รีวิวหนัง Alice Darling หลงผัวร้าย ลืมเพื่อนรัก | คนที่เรียกเราที่รัก อาจเป็นคนที่ทำเราช้ำใจ

ไม่บอกก็คงรู้กันดีว่า ในปัจจุบันนี้ ผู้หญิงลุกขึ้นมาเป็นผู้กำกับฯ กันมากขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพราะผู้ชมให้การตอบรับผลงานจากพวกเธอมากขึ้นด้วย อีกส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะเทรนด์โลกที่สิทธิสตรีอยู่ในความสนใจของชาวโลก เสียงของผู้หญิงดังขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำให้โลกเซลลูลอยด์ที่เคยมีแต่ผู้ชายสื่อสาร ตอนนี้ โลกใบนี้จะมีบางแง่มุมที่เคยแต่ถูกกดเอาไว้ ก็ได้เวลาถูกหยิบยกขึ้นมาบ้างแล้ว อย่างเช่นเรื่องนี้ ‘Alice Darling’ หรือชื่อไทย ‘หลงผัวร้าย ลืมเพื่อนรัก’ ไงครับ

ผลงานของผู้กำกับสาวมือใหม่ นามว่า Mary Nighy อาจจะเห็นว่านามสกุลเธอดูคุ้นๆ ใช่แล้วล่ะครับ เธอเป็นลูกสาวของนักแสดงรุ่นใหญ่ชื่อดัง Bill Nighy นั่นเอง จริงๆ แล้ว เธอเองก็มีผลงานในฐานะนักแสดงมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ‘Marie Antoinette’ หรือ ‘Tormented’ ส่วนผลงานการกำกับที่ผ่านมาก็จะเป็นหนังสั้นและทีวีซีรีส์ นี่จึงเป็นหนังเรื่องยาวชิ้นแรกของเธอ

กับเรื่องราวที่ตั้งใจจะเล่ามุมมองจากฝั่งผู้หญิงโดยแท้

เรื่องย่อหนัง ‘Alice, Darling’

หนังว่าด้วยเรื่องราวของ อลิซ (Anna Kendrick/แอนนา เคนดริก จากหนังเรื่อง ‘Pitch Perfect 2’, ‘Mr. Right’ , ‘Up in the Air’ และ ‘Twilight’) หญิงสาวที่ใช้ชีวิตอยู่กับ ไซมอน (Charlie Carrick/ชาร์ลี แคร์ริก จากมินิซีรีส์ ‘Deep Water’) แฟนหนุ่มศิลปินนักวาดจอมบงการ เธอมีอาการบางอย่างที่ผิดปกติทั้งมีความรู้สึกบางอย่างที่เก็บกดเอาไว้ เมื่อได้รับการชักชวนจากเพื่อนสนิท เธอจึงหาทางหนีห่างจากเขาสักพัก

เธอเลือกจะโกหกแฟนหนุ่มว่าไปทำงาน แท้จริงแล้วเธอหนีไปเที่ยวบ้านพักตากอากาศกับเพื่อนสองคน เทสส์ (Kaniehtiio Horn/คานิทิโอ ฮอร์น จากหนังเรื่อง ‘Journey to the Center of the Earth’) และโซฟี (Wunmi Mosaku/วันมี โมซากุ จากซีรีส์เรื่อง ‘Lovecraft Country’ และหนังเรื่อง ‘His House’) เพื่อพักหัวใจและผ่อนคลายปัญหาทางสุขภาพจิตของตนเอง

ทว่า เธอกลับไม่อาจหลุดพ้นจากสายตาของแฟนหนุ่มของเธอไปได้ เมื่อเขารู้ความจริงและตามมารังควานเธอ

รีวิวหนัง ‘หลงผัวร้าย ลืมเพื่อนรัก’

มันคือหนังที่บอกเล่าถึงความรู้สึกที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องพบเจอ ความรู้สึกที่ทับถมมากขึ้นทุกวันโดยที่เธอไม่รู้ตัว ผู้หญิงที่ถูกแฟนหนุ่มทำร้าย แม้มันจะไม่ใช่การทำร้ายร่างกายกันโดยตรง แต่สิ่งที่เขาทำต่อเธอมันมีผลต่อจิตใจ มันเกาะกินจนส่งผลต่อสุขภาพจิต จนถึงวันที่เธอรู้ตัวนั่นแหละ จึงคิดจะหลบลี้ออกมาพักใจชั่วครู่ชั่วยาม แต่ไม่ได้คิดจะตีจากอย่างถาวร ก็คงเพราะรักคำเดียวนั้นเอง

หนังเล่าถึงความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ หรือท็อกซิกที่หลายคนพูดกัน หนังไม่ได้มีฉากทำร้ายอย่างการที่ฝ่ายชายผลักร่างฝ่ายหญิงกระแทกกับกำแพง แต่เป็นอะไรที่คนดูจะมองเห็นและเข้าใจได้ทันทีว่า มีบางสิ่งผิดปกติที่เกิดกับผู้หญิงคนนี้แล้วล่ะ

คนดูบางส่วนอาจคาดหวังความระทึกขวัญเชิงตึงตังจากตัวหนัง ซึ่งก็อาจกลายเป็นความคาดหวังที่ไปคนละทางกับสิ่งที่หนังเป็น เพราะสิ่งที่หนังให้กับเราคือบอกความรู้สึกของผู้หญิงที่ต้องเผชิญ การบำบัดจิตใจเมื่อได้มาอยู่เพียงลำพังกับกลุ่มเพื่อน ก่อนจะต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายตัวต้นเหตุ แต่หนังก็ไม่ได้ก้าวไปไกลขนาดนั้น ทุกอย่างดูจบลงง่ายดายเกินคาด

แต่สิ่งที่ต้องชื่นชมอย่างมากในหนังเรื่องนี้ก็คงจะเป็นการแสดงของนางเอกคนสวย แอนนา เคนดริก

การที่หนังใช้ภาพโคลสอัปของ แอนนา เคนดริก ที่มีพฤติกรรมเดียวกันซ้ำๆ ผสานสกอร์อีเล็กทรอนิกหลอนๆ ส่งความเครียด อึดอัด และชวนรู้สึกจริงมาถึงคนดูได้อย่างอยู่หมัด คำที่ค่ายหนังโปรยเอาไว้ว่า มันเป็นการแสดงที่ดีที่สุดของแอนนาก็ถือว่าไม่เกินจริง จะว่าไป เรายังไม่เคยเห็นแอนนาเล่นหนังดราม่าระทึกขวัญเชิงจิตวิทยาแบบนี้มาก่อน

มันเป็นภาพของหญิงสาวที่ถูกกดขี่จากผู้ชาย ชีวิตของเธอติดลูปจนเวียนวนซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับพฤติกรรมเดิมๆ อย่างไม่อาจหนีออกได้พ้น โดยเหตุการณ์ต้นตอเหล่านั้นจะโผล่มาพอให้รับรู้ ที่เหลือจะเป็นหน้าที่ของบทสนทนาระหว่างหญิงสาว และสีหน้าท่าทาง ประมาณนั้น

อีกสิ่งที่หนังกระทำกับคนดูโดยเฉพาะผู้ชายอย่างเราๆ ก็คือ มันทำให้เรานึกย้อนสำรวจตัวเอง อีกด้าน มันก็อาจจะช่วยผู้หญิงให้ได้ลองสำรวจสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองหรือคนรอบข้าง เผื่อว่ามันจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น หรือสามารถจะดึงตัวเองออกมาได้ทันทีก่อนจะติดลูปไปมากจนส่งผลต่อสุขภาพจิต

เป็นหนังที่อาจไม่ระทึกขวัญอย่างที่เราเข้าใจ แต่เป็นหนังที่ชวนเครียด อึดอัด รู้สึกเหมือนตัวเองได้เจอสิ่งเดียวที่ตัวละครกำลังเผชิญ อะไรประมาณนั้น

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง