ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เหมือนนี่จะเป็นช่วงเวลาของหนังไทยพากันชวนรำลึกความหลัง ก่อนนี้มีหนังเรื่องหนึ่งเล่าย้อนไปวัยเด็กไปแล้ว คราวนี้ อีกเรื่องพาย้อนกลับสู่ช่วงวัยรุ่นกันบ้าง นายแพทกำลังพูดถึงหนังไทยเรื่อง ’14 อีกครั้ง I Love You Two Thousand‘ ที่มี 2 นัทมาเจอกัน ณัฏฐณิชา และ ณัฏฐ์ กิจจริต ยังไงล่ะครับ
ต้นกำเนิดที่เขาว่ามาจากวันที่ผู้กำกับอย่าง เป้ นฤบดี บังเอิญเจอพี่เสกตอนติดไฟแดง ผลของมันกลายเป็นเรื่องราวในหนังไทยเรื่องใหม่ จากการทำคลอดของผู้กำกับและทีมงานผู้สร้างสรรค์ ‘Low Season สุขสันต์วันโสด’ เล่าเรื่องราวของชายหนุ่มกับหญิงสาวที่เคยเรียนมาด้วยกัน ก่อนจะห่างหายกันไป แล้วด้วยเหตุผลกลใดสักอย่างที่พัดพาเขาทั้งสองกลับมาเจอกันอีกครั้ง ในปี 2000 ที่เราทุกคนต่างเคยผ่านกันมา
หนังเรื่องนี้จะพาทุกคนย้อนกลับไปช่วงเวลานั้นอีกครั้งครับ
เรื่องย่อหนัง ’14 อีกครั้ง’
กิ๊บ (ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ จากหนังเรื่อง ‘Ghost Lab ฉีกกฎทดลองผี’) อดีตนักเรียนหญิงดีเด่นที่หายหน้าไปเรียนต่อระดับอุดมศึกษาในเมืองกรุง กลับหนีมาพักใจที่เมือนจันท์บ้านเกิด โดยบอกที่บ้านเพียงแค่เพราะเขาให้หยุดในช่วงกีฬามหาวิทยาลัย แต่ก็ต้องกลับมาเจอกับต้อ (นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต จากหนังเรื่อง ‘Fast and Feel Love’ และซีรีส์เรื่อง ‘DELETE’) เพื่อนซี้ที่หนีหน้ามาตลอด เหมือนจะเป็นช่วงเวลาของการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่จู่ๆ ก็ห่างกันไปนาน 4 ปี
แต่ชีวิตที่เมืองจันท์นี้ก็ไม่ได้มีแต่เรื่องของพวกเขาสองคน เพราะมันยังมีเรื่องวุ่นๆ ของแก๊งหัวหมา ทีมวัยใสสุดป่วน หัวโจกความ 14 เด็กหนุ่มสาววัยมัธยมฯ ที่ยังคงว้าวุ่นกับเรื่องการ์ตูน หนังสือโป๊ และศิลปินที่พวกเขาคลั่งไคล้
แก๊งหัวหมาประกอบไปด้วย กัน (ภูผา-อินทนนท์ แสงศิริไพศาล จากซีรีส์เรื่อง ‘แปลรักฉันด้วยใจเธอ’) น้องชายของกิ๊บ ที่ไปปิ๊งสาวคนใหม่ที่เพิ่งมาจากเมืองเหนือ ผิง (แฟร์รี่-กิรณา พิพิธยากร), วัด (วีเจ-นพรุจ ตันธนวิกรัย) ลูกร้านหนังสือการ์ตูนเช่า, ต่าย (เล็ก-ธีรเวช สุภาวงษ์) น้องชายคนที่เรียบร้อยและเรียนเก่งของต้อ แล้วก็ยังมีม่อน (โยชิ-สุริยาวิชญ์ ถนอมชัยสนิท) และซาร่า (โมเน่ต์-ภาริตา ริเริ่มกุล BNK48 รุ่นที่ 3) สาวห้าวลูกสาวร้านเสริมสวยที่ชื่นชอบในบิ๊ก D2B เช่นเดียวกันกับผิง
แล้วเรื่องราวของเพื่อนซี้ที่จู่ๆ ก็ห่างกัน 4 ปีจะลงเอยกันอย่างไร คงต้องไปดูกัน
รีวิวหนัง ‘I Love You Two Thousand’
สิ่งหนึ่งที่ทำให้เห็นว่าหนังเรื่องนี้ทำได้ คือ การจับนักแสดงฝีมือดีมาเล่นในบทที่แตกต่างไป ณัฏฐ์ กิจจริต ที่เคยเข้มๆ ใน ‘4 Kings’ ก็กลายเป็นสายชิล ไม่มีเป้าหมาย ไม่คิดอะไรมาก แถมยังติดจะกวนๆ อีกต่างหาก ขณะที่ ณิชา ก็สลัดคราบนางเอกช่องสาม กลายเป็นสาวหน้านิ่ง แถมติดจะขี้รำคาญ กลายเป็นเคมีแบบใหม่ที่ต่อปากต่อคำกันอย่างออกรส ในคาแรกเตอร์ของสองเพื่อนซี้ที่รู้ทันกันตลอด ใกล้ชิดกันจนใครๆ ก็คิดว่าเป็นแฟนกัน แต่ทั้งสองคนยังอ้ำอึ้งบอกไม่ใช่
หนังพาเรากลับไปสู่วันวานอีกครั้ง ทั้งยังเป็นโลเกชั่นที่ออกจะส่วนตัวอยู่สักหน่อย เพราะมันเกิดขึ้นในพื้นที่ อ.ขลุง จ.จันทบุรี บ้านเกิดของผู้กำกับ เขาพาเราย้อนไปมองตัวเองตอนวัย 14 ในยุค 2000 ที่ยังเป็นเด็กที่อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ดูเป็นมนุษย์ที่มีความกล้ามากกว่าผู้ใหญ่ที่เป็นอยู่ตอนนี้เสียอีก
ด้วยการพาเราย้อนมองกลับไปวันเก่า มันคือหนังสไตล์ Nostalgia ที่พาเรากลับไปเจอภาพเก่าๆ ที่ห่างหายไปนาน สมัยเราอยู่ต่างจังหวัด เรายังได้เจอกับโลกที่ไม่ใหญ่มากนัก มีโรงเรียนให้เจอกระดานดำกับม้าหินทำการบ้าน มีตลาดให้ขี่จักรยานออกไปหาเพื่อน หน้าโรงเรียนมีลูกชิ้นให้ซื้อกิน คลั่งไคล้ศิลปิน ฟังเพลงจากซาวด์อะเบาท์และเทปคาสเส็ท แบ่งกันอ่านการ์ตูน สนุกกับสเก็ตบอร์ด ซึ่งหนังเขาก็พยายามหยิบโมเมนต์ต่างๆ ที่เป็นภาพจำในอดีตกลับมาให้เราซึมซับกัน ไม่ว่าจะเป็น หนังสือพิมพ์ที่ต้องอ่านทุกมื้อเช้า มอเตอร์ไซค์ที่ยางแบนจนต้องเข็นเข้าร้านซ่อม แต่สิ่งที่เราจะไม่เจอสมัยเด็ก ก็คงเป็นสวนทุเรียนกับทะเลเนี่ยแหละ
หนังเลือกจะใช้เรื่องราวของคนสองช่วงมาเล่าพร้อมกัน หนึ่งคือรุ่นพี่ พูดถึงสองเพื่อนซี้ กิ๊บ-ต่อ ที่จูนกันไม่ค่อยติด และสองคือรุ่นน้อง กันน้องของกิ๊บที่กำลังปิ้งรักกับผิงเด็กสาวผู้มาใหม่ เหมือนกับจะบอกให้รุ่นพี่ที่อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ทำอะไรตามใจอยู่นั่น หัดมองดูรุ่นน้องเสียบ้าง อะไรแบบนั้น
หนังมีความครบรสอยู่พอสมควร ทั้งเรื่องรักของคู่ที่ได้โอกาสหนสองหลังความสัมพันธ์สะดุดกลางทาง เรื่องฮาของแก๊งหัวหมาและการเดินทางข้ามจังหวัด แถมจู่ๆ ก็วกไปเล่าเรื่องผีได้ซะงั้น สิ่งที่เราได้จากหนัง คือความอารมณ์ดี การได้เห็นเพื่อนซี้กัดกันเช้ายันค่ำ แต่ก็มีอณูของบางความรู้สึกที่อบอวลอยู่ข้างใน เล่าแบบเกาะเกี่ยวกับกับความว้าวุ่นและวุ่นวายของเหล่าแก๊งหัวหมาจอมสร้างเรื่องไม่หยุดหย่อน
แต่อาจจะไม่กลมกล่อมในด้านบทอยู่บ้าง หนังไม่ได้ใช้ความทำอะไรตามใจของรุ่นน้องมาเกี่ยวโยงกับความไม่กล้าทำอะไรของคนรุ่นพี่เท่าที่ควร มีบางส่วนที่ตัดต่อไม่สมูธจนชวนงงเมื่อตัวละครตัดบท กับบางส่วนจะมองว่าไม่สมเหตุผลก็ว่าไม่ได้ แต่ก็เหมือนบทตั้งใจจะเล่าไปเพื่อใส่มุก แม้ตอนจบจะเล่าไว้ได้ดีแต่ก็ยังคล้ายจะมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอยู่หน่อยๆ
เอาเข้าจริง ในความไม่กลมกล่อมนั้น มันก็ยังเป็นหนังที่เล่าเรื่องแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ซึ่งจะเรียกว่าเล่าแบบ ‘ไปเรื่อย’ ก็คงจะไม่ผิด เรายังพอมองเห็นความดีที่มีอยู่หลายจุด หนังเต็มไปด้วยแคสต์นักแสดงที่เล่นคอมเมดี้กันได้อย่างเข้าขา โมเน่ต์ ภาริตา แม้จะหน้าใหม่แต่กลับแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติ เล่นฉากร้องไห้อย่างได้ฟีล ส่วนเคมีระหว่างพระนางก็ดูไม่เหมือนเรื่องไหน บวกกับการใช้โลเกชันต่างจังหวัดทำให้เห็นภาพที่คุ้นเคยวัยเด็ก และบวกกับการใช้เพลงเก่าที่พาเรารำลึกความหลัง
โดยรวมมันก็ยังเป็นรอมคอมที่ฟีลกู้ด เป็นอีกหนังพาย้อนวันที่น่ารักมากอีกเรื่องหนึ่งครับ
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | 14 อีกครั้ง / I love You Two Thousand / 14 Again |
กำกับ | เป้ นฤบดี เวชกรรม |
เขียนบท | |
แสดงนำ | นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต, ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์, วีเจ-นพรุจ ตันธนวิกรัย, โยชิ-สุริยาวิชญ์ ถนอมชัยสนิท, ภูผา-อินทนนท์ แสงศิริไพศาล, โมเน่ต์-ภาริตา ริเริ่มกุล, แฟร์รี่-กิรณา พิพิธยากร |
แนว/ประเภท | โรแมนติก, คอมเมดี้ |
เรท | |
ความยาว | 115 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | ไทย |
เข้าฉายในไทย | 12 ตุลาคม 2023 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล |
คะแนนหนัง 14 อีกครั้ง
พล็อตและบท - 6.5
การดำเนินเรื่อง - 6.5
การแสดง - 7.5
เพลงและดนตรีประกอบ - 7
งานถ่ายภาพ โปรดักชั่นและเทคนิคพิเศษ - 7.5
7
I love You Two Thousand
ในความไม่กลมกล่อมนั้น มันก็ยังเป็นหนังที่เล่าเรื่องแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ซึ่งจะเรียกว่าเล่าแบบ 'ไปเรื่อย' ก็คงจะไม่ผิด เรายังพอมองเห็นความดีที่มีอยู่หลายจุด หนังเต็มไปด้วยแคสต์นักแสดงที่เล่นคอมเมดี้กันได้อย่างเข้าขา โมเน่ต์ ภาริตา แม้จะหน้าใหม่แต่กลับแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติ เล่นฉากร้องไห้อย่างได้ฟีล ส่วนเคมีระหว่างพระนางก็ดูไม่เหมือนเรื่องไหน บวกกับการใช้โลเกชันต่างจังหวัดทำให้เห็นภาพที่คุ้นเคยวัยเด็ก และบวกกับการใช้เพลงเก่าที่พาเรารำลึกความหลัง โดยรวมมันก็ยังเป็นรอมคอมที่ฟีลกู้ด เป็นอีกหนังพาย้อนวันที่น่ารักมากอีกเรื่องหนึ่งครับ