ในวันหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อน ทุกคนน่าจะเคยได้ทำความรู้จักกับหนังคนแสดงที่สร้างรีเมกจากหนังแอนิเมชันเรื่องแรกๆ ที่สร้างกระแสให้เกิดการกระทำซ้ำๆ ตามมา ภาพยนตร์เรื่องนั้นคือ ‘Alice in Wonderland’ หนังที่สร้างปรากฏการณ์ด้วยความเป็นหนังสีสันฉูดฉาด มีคาแรคเตอร์ที่ผสมทั้งความแปลกและความน่ารักมุ้งมิ้งเข้าไว้ด้วยกัน
เวลาล่วงเลยผ่านมาถึงปี 2016 โลกมีเรื่องราวภาคต่อของอลิซอีกครั้ง เปลี่ยนตัวผู้กำกับฯ จาก Tim Burton มาเป็น James Bobin (ผลงานของเขาคือ ‘Muppets Most Wanted’ ครับ) และนี่คือ ‘Alice Through the Looking Glass’ การสานต่อความสำเร็จในอดีต…
ที่กลับมาพร้อมด้วยตัวละครและนักแสดงที่ผู้เคยชอบภาคก่อนยังคงจดจำได้ดี
เรื่องย่อหนัง ‘Alice Through the Looking Glass’
อลิซ (Mia Wasikowska) ผู้กลับมาอยู่ในโลกปกติของตัวเอง เธออาจเริ่มลืมเลือนโลกในแดนมหัศจรรย์ไปแล้ว ทว่ามีบางสิ่งกำลังมาตามเธอกลับไปเพื่อบางสิ่งบางอย่าง
เธอต้องกลับไปช่วยแฮทเทอร์ (Johnny Depp) ผู้ที่กำลังหัวใจสลายจากเหตุการณ์สูญเสียครอบครัวหลังจากได้พบเจอร่องรอยบางสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแย่มากๆ และหนทางเดียวที่พรรคพวกของเขาหวังว่าจะมันจะช่วยได้แน่ๆ นั่นคือ การนำครอบครัวของแฮทเทอร์กลับคืนมา
หากไม่ใช่ว่าวิธีนั้นคือการ ‘ย้อนเวลา’
อลิซจำต้องไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าชายแห่งเวลา (Sacha Baron Cohen) ผู้ซึ่งก็ครอบครองทั้งเวลาและทั้งหัวใจของ อิราซเบธ (Helena Bonham Carter) สาวผมแดงหัวโตรูปหัวใจ ผู้เป็นพี่น้องกับสาวแสนสวยของมิรานา (Anne Hathaway) เหตุการณ์อิรุงตุงนังที่จะบอกอะไรให้กับอลิซและอีกหลายคน
ได้เข้าใจชีวิตมากขึ้นจากเรื่องราวครั้งนี้
รีวิวหนัง ‘อลิซ ผจญภัยมหัศจรรย์เมืองกระจก’
การสานต่อของอลิซผจญดินแดนมหัศจรรย์ที่เคยสร้างไว้เมื่อ 6 ปีก่อน เมื่ออลิซต้องกลับไปยังดินแดนนั้นอีกครั้ง แม้เปลี่ยนผู้กำกับฯ คนใหม่ แต่ทีมนักแสดงหลักไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง งานสร้างภาพยังคงเป็นจุดเด่นของหนังภาคต่อเรื่องนี้ แม้แต่การดำเนินเรื่องจะไม่ได้โดดเด่นนักก็ตาม
บทค่อนข้างโอเค แต่ดำเนินเรื่องเอื่อยไปนิด
เริ่มต้นเรื่องมานั้น อาจจะรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้างสักหน่อย เพราะเหตุผลที่เรื่องที่เกิดนั้นมันดูไม่น่าจะเป็นเรื่องได้ ความหม่นหมองในจิตใจของแฮทเทอร์เพราะสูญเสียครอบครัวจะนำพาอลิซกลับมายังดินแดนวันเดอร์แลนด์อีกครั้งเนี่ยนะ
แต่เมื่อดูไปจนจบก็เริ่มพบว่า หนังก็มีแง่มุมของบทที่น่าสนใจเหมือนกันแฮะ มีบางไดอะล็อกที่พอจะเป็นคำคมได้ มีช่วงเวลาที่พอให้ลุ้นไปกับเรื่องราวได้แต่ส่วนใหญ่ของหนังดำเนินไปอย่างน่าเบื่อ กลายเป็นว่าประเด็นที่ดีๆ ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักต่อความรู้สึกโดยรวมต่อหนังเรื่องนี้
การรุกเข้าไปชิงเวลาเพื่อเปลี่ยนแปลงอดีต มันใช่เป็นหนทางที่ดีหรือในการแก้ไขความเจ็บปวดในใจของแฮทเทอร์ แต่ความกล้าและความตั้งใจดีก็พาให้เธอเดินเข้าไปยังจุดนั้น ทั้งที่มันเสี่ยงมากมายหากว่าไม่ระวัง มันจะทำให้อนาคตต้องเปลี่ยนตามไปด้วยเช่นกัน
อลิซพยายามที่จะช่วยเหลือด้วยการขโมยในสิ่งที่ไม่ควร “เวลา” ไม่ใช่สิ่งที่เราจะยึดถือเอาเป็นของเราเพื่อไปทำอะไรเพื่อใครสักคนได้หรอก ไม่ว่าคนเราจะมีความคิดที่ดีในดำเนินชีวิตอย่าง “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้” ก็ตาม เพราะไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนไปตามที่ใจเราปรารถนา
แต่เป็นเราต่างหากที่จะเปลี่ยนแปลงตามเหตุที่เกิดขึ้นกับเรา
งานภาพยังคงสวยงามตรึงใจ
นางเอกของเรื่องอย่าง อลิซ ที่รับบทบาทโดย Mia Wasikowska ยังคงเป็นจุดเด่นที่ทำให้ทุกคนยังอยู่กับเรื่องราวในหนัง ขณะที่เรื่องราวอาจจะดูไม่ดาร์กเท่าภาค ‘Alice in Wonderland’ นัก แต่สิ่งที่ยังคงเดิมไม่มีเปลี่ยนก็คงเป็นงานภาพและคอมพิวเตอร์กราฟิกอันสวยสด
งานออกแบบที่ดูน่าตะลึงตาอลังการในดินแดนมหัศจรรย์นั้นดูโดดเด่น ผสานกับประสบการณ์แบบ 3 มิติ ช่วยให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนถูกดูดไปอยู่ในอีกมิติหนึ่ง มีทั้งสีสัน มีทั้งจินตนาการ สิ่งเหล่านี้ต่างดูดีเกินหน้าเกินตาการดำเนินเรื่องของ ‘อลิซ ผจญภัยมหัศจรรย์เมืองกระจก’ ไว้ทั้งหมด
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรา ไม่ว่าเราจะหวังอยากให้มันเกิดขึ้นกับเราหรือไม่ สิ่งที่เราทำได้น่าจะเป็นการยอมรับมัน และปรับตัวปรับใจตัวเอง เพราะทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามา
จะให้บทเรียนกับเราได้เสมอ
ชื่อภาพยนตร์: Alice Through the Looking Glass / อลิซ ผจญภัยมหัศจรรย์เมืองกระจก / Alice in Wonderland 2
ผู้กำกับภาพยนตร์: James Bobin
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Linda Woolverton (screenplay), Lewis Carroll (books)
นักแสดงนำ: Mia Wasikowska, Johnny Depp, Helena Bonham Carter, Anne Hathaway, Sacha Baron Cohen
แนว/ประเภท: Adventure, Family, Fantasy
ความยาว: 113 นาที
อัตราส่วนภาพ: 1.85 : 1
เรท: ไทย/ , USA/PG
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 11 สิงหาคม 2559
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Walt Disney Pictures, Roth Films, Team Todd
อลิซ ผจญภัยมหัศจรรย์เมืองกระจก
Alice Through the Looking Glass - 6.1
6.1
Alice Through the Looking Glass
งานออกแบบที่ดูน่าตะลึงตาอลังการในดินแดนมหัศจรรย์นั้นดูโดดเด่น ผสานกับประสบการณ์แบบ 3 มิติ ช่วยให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนถูกดูดไปอยู่ในอีกมิติหนึ่ง มีทั้งสีสัน มีทั้งจินตนาการ สิ่งเหล่านี้ต่างดูดีเกินหน้าเกินตาการดำเนินเรื่องของหนังไว้ทั้งหมด