให้เราได้ดูกันในวันนี้
ผู้กำกับหนุ่มทั้งสองถ่ายทอดพลังของคนรุ่นใหม่ที่สร้างความหวังให้กับคนตัวเล็กตัวน้อยได้มองเห็นว่า ประชาธิปไตยเป็นของพวกเขาทุกคน จนความหวังอันนั้น สร้างความกลัวให้กับขั้วอนุรักษ์นิยม จนเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งแต่มันหันกลับมาจนกลายเป็นจุดจบของพรรคซะเอง แม้นั่นจะทำให้ 2 หนุ่มผู้กำกับรู้สึกดีใจที่หาตอนจบให้หนังตัวเองเจอ แต่มันก็กลายเป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่คบไฟดวงแรกถูกสั่งให้มอดดับไปทั้งที่ถูกจุดให้สว่างขึ้นมาได้เพียงไม่นาน
‘อำนาจ ศรัทธา อนาคต’ บันทึกประวัติศาสตร์การเมืองไทย
อย่างที่รู้กันมาว่า ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยมาเกินกว่า 80 ปีแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่า เราจะยังคงอยู่ในวังวนของการรัฐประหาร ในช่วงชีวิตหนึ่งของคน ต้องเคยผ่านการรัฐประหารโดยกลุ่มคนผู้มีอาวุธ รถถัง และกำลังคนมาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้ง โดยอ้างสิทธิว่าทำไปเพื่อการจัดระเบียบบ้านเมือง แต่ละครั้งก็ต้องมีการล้มล้างรัฐธรรมนูญแล้วจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ทำให้ประชาธิปไตยของบ้านเราไม่เคยก้าวไปไหน แต่แล้ว วันหนึ่ง คนกลุ่มหนึ่งก็ลุกขึ้นมาท้าทายและบอกว่า ประเทศนี้ต้องการความเปลี่ยนแปลง
พรรคอนาคตใหม่ เกิดขึ้นมาพร้อมกับพลังของคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดใหม่ๆ พวกเขาทำให้สีสันการเมืองไทยมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อแนวคิดที่กระจายไปยังผู้คน จุดติดเพราะลึกๆ พวกเขาก็คิดเช่นนั้นอยู่เช่นกัน ที่สุดมันก็ขยายกลายเป็นพลังที่ใหญ่โตขึ้น โดยที่ไม่ทันคาดคิด หรือถึงแม้จะคาดไว้ แต่ก็ได้พบความจริงว่า ถ้าอีกฝ่ายที่เป็นเผด็จการและลิ้วล่อจะขยี้ให้แหลกจมดิน พวกเขาก็คงไร้เดียงสาเกินกว่าจะรับมือ
การเล่าเรื่องของ ‘Breaking the Cycle’
เรื่องเล่ามันเริ่มต้นขึ้นด้วยเสียงและภาพบรรยากาศการนั่งให้สัมภาษณ์ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่บอกเล่าความคิดที่มาที่ไปของการมองเห็นรัฐประหารที่มากเกินไปและไม่เคยหมดไปจากการเมืองไทย สลับด้วยภาพเหตุการณ์ของช่วงเวลาเหล่านั้น ตั้งแต่วันเริ่มต้นของการมำรัฐประหารของฝ่ายทหารที่นำโดย ประยุทธ์ จันทร์โอชา สลับไปกับการให้สัมภาษณ์ของผู้เกี่ยวข้องกับพรรค ไม่ว่าจะเป็น รองศาสตราจารย์ ปิยบุตร แสงกนกกุล, พรรณิการ์ วานิช อีกทั้ง นักวิชาการและแฟนคลับตัวยง
Taglines: The fight for power continues. Who does this country belong to?
ต้องบอกว่า เขาเริ่มต้นสารคดีเอาไว้ได้ขึงขังทีเดียว เล่าไปทีละขั้นละตอน ว่าพวกเขาก้าวขึ้นมาเป็นความหวังของผู้คนอย่างไร สร้างปรากฏการณ์อย่างไร และถูกจัดการอย่างไร บางส่วนเข้มข้น ตัดต่อเดินเรื่องชวนตื่นเต้น (แม้จะรู้เหตุการณ์มาก่อนแล้วก็ตาม) บางหน ก็นำปแบบเกมโชว์มาใช้ แต่บางครั้ง ก็ย้ายไปเล่นเรื่องอารมณ์ แตะชีวิตครอบครัวที่เดินคู่กันไปกับชีวิตการเมือง ซึ่งอาจทำให้ความเข้มข้นมันกระจัดกระจายไปบ้างบางเวลา
แม้ตอนจบ หนังจะไม่ได้ขมวดปมที่เคยใช้ในตอนเริ่มเรื่องเท่าไหร่ แต่อย่างน้อย หนังก็ฉายภาพสะท้อนของวงจรการเมืองไทยที่อยู่ในวังวน ยิ่งกับการรัฐประหารครั้งล่าสุดที่ตั้งใจจะอยู่นาน จึงสร้างองค์ประกอบทุกอย่างในการสืบทอดอำนาจ จึงไม่ได้น่าแปลกใจอะไรที่ผู้ท้าทายอำนาจจะถูกขย้ำเช่นนี้
ถือเป็นเรื่องดีที่ประเทศไทยได้มีหนังสารคดีการเมืองกับเขาสักเรื่องหนึ่ง เป็นหนังที่บันทึกบทสำคัญในแวดวงการเมืองของไทย รวมทั้งยังส่งออกไปให้คนต่างชาติได้รู้จักบ้านเรามากขึ้น เวลา 6 ปีที่สองผู้กำกับพากเพียรถ่ายทำ ควบคุมการตัดต่อ และพามันไปให้คนดูได้สัมผัส จึงถูกมองว่ามีคุณค่ามากกว่าจะเป็นแค่การอวยใครหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
จากมุมมองในช่วง Q&A นั้น แม้สองหนุ่มผู้กำกับฯ จะบอกว่า พวกเขายังหามุมไม่เจอสำหรับหนังสารคดีภาคใหม่ แต่ในความเป็นจริง เรื่องราวของหนังมันก็ยังเป็นแค่ภาคแรกเท่านั้น และมันจะกลายเป็น “หนังไตรภาค” ในสักวัน
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | อำนาจ ศรัทธา อนาคต / Breaking the Cycle |
กำกับ | เอกพงษ์ สราญเศรษฐ์, ธนกฤต ดวงมณีพร |
เขียนบท | |
แสดงนำ | ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, ปิยบุตร แสงกนกกุล, พรรณิการ์ วานิช, รังสิมันต์ โรม, สุทธิชัย หยุ่น |
แนว/ประเภท | สารคดี |
เรท | |
ความยาว | 115 นาที |
ปี | 2024 |
สัญชาติ | ไทย |
เข้าฉายในไทย | 6 มิถุนายน 2024 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Pop, Purin Pictures, HAL Distribution |