เมื่อไหร่ที่เห็นหน้า เลียม นีสัน บนโปสเตอร์หนัง ร้อยทั้งร้อยต้องคาดเดาว่าเป็นหนังแอคชัน ซึ่งมันก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ เพราะมีน้อยครั้งมากที่ลุงเลียมจะหันไปเล่นหนังดราม่า หนังไซไฟ หรือหนังที่สร้างจากวรรณกรรมเยาวชน และเรื่องนี้ก็เช่นกัน ‘Blacklight’ ชื่อไทย ‘โคตรระห่ำ ล้างบางนรก’ มันเป็นหนังแอคชันทริลเลอร์ และครั้งนี้ลุงเลียมสวมบทบาทเป็นสายลับที่ทำงานให้กับเอฟบีไอ
หนังเรื่องกำกับโดย Mark Williams คนเดียวกับที่เคยกำกับ ‘Honest Thief’ และ ‘A Defintely Maybe’ ทั้งยังเป็นผู้สร้าง-ผู้เขียนบทของซีรีส์ ‘Ozark’ อีกด้วย แต่กับหนังเรื่องนี้ Nick May เป็นผู้เขียนบท จากโครงเรื่องที่ร่วมกันคิดขึ้นโดย Nick May, Mark Williams และ Brandon Reavis
เรามาเริ่มกันก่อนว่า หนังเรื่องนี้มีเรื่องย่อว่ายังไงกันดีกว่า
เรื่องย่อหนัง ‘โคตรระห่ำ ล้างบางนรก’
หนังพูดถึง ทราวิส บล็อก (Liam Neeson/เลียม นีสัน จากหนังเรื่อง ‘The Grey’, ‘Schindler’s List’ และ ‘Honest Thief’) ชายที่ค่อนข้างมีอายุแล้ว และต้องการหลุดพ้นจากอาชีพเดิมเพื่อไปใช้เวลากับครอบครัวบ้าง ในเวลานี้ ครอบครัวของเขาเหลือเพียง ลูกสาวอย่าง อะแมนด้า (Claire van der Boom) กับหลานสาววัยกำลังน่ารัก นาตาลี (Gabriella Sengos)
เรื่องราวมันได้ง่ายแบบนั้น เมื่อแท้ที่จริงแล้ว ทราวิส เป็นสายลับที่สุดจะลับ เขามีหน้าที่ในการช่วยเหลือสายลับด้วยกันให้รอดออกมาจากสถานการณ์คับขันและเสี่ยงจะถูกเปิดโปง แต่พอเขาแจ้งข่าวกับเจ้านายอย่าง เก๊บ – แกเบรียล โรบินสัน (Aidan Quinn จากซีรีส์เรื่อง ‘Elementary’ และหนังเรื่อง ‘Flipped’) ว่าจะวางมือ เขากลับได้รับแต่คำปฏิเสธ
ในประเทศนี้ พบว่าหลายคดีมีเงื่อนงำ ผู้สมัคร ส.ส. บางคนโดนรถชนตายโดยไม่ได้ความคืบหน้า เพื่อนสายลับอีกคนก็หันมาก่อคดีเสียเอง ยังดีที่มีนักข่าวบางสำนักพยายามขุดคุ้ย หนึ่งในนักข่าวที่ติดตามเรื่องนี้คือ มิร่า โจนส์ (Emmy Raver-Lampman จากหนังเรื่อง ‘Dog’ และซีรีส์เรื่อง ‘The Umbrella Academy’) ซึ่งก็คงไม่พ้นเสี่ยงตายไปกับเขาด้วยเช่นกัน
งานนี้ ทราวิส ต้องแก้ปมใหญ่ให้หลุด เพื่อช่วยทั้งตัวเขาเองและช่วยนักข่าวคนนั้น แต่ยิ่งแก้ก็ยิ่งพัน เมื่อสุดท้าย ทั้งลูกสาวและหลานต้องกลับกลายเป็นตัวประกัน!
รีวิวหนัง ‘Blacklight’
เอาเข้าจริงๆ หนังเรื่องนี้ อุดมไปด้วยวัตถุดิบที่น่าสนใจหลายอย่างเลยนะครับ เริ่มกันที่ฉากการหาเสียงของผู้สมัครคนหนึ่งที่ตีประเด็นเรื่องการทำงานของรัฐ อันนี้ก็น่าสนใจ แต่ก็น่าเสียดายทุกอย่างผ่านไปหลังการตายของเธอ เพราะหนังไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูด แต่สนใจประเด็นเรื่องการตายของเธอเสียมากกว่า
อีกประเด็น คือ ความคิดอ่านของทราวิส สายลับผู้ทำงานในเงามืดที่ตอนนี้กลายเป็นคุณตาไปเสียแล้ว เขารู้สึกผิดกับการที่ไม่ได้เป็นพ่อที่ดีของลูก และมันคงถึงเวลาเสียทีที่เขาจะกลับไปทำหน้าที่พ่อและตา พล็อตดราม่าที่น่าจะหยิบมาบอกเล่า เบี่ยงประเด็นไปจากความเป็นหนังแอคชันทริลเลอร์ที่เกร่อโลกนี้ แต่พวกเขาก็มิได้นำพา สนใจเล่าเรื่องที่ว่า ชายผู้นี้ต้องการวางมือออกจากวงการ
หากทุกอย่างมันติดตรงที่ว่า อาชีพที่เขาก้าวเข้าไปทำอย่างยาวนาน มันไม่มีประตูให้เขาก้าวกลับออกมา
เริ่มต้นหนังเล่าถึงตัวอย่างชีวิตการทำงานของตัวละครนำอย่างทราวิส ก่อนที่เขาจะรู้สึกว่าเริ่มจะแก่เกินแกงสำหรับงานแบบนี้เสียแล้ว และเมื่อนำเรื่องนี้ไปบอกเจ้านายก็กลับได้รับคำปฏิเสธมา เมื่อตัวละครนำล่วงรู้ว่าแท้จริง องค์กรนี้ไม่ได้สวยงามอย่างภาพลักษณ์ที่ควรจะเป็น ภายในมีภารกิจ/โครงการลับที่ไม่สมควรมีอยู่ ทั้งยังพบอีกว่า การประกาศวางมือของตนส่งผลให้ครอบครัวของเขาต้องกลายเป็นตัวประกัน
หลังจากนั้น ดูเหมือนหนังจะไม่ค่อยเดินไปไหน ฉากแอคชันที่ควรจะเป็นจุดขายของหนัง ก็เปิดตัวอย่างเฉยชา ดนตรีประกอบที่ดูจะไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ในแต่ละตอน ทั้งยังอยู่ในอารมณ์เดียวกันเกือบตลอด ตรงนี้ใครไม่หาวก็คงแปลกเต็มที
หนังพยายามใส่คาแรกเตอร์ความเป็นคนระเบียบจัดของตัวละครทราวิส และเหมือนจะพยายามให้เขาดูมีปัญหาทางจิต งานภาพเลยมี ‘ช็อตภาพกระตุก’ แทรกอยู่ในหนังแทบทั้งเรื่อง จนนั่งดูก็ขำกันเองว่าจะใช้ไปเพื่ออะไร ถ้าจะบอกว่าตัวละครมีปัญหาก็น่าจะใช้แค่บางช่วงที่ต้องการเล่าถึงบุคลิกของตัวละครนั้นๆ นี่โผล่กระจายเต็มเรื่อง จนเหมือนคนดูเองที่เป็นคนมีปัญหา
พล็อตของสายลับที่เปิดโปงเอาคืนต่อองค์กรของตนนั้นก็มีการสร้างกันอยู่มากมาย จนไม่มีอะไรจะใหม่หรือน่าสนใจในสายตาคนดูอีกแล้ว และเหมือน เลียม นีสัน จะหางานแนวอื่นของตัวไม่เจอ จึงเฝ้าวนเวียนอยู่กับเส้นทางเดิมๆ ที่บางครั้งก็ได้บท/ผู้กำกับ/การตัดต่อ ที่ดีบ้าง แย่บ้าง ทำให้ผู้ชมไม่เจออะไรที่แปลกใหม่จากผู้ชายคนนี้อีกเลย นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องเศร้าเช่นกัน
น่าเสียดายอยู่พอสมควรที่ Mark Williams ทำหนัง ‘Honest Thief’ ไว้ได้ค่อนข้างสนุก แต่กลับมือตกไปอย่างสิ้นเชิงกับหนังเรื่องนี้ เรื่องราวในหนังค่อนข้างเดินไปอย่างน่าเบื่อ หนังแทบจะไม่เดินไปไหนอยู่ช่วงหนึ่ง อาจสร้างความง่วงงุนให้กับผู้ชมส่วนใหญ่ กว่าที่จะเริ่มมองเห็นวี่แววความมันจากฉากแอคชันก็ใกล้จะจบเรื่องแล้ว กระนั้นฉากแอคชันที่มีก็กลับดูจืดชืด ไร้ความันอย่างที่หวัง แถมหนังยังจบแบบห้วนๆ ชวนอึ้งว่า นี่เขาจบแบบนี้เลยเรอะ
ส่วนใครที่เป็นแฟนตัวยงของลุงเลียม คาดว่าก็คงติดตามรอคอยงานที่แปลกใหม่จากลุงกันต่อไป
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Blacklight / โคตรระห่ำ ล้างบางนรก |
ผู้กำกับ | Mark Williams |
ผู้เขียนบท | Nick May |
นักแสดง | Liam Neeson, Aidan Quinn, Taylor John Smith, Emmy Raver-Lampman, Claire van der Boom |
แนว/ประเภท | Action, Thriller |
เรท | PG-13 |
ความยาว | 104 นาที |
ปี | 2022 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 24 กุมภาพันธ์ 2022 |
ดูออนไลน์ | Prime Video |
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย | Zero Gravity Management, Footloose Productions, Solution Entertainment Group, สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล |
โคตรระห่ำ ล้างบางนรก
พล็อตและบท - 3.5
การดำเนินเรื่อง - 3.7
การแสดง - 4
เพลงและดนตรีประกอบ - 3.9
เทคนิคงานภาพและโปรดักชัน - 4.1
3.8
Blacklight
พล็อตของสายลับที่เปิดโปงเอาคืนต่อองค์กรของตนนั้นก็มีการสร้างกันอยู่มากมาย จนไม่มีอะไรจะใหม่หรือน่าสนใจในสายตาคนดูอีกแล้ว และเหมือน เลียม นีสัน จะหางานแนวอื่นของตัวไม่เจอ จึงเฝ้าวนเวียนอยู่กับเส้นทางเดิมๆ หนังแห้งแล้งฉากแอคชัน เรื่องราวที่ไม่ค่อยเดินไปข้างหน้า พาให้ง่วงงุน บทจะลงเอยก็จัดมาห้วนๆ จนกลายเป็นหนังที่ไร้ความประทับใจไปอย่างสิ้นเชิง