วันนี้ ไปดูหนังมาครับ เป็นหนังจาก GTH อีกเรื่องที่ผมได้ไปดูมาในปีนี้ หลังจากดู ‘สายลับจับบ้านเล็ก’ ไปหมาดๆ เองนะเนี่ย เรื่องนี้ คือ ‘บอดี้ ศพ#19’
ผมว่า หลายคนเริ่มไม่คาดหวังกับหนังไทยไปแล้ว หลังจากคิดว่า มันจะกลับมาบูมอีกครั้ง มันกลับบูมได้แป๊บเดียว แล้วก็เข้าอีหรอบเดิม ใครทำหนังแบบไหนแล้วทำเงิน ก็เริ่มจะแห่ไปทำเช่นเคย ด้วยมุมของการตลาดมวลชน คนกลุ่มใหญ่ดูหนังแบบไหนกัน ก็ทำแบบนั้น เพื่อรับประกันยอดรายได้ โดยไม่ได้คำนึงถึงโอกาสในการพัฒนาวงการหนังบ้านเกิดตัวเอง กับโอกาสในการรับชมภาพยนตร์ไทยดีๆ ของคนดูสักเท่าไหร่
หลังจากได้ดูหนังตัวอย่างกันไป หลายคนเกิดความรู้สึกอยากดูขึ้นมาทันใด โดยคาดหวังว่ามันจะเป็น “หนังผี” ที่ได้น้ำได้เนื้อกว่าที่ทำๆ กันในตลาด ผมเองก็เช่นกัน คาดหวังกับมัน แม้ว่าจะไม่ได้รับแรงผลักดันมากนักจากหนังตัวอย่าง แต่อารมณ์หนังแบบนี้ของ GTH ผมเชื่อว่า น่าจะพอมีดีให้ชมกันบ้าง
เมื่อวันนั้นมาถึง ผมซื้อตั๋วเข้าชมมันที่โรงประจำอย่างปลาร้าก้อน กะจะเอาไมล์ที่สะสมไปแลกป็อปคอร์นกินในโรง ก็พบกับคำตอบที่ว่า ต้องเอาตั๋วหนังที่ซื้อแล้วได้ไมล์มาแลกของด้วย อ้าว! ไม่รู้เรื่องเลยสักนิด เลยไม่ได้เก็บอะไรไว้ เล่นกันอย่างนี้ เลิกเลยดีกว่า เอาเปรียบกันเกินไปหรือเปล่า ต้องเก็บหางตั๋วไว้ด้วยเรอะ กลัวผมขโมยไมล์มาจากพนักงานรึไง!
รีวิวหนัง ‘บอดี้ ศพ#19’
พอ เลิกบ่น เข้าโรงไปดูหนังกันดีกว่า โรงปลาร้าก้อนไม่้ต้องคิดมากเลยเรื่องเลือกตำแหน่งที่นั่ง เลือกแถวกลางๆ ไว้เป็นใช้ได้หมด
‘บอดี้…ศพ#19’ เป็นหนังประมาณหนังผีหลอน+หนังผีตกใจ+หนังผีแหวะ คือหยิบเอาทุกสไตล์มาคละเคล้ากัน ไม่มีอะไรมากไปน้อยไป เพราะฉะนั้น ผมเองซึ่งเกลียดหนังผีแหวะๆ จึงพอจะรับมันได้มากหน่อย ขณะที่มุกตกใจก็มีเข้ามาเล่นเป็นพักๆ ไม่เล่นเป็นวรรคเป็นเวรอย่าง ‘ชัตเตอร์’ (ซึ่งยังผลให้ ‘แฝด’ ไม่ได้กระตุกต่อมตกใจอะไรผมสักนิด ถ้ายังเล่นมุกนี้ จะเลิกดูแล้วละ หนังคุณน่ะ)
บอดี้ อาจเป็นหนังที่ดูไม่มี gimmick นักสำหรับคอ GTH เพราะไม่ค่อยเล่นมุกตั้งชื่อตัวละครเหมือนเรื่องอื่นของ “เหล่าผู้กินกับแฟนฉัน” อุษา, สุธี, ชลสิทธิ์, ดาราราย, หมอจิ๊บ รู้สึกจะไม่มีชื่อไหนตรงกับนักแสดงหรือทีมงานนะครับเนี่ย แต่ขำตรงที่ พระเอกเปิดดูทีวี เจอแต่หนังของ GTH เนี่ยแหละ เหอๆ
เรื่องย่อ คงไม่พูดถึงแล้ว หาอ่านได้จาก ‘บอดี้ ศพ#19‘ นั่นแหละ เทคนิคการเล่าเรื่องก็เรียกได้ว่า แพรวพราวพอสมควร คนที่ดูหนแรก น้อยคนนักจะเดาทางตอนท้ายได้ แม้จะหยอดจุดสังเกตต่างๆ ตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่ก็พบว่าหลายคนยังมึนๆ จนเดาทางไม่ถูก แล้วเมื่อรู้ตัวก็พบ “ถูกหลอกซะแล้ว”
หนังพยายามเก็บทุกเม็ดในช่วงของการเฉลย สิ่งที่ต้องยอมรับอย่างหนึ่ง คือมันเป็นหนังผีไทยที่เต็มไปด้วย CG ในปริมาณที่มากพอดู หลายฉากทำมาได้สวยทีเดียว หลอนๆ อีกต่างหาก แต่บางฉากก็ดูธรรมดาไปนิด ไม่เนียนเท่าที่ควร การเล่นเอาผีไปแปะบนเพดานนี่ก็เล่นกันจนเก่าหามุกเล่นไม่ออกแล้ว แต่บางทีการใส่โมเดล “เส้นผม” อาจจะต้องได้รับการพัฒนาอีกสักนิด
ที่สังเกตอีกอย่าง คือ ภาพที่เห็นบนจอ มันมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ (เหมือนถ่ายภาพแล้วเกิด noise อะ) อยู่ตลอดเรื่อง ไม่ว่าจะต้องใช้ CG ร่วมด้วยไม่ก็ตาม ไม่รู้ว่าเกิดจากขั้นตอนไหนที่ไหนได้ชัดก็คือ CG มีความคมชัดน้อยไปหน่อย เหมือนทำเบลอๆ กลบเกลื่อนความไม่เนียน อันนี้ ตัดสินจากสิ่งที่เห็น ไม่ได้มีความรู้มากนักหรอกนะครับ ในเรื่อง CG เนี่ย
แต่อย่างน้อย ผมก็พบว่า ยังเป็นหนังไทยที่ละเอียดในเรื่องของพล็อตและการดำเนินเรื่อง งานภาพนั้นก็สวยงาม และเท่ในบางช็อต (มารู้ทีหลัง ว่า ผกก. แกทำ MV มาก่อน มิน่า..) เล่าเรื่องได้ดีจนเราทำได้แค่เดินตามเนื้อเรื่อง และเดาตอนต่อไม่ได้ เดาสิ่งที่ซ่อนอยู่ไม่ได้ แม้จะพบบางจุดที่ขัดแย้งอยู่ก็ตาม เป็นหนังผีไทยเรื่องแรก ที่ต้องมานั่งวิเคราะห์กับคนข้างกายอีกหลายประเด็นหลังดูจบแล้ว ออกจากโรงมาแล้ว ถึงตอนนี้ก็ยังคิดถึงมันอยู่ ลองซื้อตั๋วเข้าไปชมแล้วกันครับ
…แล้วจะพบว่า บางอย่างที่เราเห็น มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดหรอกครับ เหอๆ