ในที่สุด ปีเก่าก็ผ่านพ้นไป และปีใหม่ๆ ก็จะผ่านเข้ามา มันเป็นเช่นนั้นอยู่เสมอ แม้ว่าวันเดือนปีจะเป็นเพียงสิ่งสมมุติ แต่มันก็ทำให้เราแบ่งแยกวันเวลาได้และทำให้เราเลือกจะเก็บแยกทุกสิ่งไว้เป็นส่วนๆ ได้อย่างเช่นบทความนี้ 1 ปีผ่านไป ก็ได้เวลาผมหยิบหนังหลายๆ เรื่องที่ได้ดูมาที่รู้สึกว่าชอบ ไม่ว่าจะมันจะเป็นหนังแนวใด หรือได้รับความชื่นชมแค่ไหนก็ตาม
แต่นายแพทโซนิคคนนี้มองเห็นในความดีของมัน ก็พร้อมจะหยิบมาเขียนสรุปถึงให้ได้อ่านกัน มันจึงออกมาเป็น ‘รวมหนังที่ประทับใจของนายแพท ประจำปี 2557’ อยากอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ง่ายๆ ครับ คลิกที่ชื่อเรื่องได้เลย
ครั้งนี้ ผมก็ยังใช้วิธีเหมือนเดิม คือ ไม่จัดอันดับ ไม่กำหนดตายตัวว่าต้องเลือกมาเท่าไหร่ หลายๆ เรื่องไม่ได้มีกฏเกณฑ์ที่ตายตัวในการตัดสิน หลายเรื่องอาจจะไม่ตรงกับใจใครบางคน และก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมพลาดไปไม่ได้ดู หากจะตรงบ้างไม่ตรงบ้างกับความคิดใคร ก็คงต้องบอกว่าอ่านตรงนี้ไว้ก่อนนะ
เอ้า! เริ่มกันเลยแล้วกัน
DAWN OF THE PLANET OF THE APES
หนังภาคต่อของมหากาพย์ลิงที่ถูกนำมารีบูตใหม่ โดยเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ลิงธรรมดาพัฒนากลายเป็นมนุษย์วานร และในภาคต่อมา พวกมันยังไม่ได้ครองโลกเต็มใบ แต่กำลังสั่นคลอนบัลลังก์ของมนุษย์อย่างรุนแรง เมื่อมนุษย์ต้องถูกจำกัดเขตแดนในการอยู่อาศัย พร้อมๆ กับการถูกจำกัดทรัพยากรและความฟุ่มเฟือยที่เคยใช้ และต้องการอย่างยิ่งซึ่งพลังงานที่กำลังขาดแคลนและการจะไปให้ถึงสิ่งนั้น ต้องผ่านถิ่นของพวกวานรไปก่อน
หนังดำเนินเรื่องอย่างมีเหตุมีผลรองรับ แม้ตัวมนุษย์วานรจะพูดภาษามนุษย์ได้ไม่เก่งนัก และต้องใช้ภาษากายในการสื่อสารระหว่างกันเองเป็นส่วนใหญ่ แต่นั่นก็ทำให้มนุษย์อย่างเรายิ่งเชื่อในสิ่งที่ลิงฉลาดพวกนั้นเป็น “รุ่งอรุณแห่งอาณาจักรพิภพวานร” จำลองสังคมมนุษย์ได้อย่างถึงเปลือกถึงแก่น เหมือนดูละครแล้วย้อนดูตัวอย่างแท้จริง
หนังมีความเป็นดราม่าสูง นำหน้าความเป็นไซไฟอย่างไม่เห็นฝุ่น
THE WIND RISES
ผลงานสุดท้ายของ ฮายาโอะ มิยาซากิ เรื่องราวของชายหนุ่มผู้มีความฝันเกี่ยวกับการสร้างเครื่องบินมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย จนเมื่อเติบโตขึ้น เขาก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเครื่องบินจนได้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่เขาฝันมาตลอดนักก็ตาม
หนังถูกตัดสลับด้วยเรื่องราวการพบเจอกันของจิโร่กับนาโฮโกะ สาวน้อยที่เจอกันบนรถไฟ ก่อนที่ทั้งสองพลัดพรากจากกันโดยไม่ได้รู้จักชื่อหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนั้น ก่อนที่สายลมจะพัดพาให้เขาได้กลับมาเจอเธอคนนั้น…อีกครั้ง ความละเอียดละออของงานภาพยังคงปรากฏอยู่ไม่เสื่อมคลาย ทำรายได้ขึ้นอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นนานถึง 8 สัปดาห์
มีพลังมากเพียงพอที่จะสร้างเสริมแรงใจและแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่ได้ชมมัน
FOXCATCHER
ปิดท้ายปี 2557 ด้วยหนังฝรั่งน้ำดีอย่าง “Foxcatcher หรือ ปล้ำแค่ตาย” ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องราวจริงที่เกิดขึ้นกับนักมวยปล้ำพี่น้องและมหาเศรษฐีแห่งตระกูลดังตระกูลหนึ่ง บทหนังเทให้กับการปะทะกันระหว่าง Steve Carell, Channing Tatum และ Mark Ruffalo ที่ต่างก็ได้รับบทบาทที่โดดเด่นของตัวเองชนิดกินกันไม่ลง
ด้วยวิธีการเล่าเรื่องแบบที่ใช้คำพูดน้อย ดนตรีน้อย ปล่อยให้คนดูได้เห็นและพิจารณาเอาเองจากพฤติกรรมของตัวละคร เราจะได้เห็นฉากเล็กฉากน้อยเรียงร้อยด้วยมุมกล้องนิ่งๆ พร้อมกับความเงียบ ซึมซับเอาบางสิ่งที่ตัวละครไม่ได้พูดตามแต่ใครจะเก็บอะไรได้
อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ ฉากบางฉากในนั้นจึงส่งสารบางอย่างมายังผู้ชมได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
WHIPLASH
ในบรรดาหนังที่เล่าถึงแรงบันดาลใจของการเป็นนักดนตรีฝีมือเยี่ยม คงยากที่จะเจอเรื่องไหนมันถึงใจอย่างกับหนังดราม่าเรื่องนี้ ‘Whiplash ตีให้ลั่น เพราะฝันยังไม่จบ’ หนังที่พูดถึงเด็กหนุ่มผู้ใฝ่ฝันอยากจะประสบความสำเร็จในฐานะมือกลอง ที่ได้พบกับครูสอนดนตรีที่กำลังฝึกซ้อมวงแจ๊สออร์เคสตร้าเข้าประกวด แต่วิธีการฝึกของครูคนนี้ค่อนข้างจะเคร่งเครียด เข้มข้น และรุนแรงอยู่สักหน่อย มันเลยกลายเป็นหนังของการฟาดฟันระหว่างครูกับศิษย์ไปโดยปริยาย
Damien Chazelle ผกก. ดึงเอาศักยภาพของนักแสดงนำทั้งสองอย่าง Miles Teller และ J.K. Simmons ออกมาได้อย่างเต็มที่ เทียบเท่ากับการดำเนินเรื่องที่สุดระทึกอย่างกับได้ดูหนังแอ็คชั่นก็ไม่ปาน
หนังที่ตีกลองกันจริงๆ จนเลือดอาบมือเรื่องนี้คือสุดยอดหนังในตำนานอีกเรื่องนึง
GONE GIRL
ดัดแปลงจากนิยายขายดีจนกลายมาเป็นหนังตลาดที่เล่าเรื่องไม่ตลาด คราวนี้หันมาเล่นเรื่องของครอบครัวบ้าง แต่ยังคงสไตล์ของตัวเองเอาไว้ในด้านของอารมณ์และวิธีการเล่าเรื่อง เป็นเรื่องน่าฉงนที่สามีภรรยาที่อยู่กินด้วยกันมา ไม่มีทางที่เมื่อภรรยาหายตัวไปแล้วสามีจะไม่สงสัยในปัจจัยแวดล้อมบางสิ่งบางอย่าง สิ่งหนึ่งที่สร้างความแปลกประหลาดให้กับคดีเมียหายครั้งนี้ ก็คงจะเป็นเกมปริศนาที่สองสามีภรรยามักจะใช้เล่นกัน และมันถูกทิ้งเอาไว้เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง นอกจากนี้ ปุมหลังและความมีชื่อเสียงของภรรยาเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เหตุการณ์มันเป็นไปเช่นในหนัง
หนังเรื่องนี้ โดดเด่นตั้งแต่นักแสดงนำอย่าง Rosamund Pike ที่สะกดทุกสายตาไว้อยู่ที่เธอ ส่วน Ben Affleck ก็ดูน่าสงสารระคนหมั่นไส้ไปพร้อมๆ กัน David Fincher ดูเหมือนจะมือขึ้น เอาอยู่ตั้งแต่จนเกือบปลายๆ เรื่อง
เมื่อพบว่า มีข้อตะขิดตะขวงใจนิดหน่อย แต่พอดูโดยรวมก็ต้องยกให้เขาไป
ตุ๊กแกรักแป้งมาก
ต้อม ยุทธเลิศ สิปปภาค เป็นนักทำหนังที่เคยสร้างชื่อไว้ในอดีต แม้ว่างานหลังจะดูแผ่วความสนใจลงไปบ้าง แต่เขาก็กลับมาได้เสมอ คราวนี้เขาเลือกกลับมาเล่าหนังโรแมนติกดูบ้าง แต่เป็นหนังไทยสไตล์เล่าเรื่องเด็ก พูดถึงเรื่องหนัง ไปๆ มาๆ หนังเลยหยิบสิ่งเล็กสิ่งน้อยจากหนังเรื่องอื่นๆ มาเสียดสีได้ฮาๆ ตามสไตล์ของแก
“ตุ๊กแกรักแป้งมาก” พาเราย้อนวัยไปรู้จักความรักในยุคที่ไร้โซเชียลมีเดีย เด็กชายผู้ต่ำต้อยที่หลงรักในสาวน้อยผู้สูงศักดิ์ ที่ต้องแยกห่างกันไกลก่อนที่พรหมลิขิตจะพัดพาเขาทั้งสองกลับมาเจอกันอีกครั้ง เด็กชายคนนั้นเติบโตขึ้นด้วยความรู้สึกที่ยังคงอยู่ และตั้งใจจะทำหนังสักเรื่องเพื่อบอกความในใจ หนังบอกถึงความเป็นรักและคลั่งไคล้ในการทำหนัง หยิบจับโน่นนี่มาผสมปนเปจนกลายเป็นเรื่องเล่าที่น่าสนใจ แม้จะไม่ถึงกับสมบูรณ์ไร้ที่ติ
แต่ก็ต้องถือว่าเป็นหนังรักที่ทำให้ชื่อต้อม ยุทธเลิศ กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง
BOYHOOD
ทะเยอทะยานในระดับที่เลือกจะถ่ายทำและกำกับกันยาวนานร่วม 12 ปี ด้วยทีมนักแสดงชุดเดิม ผลงานจากผู้กำกับ Richard Linklater ที่แทบจะไม่มีเส้นเรื่องอะไรนัก ติดตามชีวิตของเด็กน้อยที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นตามกาลเวลา ได้เห็นชีวิตของคนแต่ละวัยที่พบเจอกับเรื่องราวมากมาย coming of age ที่ดีอีกเรื่องหนึ่ง พร้อมด้วยเพลงเพราะๆ เต็มหนัง
มันเหมือนโดนความรู้สึกของเรา หลายอย่างมันทำให้เราหัวเราะกับมุกจิกกัดในเรื่องราวที่เราได้ผ่านมันมาแล้วและมันยังคงเกิดวนเวียนซ้ำซากอยู่ หนังพูดถึงหลากหลายเรื่องราวเอามากๆ ทั้งเรื่องความรัก ชีวิตวัยรุ่น ชีวิตครอบครัว รวมไปถึงเหตุการณ์บ้านเมือง และความลักลั่นย้อนแย้งบนโลกใบนี้
มันไม่ใช่แค่การเรียนรู้ของเด็กที่จะโตเป็นผู้ใหญ่หรอก เพราะมันก็เป็นการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน
THE LEGO MOVIE
จากของเล่นตัวต่อที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก “LEGO” ชิ้นส่วนเล็กๆ ที่เสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็กๆ มาแล้วทั่วโลก วันนี้ กลายเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นสไตล์สต็อปโมชั่นบันลือโลก ‘The Lego Movie (3D)’ เรื่องราวที่แสนบรรเจิดมันเกิดขึ้น ในเมืองที่ใครก็ทำอะไรไปตามคู่มือ เช่นเดียวกับตัวเอกของเราที่ผู้ชายสาขาช่างก่อสร้างแสนจะธรรมดาที่ตัวเขาเองก็ยังคิดว่าตัวเองธรรมดา แต่ต้องกลับกลายเป็น “สเปเชี่ยลวัน” เป็นใครคนนั้นตามคำทำนาย
แอนิเมชั่นสไตล์สต็อปโมชั่นที่หยิบเอาคอนเซ็ปต์ของเลโก้มาใช้เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่หนังที่ดูเอาเพลินๆ หรือใสๆ น่ารักแบบที่เคยคุ้นมา หากแต่เต็มไปด้วยมุกตลกจิกกัด ตัวละครแต่ละตัวที่มา นอกจากจะสร้างเซอร์ไพรส์ได้อย่างสุดๆ แล้ว มุdตลกต่างๆ ก็ทำเอาหัวร่อชอบใจกันทั้งโรง หนังพาเราไปไกลมากกว่าที่หนังตัวอย่างบอกเราไว้ ภาพ 3 มิติสดใสพุ่งเข้าตาอย่างน่าประทับใจ
กลายเป็นหนังที่สนุก ตลก และได้แง่คิดที่ดี ควรค่าแก่การแนะนำยิ่ง
TIMELINE จดหมาย ความทรงจำ
นนทรีย์ นิมิบุตร กลับมาทำหนังรักอีกครั้ง “Timeline จดหมาย ความทรงจำ” หนังที่เหมือนภาคต่อของ “The Letter” เมื่อหลายๆ ปีก่อน สานต่อเรื่องราวของความสัมพันธ์ผ่านจดหมายของคนรุ่นก่อนให้กลับมาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มอีกครั้ง โดยการปรับให้เข้ากับยุคด้วยความรักของวัยรุ่น
ไม่เพียงจะเล่าไปถึงความรักระหว่างแม่กับลูก แต่ก็ยังขยายไปถึงความรักระหว่างคนวัยผู้ใหญ่ด้วยกันอีกด้วย ทำให้นี่เป็นรักที่ค่อนข้างซับซ้อนพอตัวทีเดียว หนังอาจจะไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ไปทุกส่วนอย่างที่ใครๆ คาดหวัง นักแสดงที่ทำได้ดีคือเต้ย จรินทร์พร ขณะที่ลำดับการดำเนินเรื่องก็มีขาดตกบกพร่องอยู่บ้าง
แต่โดยรวมยังคงเป็นหนังที่เรียกน้ำตาให้ไหลอาบแก้มไปพร้อมๆ กับรอยยิ้มได้อยู่
INTERSTELLAR
ผลงานจากผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่ Christopher Nolan ทำหนังมาหลายเรื่องและโด่งดังมากขึ้นทุกที คราวนี้เขาเลือกจะทำหนังไซไฟอวกาศ เรื่องราวของพ่อที่ต้องจากลูกและโลกไปเพื่อค้นหาดาวดวงใหม่ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยของมนุษย์เพราะโลกนี้เริ่มไม่เหมาะกับเราแล้ว หนังอาจดูเหมือนรวมมิตรหนังในสมัยก่อนเอาไว้หลายเรื่องแล้วยำรวมกัน ตะลึงกันไปกับงานภาพที่สดสวยท่ามกลางอวกาศอันกว้างไกล และหนังก็ไปไกลกว่าที่หนังไซไฟจากฮอลลีวู้ดเรื่องไหนๆ จะไปถึง
ความยาว 2 ชั่วโมง 49 นาที ไม่ทำให้หนังดูยาวเกินไปด้วยมันสะกดคนดูเสียอยู่หมัด นอกจากภาพที่ล้ำจินตนาการแล้ว หนังยังจัดการกับบทที่เรียงร้อยมาอย่างดี สิ่งที่เคยเล่าไว้ก็จะถูกนำมาใช้อีกครั้ง
แต่กระนั้น Interstellar ก็ยังทำให้เราฟินได้ไม่เทียบเท่ากับ Inception
AMERICAN DREAMS IN CHINA
หนังสัญชาติจีนเรื่องเดียวที่อยู่ในลิสต์นี้ ‘American Dreams in China’ ของ ปีเตอร์ ชาน เป็นหนังที่เปิดตัวด้วยรายได้ถล่มทลายในประเทศจีน ส่งผลให้อยากลองไปดูด้วยตัวเองเลย เล่าเรื่องราวของ 3 เพื่อนซี้ที่เปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษด้วยกันที่ปักกิ่ง และถูกฟ้องร้องข้อหาขโมยข้อสอบ TOEFL มาให้นักเรียนของตัวเองได้ทำกันก่อนสอบจริง เราได้เห็นตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการมาพบเจอกันของเด็กหนุ่มสามคนในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน จากวันที่เริ่มต้นรู้จักกัน จนกลายมาเป็นเพื่อนสนิท แยกย้าย และกลายมาเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจร่วมกัน
หนังที่มีทั้งมิตรภาพและความฝันที่เกิดขึ้น แม้มันจะชื่นชมความเป็นจีนมากไปหน่อยก็ตาม แต่กลับทำได้ดีในหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นการผูกโยงเรื่องระหว่างเพื่อนสามคน โดยรวมเอาชีวิตรักมาเล่าผสมไปกับการดิ้นรนและพัฒนาตัวเองของทั้งสามหนุ่ม
กลายเป็นหนังฟีลกู้ดเสริมกำลังใจและรับรู้ความเป็นเพื่อนได้ดีเรื่องหนึ่งทีเดียว
————————-
ปิดท้ายกันอีกที รายชื่อหนังเหล่านี้ อาจจะตรงหรือไม่ตรงกับใจใครไปบ้าง ก็ขอให้เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของความชมชอบของแต่ละคนที่ไม่มีทางเหมือนกัน ส่วนใครอยากจะลองดูหนังตามลิสต์นี้…
ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีดีสำหรับผมก็แล้วกันนะครับ