หลายคนอาจไม่รู้ว่า ผู้กำกับที่สร้างหนังซูเปอร์ฮีโร่จนโด่งดังมาหลายต่อหลายเรื่องอย่าง Zack Snyder เองก็เคยกำกับหนังซอมบี้มาก่อน ย้อนไปในปี ‘Dawn of the Dead’ ในปี 2004 วันนี้ เขากลับมาทำหนังซอมบี้อีกครั้ง ในหนังที่มีพล็อตของการปล้นเงินในลาสเวกัส ที่กลายเป็นดินแดนแห่งผีดิบ ‘Army of the Dead’ ชื่อไทย ‘แผนปล้นซอมบี้เดือด’
ผลงานที่เขาทั้งเขียนและกำกับมันด้วยตัวเอง โดยการชักชวน Dave Bautista มารับบทนำ ร่วมกับนักแสดงอีกมากหน้า หนังที่เล่าทั้งแอคชันปล้นเงินในตู้เซฟ ระทึกขวัญในฉากต่อสู้กับซอมบี้ ทั้งใส่ดราม่าครอบครัวเข้ามา หนังวางโลเกชันไว้เป็นเมืองคาสิโนอย่างลาสเวกัส
ที่จู่ๆ ก็กลับกลายเป็นพื้นที่ที่ต้องถูกกวาดล้าง
เรื่องย่อหนัง ‘Army of the Dead’
เหตุการณ์ขนย้ายแพ็คเกจที่เกิดอุบัติเหตุอย่างไม่คาดฝัน ก่อเกิดปัญหาเมื่อสิ่งที่อยู่ภายในเกิดหลุดรอดออกมา และกลายเป็นต้นเหตุของการระบาดในพื้นที่ลาสเวกัส ดินแดนคาสิโนที่เริดหรูอลังการ กลายเป็นดงซอมบี้ขนาดใหญ่ สก็อตต์ วอร์ด (Dave Bautista จากหนังเรื่อง ‘Guardians of the Galaxy’ ทุกภาค) ชายร่างยักษ์ที่นำทีมจัดการกับพวกมันเพื่อเปิดทางให้คนสำคัญกลับออกมาได้ สุดท้าย ทางการทำอะไรไม่ได้มากนัก นอกจากเอาตู้คอนเทนเนอร์ขนาดยักษ์ล้อมเอาไว้
พวกเขาคิดจะระเบิดทิ้งทั้งเมือง เพื่อสังหารเหล่าผีดิบซอมบี้ในนั้นให้ราบคาบ
แต่ก่อนที่มันจะเกิดเหตุเช่นนั้น ก็มี บลาย ทานากะ (Hiroyuki Sanada จากหนังเรื่อง ‘Mortal Kombat’ และ ‘Avengers: Endgame’) เจ้าของสถานคาสิโนผู้ร่ำรวยที่ติดต่อจ้างวานให้สก็อตต์หาสมัครพรรคพวกเข้าไปนำเงินในตู้เซฟนิรภัยเพื่อแลกกับเงินก้อนใหญ่ แน่นอน เขาจึงชักชวนทั้ง มาเรีย (Ana de la Reguera), แวนเดอร์โรห์ (Omari Hardwick) และอีกหลายคน รวมทั้งหนุ่มนักเปิดตู้เซฟและคนขับเฮลิคอปเตอร์พาหนี แถมยังพ่วงเอาลูกสาวที่ไม่ลงรอยกับเขาอย่าง เคท (Ella Purnell) ไปด้วย
ภารกิจนี้ไม่ได้ง่ายดายแน่นอน
รีวิวหนัง ‘แผนปล้นซอมบี้เดือด’
การที่สก๊อตต์ วอร์ด พาพลพรรคเข้าไปเสี่ยงตายเพื่อเงินนี่ ส่วนหนึ่งมันเป็นการเดิมพันด้วยชีวิต อีกส่วนมันหมายถึงฐานะที่เปลี่ยนแปลงภายในชั่วพริบตา และอาจนำมาซึ่งความเข้าใจระหว่างพ่อกับลูกด้วยนะ เอาจริงๆ ถ้าฟังแค่นี้ก็เหมือนจะเป็นหนังซอมบี้ที่เข้าทีไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ผลลัพธ์จริงๆ มันไม่ได้ออกมาสวยหรูเช่นนั้น หนังเรื่องนี้ของแชค สไนเดอร์ ค่อนข้างเต็มไปด้วยบาดแผล
ความสมเหตุผลมีน้อย
หนังเริ่มต้นด้วยการปูพื้นอย่างลวกๆ แค่ฉากต้นสายปลายเหตุแห่งการระบาดของซอมบี้ก็ดูไม่สมเหตุผลแล้ว การขนย้ายที่ดูหละหลวม ไม่แข็งแรง แถมอุบัติเหตุยังดูง่อยๆ เหล่าทหารยิ่งง่อยหนักกว่า ทั้งหมดจึงนำมาสู่การระบาดไปทั่วทั้งลาสเวกัส จากนั้นก็เดินเรื่องรวบรัดพาไปรู้จักกับแก๊งกำจัดซอมบี้ที่ประสบความสำเร็จงดงาม ปิดเมืองได้ก่อนจะแยกย้ายกันไป และกลับมาใหม่พร้อมภารกิจปล้นเงินในตู้นิรภัย
ส่วนหนึ่ง นายแพทรู้สึกได้ว่า หนังมีความต้องการจะ ‘กวนตีน’ อยู่พอสมควร แต่ก็เหมือนไม่ได้สนใจองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ ระหว่างดูจึงได้ ‘เอ๊ะ’ ‘อ๊ะ’ กันไปตลอดทาง และก็พยายามทำใจว่า มันเป็นหนังซอมบี้ที่สร้างมาเพื่อความบันเทิง แต่เอาเข้าจริงก็คิดว่า
แม้ว่าจะเป็นหนังซอมบี้ก็ทำให้มันดูสมเหตุผลหน่อยได้ไหมล่ะ
แต่ไม่ถึงกับน่าเบื่อ
ในเมื่อหนังใช้เวลาไปพอสมควรกับการปูเรื่องก่อนเข้าพื้นที่กักกันซอมบี้ ตัวเอกต้องหาทีมงานทีละคน ต่อรองค่าจ้างทีละคน เหมือนหนังจะใช้เวลาไปกับเรื่องไม่จำเป็นมากไปนิด
เท่าที่สำรวจตัวเองระหว่างดู หนังที่ยาวราวสองชั่วโมงครึ่ง เนื่องจากดูที่บ้านจึงมีลุกไปหยิบขนมหรือลุกไปฉี่ตรงกลางเรื่อง แต่หนังก็ไม่ทำให้เราง่วงหาวแต่อย่างใด ฉะนั้น ในประเด็นของการดำเนินเรื่อง ก็คงต้องถือว่าหนังทำได้ไม่น่าเบื่อ หนังมีฉากแอคชันแทรกอยู่พอประมาณ เรื่องราวอาจพอเดาได้ไม่ยากเย็น
โดยเฉพาะช่วงไคลแมกซ์ที่ชวนลุ้นได้ดีพอสมควร แม้ระหว่างจะรู้สึก ‘อิหยังวะ’ ไปเรื่อยก็ตาม
ซอมบี้มีของใหม่
มันเป็นหนังซอมบี้ที่ตีความให้ซอมบี้ไม่มีความเชื่องช้า ต่อสู้ได้อย่างชวนอึ้ง เพราะพวกมันไม่ได้มาแค่วิ่งไล่งับเพียงเท่านั้น ทว่าหลายตัวมีวิชาการต่อสู้ราวกับเป็นสตันท์แมนซอมบี้อะไรแบบนั้น สิ่งที่ดูขัดแย้งกันอยู่บ้างก็คือ กระโหลกของมันเละได้ง่ายดายมาก แต่พละกำลังกลับมหาศาล นอกจากนี้ เรายังได้เห็นเสือซอมบี้ด้วย ไม่รู้ว่าเสือตัวเดียวกับที่เคยเห็นในหนัง ‘The Hangover’ หรือเปล่า?
สิ่งที่ดูแปลกใหม่เพิ่มเติมขึ้นมา ก็คือ มันมีการปกครอง เป็นราชาและราชินี มีวิธีคิดเป็นของตัวเอง สามารถต่อรองกับมนุษย์ได้ และถ้าคนสำคัญถูกทำร้ายก็พร้อมระเบิดความแค้นได้เช่นกัน
บางฉากนี่ทำให้นึกไปถึงหนังตระกูล ‘of the Ape’ บางช็อตก็นึกไปถึงเหล่าไวท์วอตช์ใน ‘Game of Thrones’ ได้เหมือนกันแฮะ
พยายามเล่นดราม่าครอบครัวแต่ก็ยังทำได้ไม่ถึง
หนังค่อนข้างใส่ตัวละครเข้าไปเยอะทีเดียว และก็พยายามจะเกลี่ยให้แต่ละคนมีความสำคัญในภารกิจนี่ใกล้เคียงกัน แต่ก็มีจุดหนึ่งที่หนังเลือกจะเล่าพล็อตรองอย่างประเด็นครอบครัว หนังสร้างโลกให้พ่อกับลูกไม่ลงรอยกันเพราะเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีต ก่อนจะใช้ภารกิจครั้งนี้เป็นหนทางช่วงประสานรอยร้าวในใจ แต่ก็ดูเหมือนหนังจะพยายามมากเกินไปหรือไม่รู้จะใส่ฉากสองพ่อลูกคุยกันไว้ตรงไหนดี มันเลยดูประดักประเดิดและประหลาดอยู่พอสมควร
และเมื่อหนังต้องเล่าไปถึงบทสรุป มันก็เลยไม่มีพลังมากพอจะทำอะไรได้ คนดูไม่ได้อินอะไรด้วยสักเท่าไหร่ แม้จะรู้ว่าผู้กำกับเขาต้องการอะไรก็ตามที
หากดูที่เทคนิคการถ่ายทำ ต้องเรียกว่าน่าชื่นชมในงานเมกอัพใบหน้าตัวละครซอมบี้ เขาทำมาอย่างประณีตดี ขณะที่ CG ก็เข้าขั้นดี เพลงประกอบก็โอเค เพราะฉะนั้น องค์ประกอบที่ทำให้หนังไปไม่ถึงในสิ่งที่ควรจะเป็นก็คงจะอยู่ที่บทและการดำเนินเรื่องแล้วล่ะ ถ้าคาดหวังจะดูหนังซอมบี้มันๆ มันก็พอจะทำให้รู้สึกสนุกกับหนังเรื่องนี้ได้
แต่ถ้าคาดหวังอะไรที่มากกว่านั้น มันก็อาจจะยังไม่พอ!
ชื่อภาพยนตร์: Army of the Dead / แผนปล้นซอมบี้เดือด
ผู้กำกับภาพยนตร์: Zack Snyder
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Zack Snyder, Shay Hatten, Joby Harold
นักแสดงนำ: Dave Bautista, Ella Purnell, Ana de la Reguera, Omari Hardwick
ความยาว: 148 นาที
แนว/ประเภท: Action, Crime, Horror, Sci-Fi, Thriller
อัตราส่วนภาพ: 1.78 : 1
เรท: ไทย/ , MPAA/R
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 21 พฤษภาคม 2021
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: The Stone Quarry, Netflix
แผนปล้นซอมบี้เดือด
พล็อตและบท - 6.4
การดำเนินเรื่อง - 6.6
งานภาพและเทคนิคพิเศษ - 7.2
เพลงและดนตรีประกอบ - 6.6
การแสดง - 6.5
6.7
Army of the Dead
เมื่อแซค สไนเดอร์ ชักชวนแก๊งกองกำลังนักฆ่าคนนี้มาร่วมแผนปล้นซอมบี้เดือด เขาสร้างให้ลาสเวกัสกลายเป็นสมรภูมิใหญ่ที่ถูกปิดกั้นกันซอมบี้ออกเพ่นพ่านข้างนอก แต่พวกเขากำลังเข้าไปขนเงินในตู้เซฟแลกกับค่าจ้างราคาแพง หนังที่พยายามใส่พล็อตพ่อลูกลงไป แต่หลายส่วนไร้เหตุผล เท่ตรงทำให้ซอมบี้กลุ่มนี้มีระบบความคิด ซีจีค่อนข้างดี ขณะที่เดินเรื่องก็สนุกพอสมควรไม่ถึงกับน่าเบื่อ แค่น่าจะได้อะไรมากกว่านี้เท่านั้น
