นานโขอยู่ที่ผมไม่ได้เข้าชมหนังในโรงแบบ 3 มิติ ผมพบว่า หลังๆ หนังจากต่างประเทศมักเข้ามาฉายแบบ 3 มิติกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะเผื่อไว้สำหรับการฉายแบบ 2 มิติแบบดั้งเดิมอยู่ก็ตาม
ที่ผมไม่ได้เข้าไปดูแบบ 3 มิติ เพราะหนังบางเรื่องไม่ได้ตั้งใจทำมาเพื่อเป็นหนัง 3 มิติอย่างแท้จริงบ้าง หรือทำมาก็ไม่ค่อยจะใช้คุณสมบัติแบบ 3 มิติได้อย่างได้น้ำได้เนื้อบ้าง หรือไม่ก็ไม่ได้เป็นหนังที่มีความจำเป็นต้องดูในแบบ 3 มิติแต่อย่างใด แต่วันนี้ ผมจะลองเข้าไปดูแบบ 3 มิติดูบ้าง และเรื่องที่ผมเข้าไปดูก็คือ ‘Resident Evil: Afterlife ผีชีวะ 4 สงครามแตกพันธุ์ไวรัส’
ยอมรับว่า ยังกั๊กๆ อยู่ ไม่อยากเข้าไปดูในโรงใหญ่ IMAX เพราะกลัวความสูง(ของจอ) และกลับซับ(จาง) ซึ่งจะพาลต้องไปดูรอบสองโดยไม่จำเป็น
ยอมรับกันตามตรงเลยว่า ผมไม่ใช่แฟนเกม (เพราะหนังเรื่องนี้สร้างมาจากเกม) ผมชอบดูหนัง (แต่เป็นคนขี้ลืม ผมลืมพล็อตหนังออกจะบ่อย) ผมดู Resident Evil มาทุกภาค (แต่ผมก็ยังจำที่มาที่ไปของ RE ในภาคปฐมบทไม่ได้เลยครับ) และก่อนจะเข้าไปดูภาคนี้ ก็ได้ทบทวนความจำเล็กน้อยกับบางส่วนของภาคที่แล้ว จากรายการบิ๊กซินีม่า ช่อง 7 เป็นเหมือนกับการเตรียมความพร้อมเล็กๆ น้อยๆ ก่อนไปดูหนัง
รีวิวหนัง ‘Resident Evil: Afterlife’
ในภาคนี้ ตัวชูโรงยังคงเป็น “อลิซ” (Milla Jovovich) อีกเช่นเคย หลังจากตอนจบของภาคที่แล้ว เธอค้นพบกองทัพโคลนของตัวเองในฐานทัพลับของ Umbrella องค์กรผีห่าซาตานผู้คลั่งไคล้ 8 เหลี่ยม เธอจึงพาพรรคพวกข้ามฟากแปซิฟิกมาถล่มอีกฝั่งให้ราบคาบ แต่ทุกอย่าง มันไม่ได้เป็นอย่างฝันเลย
ญี่ปุ่นในอีก 4 ปีถัดมา ก็ไม่พ้นผจญชะตากรรมโดนผีดิบครองเมือง ไม่พอ ผีดิบพวกนี้ยังมีการกลายพันธุ์เสียด้วย (มนุษย์เรา กว่าจะกลายพันธุ์นี้ใช้เวลาเป็นหมื่นๆ ปี ผีดิบกลายพันธุ์เร็วจังฮิ) การบุกรังโจรในแดนปลาดิบไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยเหตุนั้น กำลังพลเป็นแสนก็ดับสิ้นเหลือตัวต้นแบบเพียงหนึ่งเดียว ที่ถูกทำให้สิ้นความเทพ กลายเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ เท่านั้น
ฉากแอ็คชั่นช่วงแรกมันสะเด่าถึงใจ เมื่อผสมกับความเป็น 3 มิติ มันจึงสะเด่าแบบสมจริงยิ่งกว่า
แต่หลังจากนั้น สาวเท่คนเดิม กลับไม่ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจอีกเลยเป็นเวลาหลายสิบนาที ด้วยฉากที่เหลือแทบจะไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน และลักลั่นเกินกว่าจะประทับใจ บทที่ดูอ่อนด้อย และการดำเนินเรื่องที่นิ่งสนิท ส่งผลต่อความรู้สึกระหว่างดู เสียงที่บอกมาก่อนไปดูบอกให้สนุกกับความเป็น 3 มิติเท่านั้น อย่างอื่นอย่าสนใจ แล้วจะสนุกกับหนัง เสียงนั้นกลับมาอีกครั้ง อืม.. ท่าจะจริง
สำหรับคนไม่ได้เล่นเกม นี่คือหนังที่คนดูรู้สึกขาดที่มาที่ไปอยู่หลายอย่าง แม้ว่าแน่นอนว่า หนังจะต้องมีภาคต่อและอาจให้เหตุผลว่า จะอธิบายในภาคถัดๆ ไป แต่เรื่องบางเรื่อง บอกกันหน่อยก็อาจจะดีปล่อยให้ค้างคาไปอีกเป็นปีๆ กว่าจะมาเฉลย ตัวละครใหม่บางตัวที่ใส่เข้ามา แน่นอนว่า มันคงมีในเกม แต่ไม่มีการใส่ที่มาที่ไป อยู่ดีๆ ก็มา มาได้ไง กลายเป็นตัวละครที่หลายคนจดจำเสียด้วย แต่ภาคหน้าจะเล่าที่มาที่ไปหรือเปล่า ดูภาคนี้แล้วชักไม่แน่ใจ
สิ่งที่คนที่ดูภาคเก่าๆ มาก่อนได้กลับมา ก็คือ ตัวละครอย่าง “แคลร์ เรดฟิลด์” (Ali Larter) ซึ่งผมจำได้ติดตาเพราะเด่นมากในภาค ‘Resident Evil: Extinction’ ภาคนี้นับว่า ยังสวยและแลว่าจะสวยกว่าเดิมด้วยซ้ำ ขณะที่ผู้มาใหม่อย่าง “คริส เรดฟิลด์” (Wentworth Miller) กลายเป็นคู่พี่น้อง ที่มาช่วยเติมเต็มให้ช่วงเวลาของฉากแอ็คชั่นมันๆ ได้สำแดงในหนังได้เข้มข้นในช่วงหนึ่ง อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ “เค-มาร์ท” (Spencer Locke) สาวน้อยหน้าคมที่ผมชอบมาตั้งแต่ภาคก่อน ภาคนี้เธอยังอยู่นะครับ แถมหน้าเนียนกว่าภาคที่แล้วอีก นอกจากนี้ ยังมีคนเก่าๆ ในภาคก่อนกลับมาเซอร์ไพรส์ด้วย คิดว่าหลายคนอาจจะคิดถึงอยู่นะ อิอิ
หนังอาจจะมีส่วนผสมของหนังเรื่องอื่นๆ ผ่านเข้ามาบ้าง (ไม่บ้างอะ เยอะเลยล่ะ) ก็ให้เข้าใจว่า ทำมาเพื่อจุดประสงค์ของความหฤหรรษ์ทางด้าน 3 มิติ ต้องชมว่า เขาทำได้ดี นี่ขนาด Digital 3D ยังดูดีขนาดนี้ ถ้า IMAX 3D มันจะขนาดไหน แม้จะดำเนินเรื่องน่าเบื่อไปบ้าง หรือเนื้อเรื่องดูอ่อนด้อยไปบ้าง ในฐานะที่ตามดูสาวมิล่าโชว์ฉีกแข้งฉีกขามานาน ก็ต้องตามดูกันต่อไป อะไรที่น่าสนุกกว่า คงจะมีให้เห็นกันได้ใน Resident Evil ในภาค 5 (คาดว่า)แน่นอน
ภาคนี้ ผู้กำกับฯ คนเดิม Paul Anderson กลับมานั่งหน้าที่เดิมอีกครั้ง หลังจากไปนั่งเขียนบทอย่างเดียวอยู่ 2 ภาค
ขอบ่นหน่อย สำหรับคนที่อุตส่าห์มีตังค์ซื้อตั๋วแพงๆ ไปดูหนังในโรงใหญ่ๆ หรูๆ หัดทำตัวให้หรูตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองหน่อย มีมือถือใช้น่ะ ผมรู้ แต่กรุณาช่วยปิดและไม่ใช้งานระหว่างชมได้มั้ย “มันรบกวนคนอื่น” นะป้า!
หนังจบ อย่าเพิ่งลุกออกจากโรง เพราะ Closing Credit จะมีฉากที่คุณต้องดู ส่วนหลังจบเครดิตแล้ว ช่างมันเหอะ!
ชื่อภาพยนตร์: Resident Evil: Afterlife / ผีชีวะ 4 สงครามแตกพันธุ์ไวรัส
ผู้กำกับภาพยนตร์: Paul W.S. Anderson
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Paul W.S. Anderson
นักแสดงนำ: Milla Jovovich, Ali Larter, Wentworth Miller, Spencer Locke, Alex Williams, Shawn Roberts, Boris Kodjoe, Mike Epps
แนวภาพยนตร์: Action/Sci-fi/Horror
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 9 กันยายน 2553
ความยาว: 97 นาที
เรท: ไทย น15+, USA R
แนะนำเลยเพ่เล่มนี้
http://www.se-ed.com/eshop/Products/Detail.aspx?No=9786165260411
อ่านแล้วจะรู้ว่า Resident Evil มันไม่ได้มีแค่ T-Virus ฮ่าๆๆ เรื่องมันถึงได้ยาว แต่อ่านแล้วจะงงๆ หน่อย เพราะมันจะเรียงเรื่องเป็นปี แล้งแต่ละปีก็สอดคล้องกับเกมหลายๆ ภาค ที่มาที่ไปของตัวละครก็มีบอก แล้วก็บอกด้วยว่า Wesker ทำไมมันถึงได้เหมือน The Matrix ขนาดนั้น เล่มนี้บอกที่มาที่ไปละเอียดมากพี่ ฮ่าๆๆ
นี่มันหนังสือสำหรับแฟนหนังและแฟนเกมตัวจริงเลยนะเนี่ย ถึงจะรู้จักหนังสือเล่มนี้เนี่ย เหอๆ
ขอบใจมากกี้
ดูแล้วยังงงๆอยู่ สงสัยต้องหา DVD มาไว้ดู ก่อนอื่นขอลองไปดูตามที่คุณ @iiiiiiky แนะนำกันหน่อย
จะไปดูดีมั้ยน๊าา
ไม่ชอบดู 3D เพราะไม่ชอบดูผ่านแว่น ถ้าดูคงดูโรงธรรมดา
เนื้อเรื่องไม่ค่อยดี แต่ 3D เนียนสุดๆ …
(ฉากแอคชั่น ดูแล้วคิดถึงหนังสมัยก่อนสองเรื่อง ภาคสองเหมือนกันทั้งคู่เลย)
เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก เน้นไปดู Effect สวย ดูดีครับ
เท่าที่ดูมา 4 ภาค ภาคนี้ถูกปาก พออยู่ท้อง คุ้มค่า(กับสาวๆ และกราฟฟิค)
แต่ไม่ถึงกับอร่อย และอิ่มมาก :D
PS’ ต้องไปตามล่าหาหนังสืออย่างที่ @iiiiiiky แนะนำซะแล้ว