รีวิวหนัง After The Storm รักได้มั้ย? พ่อคนนี้

เมื่อผู้กำกับฯ ชาวญี่ปุ่นอย่าง Kore-eda Hirokazu หยิบเรื่องราวส่วนตัวในอดีตมาเล่าอีกครั้ง

ผมค่อนข้างรู้สึกว่า คนไทยกลุ่มใหญ่ทีเดียวที่มีกำแพงต่อหนังญี่ปุ่น พวกเขาจะรู้สึกว่ามันดูยาก (จริงๆ ก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่) หรือไม่ก็มันดูไม่สนุก ดูเข้าถึงยาก (ก็อาจจะใช่ในบางเรื่อง) ถ้าจะมองดูหนังญี่ปุ่นที่ได้รับการนำเข้ามาฉายในไทย ก็คงจะเห็นคล้ายๆ กันว่า ผลงานหนังญี่ปุ่นจากผู้กำกับฯ อย่าง Hirokazu Koreeda นั้นค่อนข้างดูเรียบง่าย เข้าถึงง่าย และกลายเป็นที่จดจำของคนไทยไปเรียบร้อย ยกตัวอย่างก็ ‘I Wish’, ‘Air Doll’, ‘Our Little Sister’ และ ‘Like Father, Like Son’ คงมีคนร้องอ๋อกันบ้างล่ะ

ภาพจากหนังญี่ปุ่น ‘รักได้มั้ย? พ่อคนนี้’

ผู้ชายคนนี้ พาหนังตัวไปได้ไกลถึงเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์มาแล้ว และเรื่องนี้ก็เช่นกัน ‘After The Storm (海よりもまだ深)’ แม้ไม่ถึงขั้นคว้ารางวัลแต่ก็ได้มีชื่อเข้าชิง Un Certain Regards เรื่องราวที่หยิบเอาตัวเองในอดีตมาเล่าเป็นหนังยังไงยังงั้นกันเลยทีเดียว

ก็ขนาดอพาร์ตเมนต์ที่ถ่ายทำยังเป็นที่ที่เขาเคยอยู่มานี่นา


เรื่องย่อ ‘After The Storm รักได้มั้ย? พ่อคนนี้’

ณ ห้องเล็กๆ ในแฟลตแห่งหนึ่งที่เป็นแหล่งพักพิงของ โยชิโกะ (Kirin Kiki) หญิงชรามาเป็นสิบๆ ปี เธอเป็นแม่ของเรียวตะ (Abe Hiroshi) เธอสูญเสียสามีไปเมื่อไม่นานมานี้และรู้สึกเหมือนหมดเวรหมดกรรมกันเสียทีกับสามีของตน แต่ก็คงไม่ทั้งหมด เพราะลูกชายของเธอดูเหมือนจะเดินตามอย่างพ่อไม่มีผิด แม้ว่าจะมีหน้าที่การเป็นนักสืบรับจ้าง แต่ก็ติดการพนันจนเก็บเงินเก็บทองไม่ได้ กลับมาหาเธอทีไรก็มักจะมาหาของไปขายแลกเงินเสียทุกที แม้แต่พี่สาวของเขาก็ยังเอือมระอา

เรียวตะผู้ซึ่งเฝ้าถามตัวเองอยู่เรื่อยมาว่า “ทำไมชีวิตของเราต้องกลายเป็นแบบนี้” เขาไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตอะไรเลยสักอย่าง ความหวังในการเป็นนักเขียนที่หาเลี้ยงชีพได้แสนริบหรี่

ตัวอย่างหนัง ‘After The Storm’ [ซับไทย]

แถมชีวิตคู่ก็มาพังทลาย เขาหย่าร้างกับภรรยา (Maki Yoko) ที่ลูกชาย (Yoshizawa Taiyo) ของเขากำลังจะได้พ่อคนใหม่ เขาพยายามจะหาเงินเพื่อเลี้ยงดูลูกชายด้วยเม็ดเงินอันน้อยนิดจากงานของตัวเอง แต่ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปมั้ย

เมื่อพายุลูกที่ 24 ได้พัดพาให้อดีตสามีและภรรยากลับมาเจอกันในอพาร์ตเมนต์หลังนั้น


รีวิวหนัง ‘After The Storm รักได้มั้ย? พ่อคนนี้’

เรื่องราวที่น่าจะหยิบมาจากส่วนเสี้ยวหนึ่งในชีวิตของผู้กำกับฯ ชาวญี่ปุ่น เพราะเขากลับไปยังแฟลตหลังเดิมที่แม่ของเขาเคยอาศัยอยู่เพื่อถ่ายทำหนังเรื่องนี้ สิ่งที่เป็นความทรงจำของโคเระเอดะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นบทภาพยนตร์เรื่องนี้ ‘After The Storm’ ด้วยประโยคแรกที่เขาเขียนเอาไว้ “ไม่ใช่ทุกคนหรอก ที่จะโตมาเป็นอย่างที่เคยฝันเอาไว้”

ชีวิตของพ่อคนหนึ่งที่ล้มเหลว

ตัวเอกของเรื่องเป็นผู้ชายที่รู้สึกตัวเองได้ว่าชีวิตของเขามันช่างไม่เอาไหน ไม่ประสบความสำเร็จในอะไรสักอย่าง อาชีพนักเขียนที่ฝังก็ไปไม่ถึงไหน มีงานเขียนตีพิมพ์แต่ก็ไม่เคยมีใครรู้จัก หย่าร้างกับภรรยา มีลูกชายก็ไม่ได้เลี้ยงดู ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นนักสืบเอกชนใช้ความฉ้อฉลหาเงินแต่เมื่อได้มาก็ไปหมดกับการพนัน เขาเฝ้าถามตัวเองด้วยประโยคซ้ำๆ ว่า “เราปล่อยชีวิตให้เป็นอย่างนี้ได้อย่างไรกัน” แต่ไม่เคยพาตัวเองออกมาจากตรงนั้นได้ พ่อคือแบบอย่างที่เขาเคยคิดไว้ว่าจะไม่มีทางเป็นอย่างนั้น

แต่สุดท้าย เขาก็กำลังจะเป็นอย่างพ่อ

โปสเตอร์หนัง ‘After The Storm’

ก็ยังดีที่ลูกไม่ได้มองเขาเลวร้ายเหมือนอย่างหนังเรื่องอื่นๆ ชีวิตของคนบางคนก็เป็นได้อย่างเรียวตะเป็น มันอาจเป็นบทบาทที่มองเห็นได้ไม่ยากในสังคมที่เราทุกคนดำรงอยู่ คนที่ไม่อาจได้มีชีวิตอย่างที่เคยฝัน ไม่อาจหลุดพ้นไปจากสิ่งที่ไม่อยากเป็น แถมยังเหมือนโดนดูถูกในความเป็นพ่อคนอีกต่างหาก

สำหรับบางคนคงไม่อินอะไรกับบทแบบนี้

แต่สำหรับบางคนที่มีชีวิตแสนธรรมดาและยังไม่เคยประสบความสำเร็จอะไร นี่อาจจะเป็นอีกบทที่สัมผัสหัวใจของพวกเขามากที่สุด บทของผู้ชายคนนึงที่เป็นลูกที่ไม่ได้ภูมิใจในตัวพ่อเท่าไหร่ แต่ไม่อาจปฏิเสธต่อความทรงจำดีๆ ของเขากับพ่อของตัวเองได้ และเขาก็ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบในฐานะของคนเป็นพ่อได้เช่นกัน

เขาหวังว่าลูกจะไม่ต้องแบบเขาอีก

ครอบครัวที่แตกแยกและกลับมารวมตัวเพราะพายุ

ชีวิตที่กำลังเป๋ๆ แต่ก็พยายามอย่างที่สุดที่จะยึดยื้อสิ่งที่รักเอาไว้อย่างสุดกำลังที่มี บางฉากดูแสนธรรมดาแต่กลับทำให้น้ำตาไหลได้อย่างไม่น่าเชื่อ ฉากของพ่อที่พยายามจะทำทุกทางเพื่อลูกแม้มันจะเป็นวันเดียวที่เขาจะได้อยู่ด้วยกัน ทางหนึ่งมันอาจเป็นหนทางในการเยียวยาตัวเองที่ไม่อาจดูแลเพราะเหตุหย่าร้าง เรื่องราวของพ่อๆ ลูกๆ มักทำให้เราอินได้เสมอ แต่ก็เข้าใจว่ามันก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะ บางคนอาจจะไม่รู้สึกอินอะไรกับเรื่องนี้ก็ได้

ครอบครัวของเรียวตะจบลงอย่างไม่สวย เขาต้องแยกทางกับภรรยาและห่างจากลูกชาย แต่ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่นำพาพวกเขาให้กลับมาใกล้กันอีกครั้ง หนึ่งในนั้น คือ พายุลูกที่ 24 ที่พัดผ่านญี่ปุ่น อีกหนึ่งของแม่ของเขาที่หวังจะให้ลูกชายได้โอกาสใกล้ชิดกับอดีตสะใภ้อีกครั้ง อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของการประสานรอยร้าว

โดยไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่หรอกนะ

ภาพจากหนัง ‘รักได้มั้ย? พ่อคนนี้’

แต่คำพูดที่แม่บอกกับเรียวตะมันก็คมโดนใจจริงๆ แหละ และมันก็สอนหัวใจของเขาได้บางอย่าง ทำให้เรื่องราวมันดำเนินไปถึงบทสรุปที่ผู้กำกับฯ เขาต้องการในที่สุด หนังที่เป็นส่วนตัวที่สุดของเขา เขาเคยอยากเป็นนักเขียน หาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นนักสืบ และเสียศูนย์เพราะการพนัน ชีวิตในวัยผู้ใหญ่ของเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เคยวาดหวังไว้เลย

บางฉากก็ชวนเรานึกถึงชีวิตวัยเด็ก หลายคนน่าจะเคยนั่งออกแรงตักไอติมแช่แข็งทำเองที่แสนจะแข็งโป๊กเหมือนกับผมแหละ

หนังอย่าง ‘รักได้มั้ย? พ่อคนนี้’ อาจจะไม่ได้มีพล็อตที่หนักแน่นพอ หรืออาจจะไม่ได้มีบทที่ดราม่าเรียกน้ำตาท่วมจอเหมือนกับบางเรื่อง แต่บทสนทนาที่ดูเป็นธรรมชาติ การหยอกล้อเล่นกันเป็นไปอย่างไหลลื่น ยังไงมันก็ยังเป็นหนังที่ดูง่าย ซึมซับได้ง่าย

เป็นอีกงานที่ดีใช้ได้จากผู้ชายคนนี้ โคเระเอดะ ฮิโรคาสุ


ชื่อภาพยนตร์: 海よりもまだ深 / After The Storm / รักได้มั้ย? พ่อคนนี้ / Umi yori mo mada fukaku ภาพยนตร์ในโครงการ The Little Big Films Project 11
ผู้กำกับภาพยนตร์: Kore-eda Hirokazu (โคเระเอดะ ฮิโรคาสุ)
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Kore-eda Hirokazu
นักแสดงนำ: Abe Hiroshi, Maki Yoko, Yoshizawa Taiyo, Kiki Kilin
แนว/ประเภท: Drama
ความยาว: 117 นาที
อัตราส่วนภาพ:
เรท: ไทย/ , USA/
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 15 กันยายน 2559
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Aoi Promotion, Sahamongkolfilm International

รักได้มั้ย? พ่อคนนี้

After The Storm - 8

8

After The Storm

อาจจะไม่ได้มีพล็อตที่หนักแน่นพอ หรืออาจจะไม่ได้มีบทที่ดราม่าเรียกน้ำตาท่วมจอเหมือนกับบางเรื่อง แต่บทสนทนาที่ดูเป็นธรรมชาติ การหยอกล้อเล่นกันเป็นไปอย่างไหลลื่น ยังไงมันก็ยังเป็นหนังที่ดูง่าย ซึมซับได้ง่าย เป็นอีกงานที่ดีใช้ได้จากผู้ชายคนนี้ โคเระเอดะ ฮิโรคาสุ

User Rating: Be the first one !
Exit mobile version