จากความสำเร็จของภาคแรกที่สามารถทำร้ายได้ทั่วโลกไปถึง 2,900 ล้านกว่าเหรียญ ทำให้ผู้กำกับตัดสินใจสร้างภาคต่อที่ห่างจากภาคแรกไปถึง 13 ปี วันนี้ ‘Avatar: The Way of Water’ ชื่อไทย ‘อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ‘ เข้าโรงแล้ว และผู้ชมอย่างเราๆ จะได้พบกับงานภาพอันสวยงามบรรเจิดพร้อมกับเรื่องราวบนดาวแพนดอร่าที่ถูกบอกเล่าบนจอยักษ์อีกครั้ง
ภาพยนตร์แนวไซไฟแฟนตาซีจากชายผู้มีวิสัยทัศน์และจินตนาการอันเต็มเปี่ยม James Cameron ที่มีผลงานฟอร์มยักษ์การันตีฝีมือไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ‘Titanic’, ‘True Lies’, ‘The Abyss’, ‘Aliens’ และ ‘The Terminater’ กับไอเดียสุดบรรเจิดที่รอคอยการมาถึงของเทคโนโลยีที่พร้อม หลังภาคแรกที่สร้างทั้งกระแสตอบรับอันล้นหลามและเสียงวิจารณ์ด้านบวก ทั้งการกลับมาฉายโกยรายได้ประวัติศาสตร์ ก่อนการมาถึงของภาคต่อของหนังที่ถูกไว้เป็น 5 ภาคด้วยกัน
เรื่องราวบนดาวดวงเดิมที่ขยับขยายจากบนฟากฟ้าสู่น่านน้ำ
เรื่องย่อหนัง ‘Avatar: The Way of Water’
ทหารกล้าผู้พิการขาที่เข้าแทรกซึมในภารกิจบุกยึดทรัพยากรของดาวแพนดอร่าอันไกลโพ้น เจค ซัลลี่ (Sam Worthington จากหนังเรื่อง ‘Terminator Salvation’ และ ‘Clash of the Titans’) กลายเป็นส่วนหนึ่งของชนชาวเผ่านาวีตัวสีน้ำเงิน เขาพบรักกับ เนย์ทีรี่ (Zoe Saldana จากหนังเรื่อง ‘The Adam Project’ และ ‘Avengers: Infinity War’) ลูกสาวหัวหน้าเผ่า หลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของพวกนาวีป่า เจคก็ได้เรียนรู้วิถีแห่งนาวีและร่วมต่อสู้กับเหล่ามนุษย์เผ่าพันธุ์ที่ตนกำเนิดมา และได้อยู่กินร่วมกันท่ามกลางชาวนาวีอย่างสงบสุข
เวลาผ่านไป 14 ปี เหล่ามนุษย์โลกกลับมารบกวนพวกเขาอีกครั้ง พวกเขาก็เลือกย้ายตัวเองออกจากเผ่าโอมาติกายา สู่ผืนน้ำทะเลท่ามกลางชนเผ่าเมตคายีนา เจคจำต้องปกป้องครอบครัวที่เป็นดั่งป้อมปราการของเขาไว้อีกครั้ง
รีวิวหนัง ‘อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ’
หลังเจค ซัลลี่ หักหลังเผ่าพันธุ์ของตนเอง เข้าร่วมกับอีกเผ่าพันธุ์และร่วมนำทัพต่อสู้จนเผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องพ่ายแพ้ เขาก็ใช้ชีวิตอยู่กับชาวตัวสีฟ้ามาโดยตลอด ผ่านกาลเวลามาใกล้เคียงที่หนังทิ้งช่วงไป 14 ปี เจคและเนย์ทีรี่มีทายาทสืบสกุลด้วยกันและเติบโตกลายเป็นตัวละครใหม่ๆ ในภาคสอง
เรียกได้ว่าตัวอย่างหนังเล่าเอาไว้น้อยมาก เหมือนต้องการจะปิดบังเรื่องราวทั้งหมดเอาไว้ ใส่ช็อตที่ไม่ได้บอกอะไรมากเท่ากับการเผยให้เห็นการเดินทางครั้งใหม่ของครอบครัวซัลลี่ที่ย้ายลงทะเล กับการทำทุกสิ่งเพื่อครอบครัว แต่เมื่อเข้าไปดูเองก็จะพบเรื่องราวที่มากกว่านั้นอยู่เพียบเลย
นำพานักแสดงเก่ากลับมา พร้อมตัวละครใหม่ๆ มากมาย
ความน่าสนใจของหนังเรื่องมีมากมายหลายอย่าง นอกเหนือไปจากงานภาพที่โชว์ความเหนือชั้นของเทคโนโลยีในการสร้างการเคลื่อนไหวของน้ำทะเลที่เหมือนจริงจนน่าตกใจ และการถ่ายทำใต้น้ำกันจริงๆ โดยผู้แสดงต้องกลั้นหายใจใต้น้ำพร้อมฟรีไดฟ์ได้นาน ก็นับว่าน่าทึ่งพอดูแล้ว แต่หนังเรื่องนี้ก็ยังเขียนบทเพื่อนำตัวละครในภาคแรกกลับมาได้อีก ทำให้ทั้ง Sigourney Weaver และ Stephen Lang ยังคงได้โอกาสในการถ่ายทอดบทบาทของตัวละครสำคัญในเรื่องอีกครั้ง โดยเฉพาะซิเกอร์นีย์ ตัวละครของเธอมีความพิเศษและน่าจดจำยิ่ง
ตัวละครใหม่ เจมส์ คาเมรอน ใส่มาเพียบ ไม่ว่าจะเหล่าลูกๆ ของเจคและเนย์ทีรี่ ทั้ง Jamie Flatters, Britain Dalton และ Trinity Jo-Li Bliss นอกจากนี้ก็ยังมีมนุษย์คนเดียวที่เกิดและเติบโตบนดาวแพนดาร่าอย่าง สไปเดอร์ ที่เล่นโดย Jack Champion หรือตัวละครโรนาลที่เล่นโดย Kate Winslet
เป็นปกติของหนังฝีมือคาเมรอนที่มักจะเล่าเรื่องให้ย่อยง่ายแม้ในภาคนี้จะมีประเด็นยิบย่อยปรากฏอยู่มากมายกว่าภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด เนื้อในของหนังเต็มไปด้วยพล็อตรองที่หยิบเอามาแทรกใส่ไว้ในช่วงเวลาที่ภัยคุกคามยังมาไม่ถึง หนังเล่าประเด็นนั้นประเด็นนี้จนเพลิน ระหว่างนั้นก็พาคนดูว่ายน้ำไปมาด้วยมุมมองภาพที่เหมือนพาเราเข้าไปว่ายดำน้ำดูปะการังพร้อมๆ กับพวกเขา
จัดเต็มงานดีไซน์
หนังมีความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในเรื่อง นายแพทชอบที่เขาบอกให้เรารู้ว่าชาวนาวีไม่ได้มีเฉดสีเดียว ชาวนาวีเผ่าน้ำมีร่างกายสีฟ้าคราม แขนที่แบนกว่า หางที่คล้ายครีบมากกว่า เหมาะกับการว่ายและดำน้ำมากกว่า ก็เหมือนกับที่เป็นไปในโลกมนุษย์ แม้เราเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกัน ทว่าก็แตกต่างไปบ้างในเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกจนทำให้เกิดมุมมองของการแบ่งแยก
อีกอย่างก็คือ หนังเต็มไปด้วยไอเดียการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์ของยุทโธปกรณ์สุดเท่อย่าง เรือปีศาจหน้าตาน่าเกรงขาม ยานดำน้ำที่ใช้สู้รบได้ แต่ละอย่างอ้างอิงลักษณะของสัตว์น้ำทั้งสิ้น ขณะที่สัตว์ทะเลต่างๆ ก็ออกแบบมาได้อย่างบรรเจิด แต่ละตัว คนดูสามารถจะรู้สึกอ้างอิงกับสัตว์ทะเลบนโลกได้
แทรกประเด็นดราม่าครอบครัวที่พาอิน
หลักใหญ่ของอวตารภาคนี้คงมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้เพื่อครอบครัวของเจค ซัลลี่ ทางเลือกของเขามีไม่มากนัก แต่ขณะเดียวกัน การเลี้ยงดูลูกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายของชายชาติทหาร ความที่เขามีลูกหลายคน แต่ละคนก็จะมีบุคลิกส่วนตัวและพบเจอปัญหาที่แตกต่าง สร้างประเด็นที่ทำให้คนดูรู้สึกอิน ประเด็นเหล่านั้นจับต้องได้ง่าย บทพูดที่กระทบใจได้ง่าย หลายฉากพาอินน้ำตาไหลไม่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ด้วยความยาวระดับ 192 นาที อาจดูเป็นหนังที่ยาวไปสักนิด แต่ด้วยงานวิชวลที่ตระการตา พาท่องโลกใต้น้ำของแพนดอร่า เรื่องราวที่มุ่งเน้นเรื่องครอบครัว พร้อมกับช่วงท้ายไคลแมกซ์ที่ทำได้ลุ้นสุดตัวเช่นเคย ทำให้มันยังคงเป็นหนังที่สุดบันเทิงและจำเป็นต้องดูในโรงเพื่อบรรยากาศที่ครบถ้วนตามความตั้งใจของผู้สร้างผู้กำกับ
หากเลือกจะรับชมให้ได้ผลสูงสุดสำหรับหนังเรื่องนี้ ระบบที่เหมาะสุดก็คงจะเป็นโรงดิจิทัล 3 มิติ เพราะหนังขายงานภาพอย่างชัดแจ้ง ภาพของโลกแพนดอร่าทั้งในป่าและใต้ทะเลเมื่อดูผ่านแว่นจะมองเห็นความลึกตื้นจนดูทุกอย่างเหมือนจริง ผู้ชมจะพบว่าตนไม่รู้สึกเบื่อกับช่วงไหนของหนังที่ยาว 3 ชั่วโมงเศษ
ทีนี้ก็เลือกเอาตามสภาพเศรษฐกิจส่วนตนว่าจะรับชมในโรงแบบไหนนั่นแหละครับ
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Avatar: The Way of Water / อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ |
กำกับ | James Cameron |
เขียนบท | James Cameron, Rick Jaffa, Amanda Silver |
แสดงนำ | Sam Worthington, Zoe Saldana, Sigourney Weaver, Stephen Lang, Kate Winslet, Jack Champion, Cliff Curtis |
แนว/ประเภท | แอคชัน, ผจญภัย, แฟนตาซี, ไซไฟ |
เรท | PG-13 |
ความยาว | 192 นาที |
ปี | 2022 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 14 ธันวาคม 2022 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | 20th Century Studios, TSG Entertainment, Lightstorm Entertainment, Walt Disney Studios Motion Pictures |
อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ
พล็อตและบท - 8.2
การแสดง - 7.7
การดำเนินเรื่อง - 8
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.9
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 10
8.4
Avatar: The Way of Water
ด้วยความยาวระดับ 192 นาที อาจดูเป็นหนังที่ยาวไปสักนิด แต่ด้วยงานวิชวลที่ตระการตา พาท่องโลกใต้น้ำของแพนดอร่า เรื่องราวที่มุ่งเน้นเรื่องครอบครัว พร้อมกับช่วงท้ายไคลแมกซ์ที่ทำได้ลุ้นสุดตัวเช่นเคย ทำให้มันยังคงเป็นหนังที่สุดบันเทิงและจำเป็นต้องดูในโรงเพื่อบรรยากาศที่ครบถ้วนตามความตั้งใจของผู้สร้างผู้กำกับ