ยังคงไม่จืดจางไปง่ายๆ หรอกครับ สำหรับกระแสความนิยมในตัวหนังสยองขวัญไซไฟที่ถูกสร้างต่อเนื่องมาจากกลายเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จและอยู่ในความทรงจำของผู้ชม ไม่ว่าจะเป็นคอหนังหรือไม่ก็ตาม แม้ว่าภาคหน้าจะอ่อนกำลังลงไปบ้าง แต่ก็ยังมีคนที่เข้ามาร่วมสานต่อได้อีกครั้ง โดยคราวนี้ เขาบอกเล่าเอเลี่ยนภาคที่ชื่อ ‘Alien: Romulus’ หรือ ‘เอเลี่ยน: โรมูลัส’
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
หนังแฟรนไชส์อสูรร้ายต่างดาวถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยฝีมือของผู้กำกับ เฟเด อัลวาเรซ ที่หันไปเล่าเหตุการณ์ที่เกิดระหว่างหนังเอเลี่ยน 2 ภาคแรก และเปลี่ยนไปเล่าเรื่องของกลุ่มวัยรุ่นผู้โชคร้ายที่หวังเข้าไปหาอุปกรณ์สำคัญในสถานีอวกาศร้าง แต่กลับต้องเผชิญหน้ากับอสูรกายสังหารสุดอันตรายแห่งจักรวาล ด้วยวิสัยทัศน์ของการดึงสถาปัตยกรรมของยานและสถานีอวกาศที่คุ้นเคย บทหนังที่หยิบภาคก่อนหน้ามายำรวม เสริมใส่ตัวละครและ eater egg ให้แฟนเก่ากรี๊ดชอบใจ แต่ขณะเดียวกัน คนที่แวะมาดูก็ได้สนุกลุ้นระทึกไปกับสไตล์ของเขาด้วย
มันจะพาคุณลุ้นแล้วลุ้นอีก ราวกับไม่คิดจะจบ จนต้องร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว
เรื่องย่อหนัง ‘Alien: Romulus’
เรน (Cailee Spaeny สาวน้อยตากล้องมือใหม่ในหนังเรื่อง ‘Civil War’) ใช้ชีวิตอยู่ในอาณานิคมกลางอวกาศ ร่วมกับแอนดี้ (David Jonsson) น้องชายที่เป็นหุ่นเอไอ พวกเขาทำงานและถูกกดขี่เยี่ยงทาส ไม่เคยรู้อนาคต ไม่เคยได้รับสวัสดิการที่ดี จึงมองว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะใช้ฝากชีวิตไว้ได้อีกต่อไป และมองหาชีวิตใหม่ที่ดีกว่า
ก็พอดีกับที่ไทเลอร์ (Archie Renaux จากหนัง ‘The Greatest Beer Run Ever’) เสนองานเถื่อนมาให้ นั่นคือ การลักลอบเข้าไปในสถานีอวกาศโรมูลัสที่ถูกทิ้งร้าง บุกเข้าไปขโมยอุปกรณ์สำคัญ และเมื่อมองเห็นว่านี่คือทางหนีทางเดียว จึงได้ร่วมมือกับกลุ่มแก๊งเพื่อน ที่มี เคย์ (Isabela Merced) นาวาร์โร (Aileen Wu) และ บยอร์น (Spike Fearn) เข้าร่วมปฏิบัติการปล้น โดยวางแผนกันเอาไว้ว่า จะต้องเข้าและออกภายใน 30 นาที โดยไม่ทันคาดคิดว่า พวกตนจะต้องเอาไปติดกับและเผชิญหน้าเข้ากับเอเลี่ยนอสุรกายที่กระหายเลือดแถมสุดโหดสุดอันตรายที่สุดในจักรวาล
รีวิวหนัง ‘เอเลี่ยน: โรมูลัส’
ย้อนไปไกลถึงปี 1979 มนุษย์โลกได้พบและรู้จักกับหนังที่เป็นส่วนผสมของหนังไซไฟอวกาศ บวกกับสไตล์หนังสิงหาสับไล่เชือดเลือดสาด ที่เริ่มต้นโดยวิสัยทัศน์ของ ริดลีย์ สก็อตต์ ใน 2 ภาค ‘Alien’ และ ‘Aliens’ ก่อนส่งต่อวิสัยทัศน์ให้กับผู้กำกับคนอื่น เป็นมาหมดแล้วทั้ง หนังแอ็คชันฟอร์มยักษ์ ไซไฟระทึกขวัญ รวมไปถึงการครอสโอเวอร์กับเหล่าเพรดเดเตอร์ กลับมาเล่าใหม่ด้วยตัวเอง ก่อนจะส่อสัญญาณแผ่วและมองไม่ออกว่าจะไปต่อทางไหน
แต่แล้วในที่สุด ก็หาหนทางเจอ เมื่อ เฟเด อัลวาเรซ นำกลิ่นอายของสองภาคแรกกลับมาอีกครั้ง เล่าเรื่องอยู่ในจุดกึ่งกลางระหว่าง 2 ภาคนั้น กลับมาเล่าโดยเปลี่ยนในกลุ่มตัวละครที่ต้องผจญและเอาตัวรอดจากอสุรกายตัวร้ายไปเป็นแก๊งวัยรุ่นที่ดิ้นรนเพื่อมีชีวิตใหม่
หลายคนคงยังจดจำผลงานที่สร้างชื่อให้เขาได้ ไม่ว่าจะเป็น ‘Evil Dead ผีอมตะ’ และ ‘Don’t Breathe ลมหายใจสั่งตาย’ เป็นคนที่เล่าหนังระทึกและสยองขวัญได้เอาอยู่คนนึงของวงการเลยแหละ และคราวนี้ ริดลีย์ สก็อตต์ ผู้เริ่มต้นสร้างแฟรนไชส์นี้ แม้จะไม่ได้กำกับแล้ว แต่ก็ยังคงนั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์อยู่นะ
ข้อดีข้อเด่นของการสร้างภาคนี้ คือ การเลือกจะใช้ของจริงให้มากที่สุด ทีมงานสร้างฉากทั้งฉากขึ้นมา โดยพึ่งพาบลูสกรีนให้น้อยที่สุด ขณะที่ตัวซีโนมอร์ฟที่เป็นหุ่นกลและชุดสูท ส่วนเฟซฮักเกอร์ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเอฟเฟกต์ทำมือ ทั้งหมดนี่ก็เพื่อให้นักแสดงได้ตอบโต้ด้วยรีแอ็คชันที่สมจริงที่สุด ก่อนจะเสริมด้วยซีจีเพื่อรายละเอียดที่เต็มอิ่ม ด้านการออกแบบก็อ้างอิงสถาปัตยกรรมแบบที่เราเคยเจอในยาน Nostromo และนิคมอวกาศ Hadley’s Hope เป็นการคารวะแด่แฟรนไชส์เอเลี่ยน โดยสร้างให้เป็นสถานีอวกาศแฝดที่ชื่อ เรมุส และ โรมูลัส โดยออกแบบให้ทั้งสองใช้สถาปัตยกรรมแตกต่างกัน
หนังเล่าเรื่องราวหลัง ‘Alien’ ภาคแรกไป 20 ปี โดยใช้ เคลี่ สแปนี่ สวมบทบาท เรน คาร์ราดีน ผู้มีจิตวิญญาณใกล้เคียงกับริปลีย์ที่ ซิกอร์นีย์ วีเวอร์ เคยได้รับ เรนกลายเป็นตัวละครหญิงแกร่งที่ต้องรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิด เธอต้องรอดชีวิตไปให้ได้เพื่อมุ่งหน้าสู่ทางรอด
เรื่องราวของตัวละครกลุ่มหนึ่งที่หวังจะยกระดับคุณภาพชีวิตตนเอง หนีออกไปจากโลกระยำอัปรีย์ที่ควบคุมโดยองค์กรธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่ไร้จริยธรรม ตัวละครหลักของภาคนี้ล้วนเป็นวัยรุ่น ที่เติบโตมาอย่างยากลำบาก บนดาวอาณานิคมที่สภาพอากาศเลวร้าย แต่ต้องออกไปทำงานทุกข์วัน เสี่ยงกับโรคภัยไม่พอ ยังไร้อนาคตอีก ไม่เคยได้เห็นเดือนเห็นตะวัน แต่การดิ้นรนเพื่อหวังจะได้หนีไปอยู่ยังดาวดวงใหม่ ซึ่งหมายถึง ชีวิตใหม่ที่พวกเขาใฝ่ฝันหา ต้องแลกมาด้วยชีวิต เมื่อสถานีอวกาศที่ถูกทิ้งร้างนั้นมีบางสิ่งรอคอยพวกเขาอยู่
เดากันไม่ผิดหรอก ใช่แล้ว ซีโนมอร์ฟ และ เฟซฮักเกอร์ ทั้งหลาย รอพวกเขาอยู่ที่นั่น และแน่นอนว่าพวกเขาจะต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดให้ได้ ไม่งั้น ดินแดนใหม่ก็ยังจะเป็นเพียงแค่ฝัน
Taglines: In space, no one can hear you
หลายๆ อย่างในตัวหนัง ไม่ใช่แค่การออกแบบฉากและอุปกรณ์ต่างๆ ที่พาเราย้อนนึกไปถึงวันที่ได้เปิดดูสองภาคแรก แม้แต่บท เรื่องราว และหลายสิ่งที่อยู่ในนั้น ก็ชักชวนให้เรานึกถึง จะว่าไป ก็เหมือนหยิบเอาสิ่งละอันพันละน้อยแต่ภาคเก่าๆ มาเชื่อมโยงเข้าด้วยกันโดยใช้สไตล์ส่วนตัวมาจับ กลายเป็นหนังภาคใหม่ที่ไม่ว่าจะเป็นแฟนตัวจริง หรือคนที่เคยแค่ผ่านตา ก็สามารถซึมซับ เข้าใจ และสนุกลุ้นไปกับหนังได้เช่นกัน
ตัวบทมันเล่าเรื่องของสองพี่น้องที่หนึ่งเป็นมนุษย์ อีกหนึ่งเป็นเอไอ หนังทำให้เราได้เห็น Cailee Spaeny ในภาพลักษณ์ของหญิงสาวที่แกร่งขึ้นจากประสบการณ์ที่ได้พบเจอในชั่วหนัง 1 เรื่อง และเธอก็สวยขึ้นตามเวลาของหนัง ขณะที่ David Jonsson สวมบทบาทเอไอที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปตามคำสั่งที่ได้รับ เริ่มต้น เราอาจจะไม่ได้อะไรกับพี่น้องคู่นี้นัก แต่เมื่อเวลาของหนังผ่านไป เราจะยิ่งเข้าใจและอินกับเรื่องราวของเขาทั้งสองมากขึ้น
หนังอาจจะไม่มีอะไรมากนัก เป็นการปูเรื่องในช่วงแรก ก่อนจะเริ่มเร่งเดินด้วยฉากลุ้นระทึกสลับสยองขวัญ ตัวละครต้องทำภารกิจให้สำเร็จภายใต้หลายเงื่อนไข ทั้งคว้าอุปกรณ์สำคัญมาให้ได้ เอาตัวรอดจากเอเลี่ยนเลือดกรดสุดโหด และทั้งต้องแข่งกับเวลาอีกต่างหาก มีตัวละครลับให้กรี๊ดลั่นสำหรับแฟนพันธุ์แท้ บางช่วงมีสโลว์โมชัน บางช่วงน่าเชื่อถือ แต่บางช่วงก็ชวนตะขิดตะขวงใจ แต่เพราะมันมาแล้วมาอีก เหมือนหนังที่ไม่ยอมจบลงง่ายๆ พาระทึกจนลืมหายใจมาเป็นช่วงๆ จนคนดูเหนื่อยหอบเมื่อมันจบลง
หนังให้เวลา 2 ชั่วโมง แต่เหมือนลุ้นยาวๆ จนเหนื่อย เพราะมันจบไม่ลงสักที แต่ไม่ต้องห่วงครับ ไม่มีฉากแถมใดๆ
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Alien: Romulus / เอเลี่ยน: โรมูลัส |
กำกับ | Fede Alvarez |
เขียนบท | Fede Alvarez, Rodo Sayagues |
แสดงนำ | Cailee Spaeny, David Jonsson, Archie Renaux, Isabela Merced, Spike Fearn, Aileen Wu |
แนว/ประเภท | ระทึกขวัญ, ไซไฟ, สยองขวัญ |
เรท | R |
ความยาว | 119 นาที |
ปี | 2024 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 15 สิงหาคม 2024 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | 20th Century Studios, Scott Free Productions, Brandywine Productions |
คะแนนรีวิว เอเลี่ยน: โรมูลัส
พล็อตและบท - 8
การดำเนินเรื่อง - 8.5
การแสดง - 7.5
เพลงและดนตรีประกอบ - 8
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษ และโปรดักชั่น - 8.5
8.1
Alien: Romulus
หนังแฟรนไชส์อสูรร้ายต่างดาวถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยฝีมือของผู้กำกับ เฟเด อัลวาเรซ ที่หันไปเล่าเหตุการณ์ที่เกิดระหว่างหนังเอเลี่ยน 2 ภาคแรก และเปลี่ยนไปเล่าเรื่องของกลุ่มวัยรุ่นผู้โชคร้ายที่หวังเข้าไปหาอุปกรณ์สำคัญในสถานีอวกาศร้าง แต่กลับต้องเผชิญหน้ากับอสูรกายสังหารสุดอันตรายแห่งจักรวาล ด้วยวิสัยทัศน์ของการดึงสถาปัตยกรรมของยานและสถานีอวกาศที่คุ้นเคย บทหนังที่หยิบภาคก่อนหน้ามายำรวม เสริมใส่ตัวละครและ eater egg ให้แฟนเก่ากรี๊ดชอบใจ แต่ขณะเดียวกัน คนที่แวะมาดูก็ได้สนุกลุ้นระทึกไปกับสไตล์ของเขาด้วย มันจะพาคุณลุ้นแล้วลุ้นอีก ราวกับไม่คิดจะจบ จนต้องร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว