รีวิวหนัง Are You There God? It’s me, Margaret | หนังน่ารักดีนะ

เพราะการดูหนังโรง ไม่จำเป็นต้องเข้าไปเสพความยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างที่อาจเป็นเพียงเรื่องฉาบฉวย แต่บางวัน เรานึกอยากดูหนังเล็กๆ และหนังนอกกระแสบ้าง หาใช่เพียงเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ แต่หนังเหล่านี้มีหลายสิ่งที่น่าสนใจควรค่าแก่การเข้าไปดู แม้ว่าทั้งประเทศ มันจะฉายอยู่เพียงโรงเดียวก็ตาม วันนี้ นายแพทจะพาทุกคนไปดูหนัง ‘Are You There God? It’s me, Margaret’ หรือชื่อไทย ‘วันนั้นของมาร์กาเร็ต’ เรื่องนี้กันครับ

หนังเรื่องนี้มันดัดแปลงสร้างมาจากหนังสือเยาวชนขายดีตลอดกาลมาตลอด 50 กว่าปี ที่เขียนโดย จูดี บลูม แน่นอนแหละ ผมก็ไม่เคยอ่าน มาถึงก็เจอกันในเวอร์ชันภาพยนตร์เลย ส่วนผู้กำกับหนังเรื่องนี้ ก็เป็น เคลลี ฟรีมอน เครก ที่ลงมือเขียนบทเอง เธอเคยทั้งเขียนบทและกำกับแบบนี้มาแล้ว ในหนังเรื่อง ‘The Edge of Seventeen’ ที่เข้าฉายในปี 2016 ซึ่งก็เป็นหนังที่ผมอยากดูมานานเช่นกัน (แต่ยังหาโอกาสไม่ได้สักทีนี่แหละ)

ส่วนเรื่องนี้ จะพาผู้ชมย้อนกลับไปยังอเมริกาในวันเก่าๆ กับเรื่องราวของเด็กน้อยที่กำลังจะเป็นสาวแล้ว!

เรื่องย่อหนัง ‘Are You There God? It’s me, Margaret’

มันเป็นเรื่องของ มาร์กาเร็ต ไซมอน (Abby Ryder Fortson จากหนังเรื่อง ‘Ant-Man and the Wasp’ และ ‘A Dog’s Journey’) เด็กหญิงวัยย่าง 12 ขวบ ที่จำใจต้องย้ายจากบ้านในนิวยอร์กที่อยู่มาตั้งแต่เกิด ไปอยู่ที่นิวเจอร์ซีย์ ตามเฮิร์บ (Benny Safdie จากหนังเรื่อง ‘Licorice Pizza’) พ่อที่ได้รับตำแหน่งใหม่ ส่วนบาร์บาร่า (Rachel McAdams จากหนังเรื่อง ‘Game Night’ และ ‘Doctor Strange’) แม่ก็เลิกเป็นครูสอนศิลปะย้ายไปเป็นแม่บ้าน ทิ้งให้ซิลเวีย (Kathy Bates ผู้ได้รับรางวัลออสการ์จากหนัง ‘Misery’) คุณย่าของเธออยู่บ้านเก่าที่นิวยอร์กตามลำพัง

การย้ายมาอยู่ที่แห่งใหม่ ทำให้เธอได้เรียนที่ใหม่ คุณครูคนใหม่ และแน่นอน เพื่อนสนิทกลุ่มใหม่ แถมกลุ่มนี้ดันตั้งชมรมลับร่วมกัน สมาชิกทั้งสี่ประกอบไปด้วย แนนซี่ วีลเลอร์ (Elle Graham), เกร็ทเช่น (Katherine Mallen Kupferer), เจนี่ (Amari Alexis Price) และมาร์กาเร็ตคนนี้นี่เอง ชมรมลับของพวกเธอมีไว้เพื่ออะไรเล่า? ก็เพื่อพูดคุยกันเรื่องผู้ชาย บรา และก็เรื่องการมีประจำเดือน

ดูเหมือนมาร์กาเร็ตจะเริ่มปรับตัวได้กับที่ใหม่แล้วสิ เอ… จะใช่หรือเปล่าน้า?

รีวิวหนัง ‘วันนั้นของมาร์กาเร็ต’

ความเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นสิ่งนิรันดร์ เช่นเดียวกับชีวิตของเด็กน้อยวัย 11 ขวบกว่าๆ ที่อยู่นิวยอร์กมาตั้งแต่เกิด อยู่กันพร้อมหน้าทั้งพ่อ แม่ และยาย แต่จู่ๆ ก็ได้รับรู้ว่า เธอต้องย้ายไปอยู่นิวเจอร์ซีย์กับพ่อแม่ แถมต้องแยกห่างจากยายอีก แต่นั่นไม่ใช่แค่สิ่งเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงไปในชีวิตของเธอ

ในทุกวัน มีสิ่งเล็กๆ ใหญ่ๆ เวียนหน้าเข้ามาสร้างสีสันใหม่ให้กับเธออยู่ตลอดอยู่แล้ว แค่การเปลี่ยนที่อยู่มันเปลี่ยนไปทุกอย่างจริงๆ

แต่มันก็ไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปเสียทั้งหมด ทันทีที่ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ในแถบชานเมืองของนิวเจอร์ซีย์ เธอก็ได้พบกับแนนซี่ เพื่อนใหม่ข้างบ้าน และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชมรมลับในทันที แม้แนนซี่จะดูแก่แดดไปหน่อย แต่ก็ทำให้ชีวิตในเมืองที่ไม่คุ้นเคยดูสดใสไปอีกแบบ ในทุกครั้งที่มีประชุมลับ พวกเธอทั้งสี่ก็จะมีอะไรมาเล่าสู่กันฟัง ทั้งเรื่องผู้ชาย ทั้งเรื่องกฎที่จะใช้ร่วมกันในกลุ่ม แต่คงไม่มีเรื่องไหนชวนหนักใจมาร์กาเร็ตเท่าเรื่องประจำเดือน

เพื่อนบางคนก็เริ่มมีหน้าอกกันแล้ว แต่มาร์กาเร็ตยังไม่ขึ้นเลย จนทุกคนมองว่า เธอน่าจะเป็นคนสุดท้ายในกลุ่ม หนังหยิบเรื่องความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของเด็กวัยนี้มาเล่าอย่างอารมณ์ดี แม้ในความเป็นจริง เรื่องการมีเมนส์ครั้งแรกในเด็กผู้หญิง อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สักเท่าไหร่ อาจกลายเป็นความทรงจำร้ายๆ สำหรับบางคนด้วยซ้ำ

แต่เรื่องที่หนักกว่า เห็นจะเป็นเรื่องของศาสนา เพราะความที่พ่อเป็นยิว แม่เป็นคริสเตียน ความขัดแย้งนี้ทำให้มาร์กาเร็ตไม่เคยพบหน้าตายาย กลายเป็นเรื่องเศร้าของบาร์บารา และต่อมามันกลายเป็นความขัดแย้งที่หนักหน่วงกว่าเดิม

แม้ว่า เธอจะยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกนับถือศาสนาใด แต่ในทุกวัน เธอจะเฝ้าพูดคุยกับพระเจ้าเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา ราวกับว่า เธอเชื่อในพระเจ้า แต่แท้จริง มันก็เป็นเพราะความไม่รู้ เธออาจพูดคุยและภาวนาไปโดยไม่รู้ว่าพระเจ้ามีจริงหรือเปล่า เธอทดลองเข้าวัดบ้าง เข้าโบสถ์บ้าง เอาตัวไปสัมผัสเพื่อจะได้รู้ว่า ตรงไหนกันแน่ที่จะเหมาะกับเธอ ตรงไหนที่เธอชอบที่สุด มันคือเดินทางค้นหาตัวตนในแบบของมาร์กาเร็ต

ไม่ใช่เรื่องการเติบโตเป็นสาว และการเลือกนับถือศาสนา แต่การเลือกจะโตขึ้นเป็นใคร เลือกชอบผู้ชายแบบไหน เลือกคบเพื่อนแบบใด ก็ถูกบอกเล่าไว้ในนี้เช่นกัน มันจึงกลายเป็นหนังน่ารักที่สอดแทรกความ Coming-of-age ไว้แทบจะครบ ไม่แปลกที่มันจะกลายเป็นวรรณกรรมเยาวชนที่ขายดีมาตลอด 50 ปี

ระหว่างทาง มีทั้งเรื่องสุขและเศร้าสะเทือนใจ มันเป็นธรรมดาที่ต้องเกิดกับทุกคน ไม่ว่าจะวัยเด็กหรือผู้ใหญ่ แค่มันอาจเป็นเรื่องราวจิ๊บๆ ของผู้ใหญ่ที่ผ่านมันมาแล้ว แต่สำหรับเด็ก มันย่อมเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น เพราะเธอยังไม่เคยพบเจอ แต่เด็กๆ ก็คงยังไม่รู้อีกเช่นกันว่า เมื่อเธอโตเป็นผู้ใหญ่ยังมีเรื่องราวหนักๆ อีกมากมายให้ต้องเผชิญและพ้นผ่าน

ไม่ใช่แค่เด็กในเรื่องนี้ที่ได้เรียนรู้อะไรผ่านทุกเหตุการณ์ที่เข้ามา ผู้ใหญ่เองก็ได้เรียนรู้เช่นเดียวกัน อย่างเช่น บาร์บาร่า เมื่อต้องย้ายบ้าน เธอเลิกล้มอาชีพครูสอนศิลปะที่เธอรัก และคุณย่าซิลเวีย การต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ต้องทนคิดถึงหลานอย่างสาหัสไม่น้อย แต่ก็ทำให้เธอได้พบเจอสิ่งใหม่ เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา จะทำให้เธอได้เรียนรู้และเลือกหนทางสำหรับตนเอง

ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า Abby Ryder Fortson คือดาวเด่นที่สุดของหนังเรื่องนี้ เธอทำได้ดีตั้งแต่ต้นยันจบ รอยยิ้มและแววตาทำให้เราเชื่อในความไร้เดียงสาและความอยากรู้อยากลองของเธอ แถมเธอเล่นไว้อย่างน่ารัก พาคนดูอย่างเรานั่งหัวเราะคิกคักไม่ยอมหยุด แต่พอถึงเขตแดนดราม่า ความอ่อนไหวก็เริ่มทำงาน เสียน้ำตาให้กับเรื่องราวของพวกเขาจนได้ เช่นเดียวกับ Rachel McAdams และ Kathy Bates ที่พาเราไปพบเจอกับปัญหาในวัยผู้ใหญ่และวัยสูงอายุ ต่างคนก็ถ่ายทอดไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

มันจึงเป็นหนังที่สร้างความประทับใจอย่างมากๆ เรื่องหนึ่งของปีนี้ จนอยากชักชวนให้เข้าไปดูกันในโรงหนัง

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง