ช่วงนี้ เหมือนหนังใหญ่ๆ จะเข้าโรงมายั่วน้ำลายและน้ำเงินในกระเป๋า พาขาเราก้าวไปซื้อตั๋วดู ทำให้คนไทยเดินหน้าเข้าโรงหนังเป็นว่าเล่น โดยอาจไม่คาดคิดว่า หนังที่ว่าใหญ่และน่าดูนั้น มันอาจจะไม่ใช่ทุกเรื่องก็ได้ ล่าสุด ผมก็ได้ไปดูหนังเรื่องล่าสุดมา ‘Mummy 3’ หรือ ‘The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor’ หรือชื่อไทย ‘คืนชีพจักรพรรดิมังกร’
ที่พูดอย่างนี้เขียนอย่างนี้ ไม่ได้แปลว่า หนังมันไม่ดีนะครับ เพียงแต่การคาดหวังที่สูงอาจจะได้ผลเป็นการ “ไม่ได้อย่างที่หวัง” ก็เป็นได้ ลองอ่านๆ ไปก็แล้วกันครับ ผมเอง บอกตรงๆ ว่า หลังๆ นี่ชักไม่ค่อยพอใจงานเขียนเกี่ยวกับเรื่องหนังของตัวเองสักเท่าไหร่ เพราะแต่ก่อนผมจะหาข้อมูล และความคิดเห็นของผู้คนต่อหนังแต่ละเรื่อง ก่อนจะมานั่งเขียนวิจารณ์หรือแนะนำ แต่ช่วงนี้ ผมไม่ค่อยจะมีเวลาสักเท่าไหร่ เขียนไปตามความรู้สึกที่ได้มาเพียวๆ ระหว่างตัวเองกับหนัง
ขอโทษที่มันอาจไม่ค่อยดีเท่าที่ควรนะครับ
ไม่อยากให้ข้อเขียนวันนี้ เป็นข้อเขียนเชิงชี้นำนะครับ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณอยากดูก็เพียงควักตังค์ซื้อตั๋วเข้าไปดู แล้วพบประสบการณ์ด้วยตัวเอง คงดีที่สุด อันนี้ต้องบอกเอาไว้ก่อน
โดยส่วนตัวแล้ว ผมเป็นคนที่ลืมเรื่องราวของหนัง ละคร ซีรีส์ ที่ดูผ่านมาหลายๆ วัน หลายๆ เดือน ไปได้อย่างรวดเร็วมากๆ ยิ่ง The Mummy และ The Mummy Returns ทำให้ผมลืมเรื่องราวและความสนุกของสองภาคที่แล้วไปเกือบหมด เหลือเพียงภาพเลือนลางว่า หนังเต็มไปด้วยทะเลทราย โทนสีของหนังมีแต่สีเหลือง-น้ำตาล หนังมีแต่หน้าของ Brendan Fraser ลอยไปลอยมา มีหน้าของฮิมโฮเทป ฟาโรห์ และผู้หญิงร่างสวยกรีดกราย นึกถึงภาพพระเอกวิ่งหนีแมลงประหลาดจำนวนเรือนพันเรือนหมื่น นึกถึงหน้าของนักมวยปล้ำนาม The Rock ในภาคสอง แต่เนื้อเรื่องจมหายไม่เหลือเค้า
มาภาคนี้ ด้วยความที่ติดตามมาทั้งสองภาค เกือบ 100% ยังไงก็ต้องติดตามภาคที่สาม โดยไม่ได้ย้อนไปดูของเก่า ไม่ได้หาข้อมูลก่อนเข้าโรงเลยแม้แต่น้อย
หนังเริ่มต้นด้วยตำนาน เล่าถึงจักรพรรดิแผ่นดินจีนในอดีตกาล ผู้โหดเหี้ยมและทะเยอทะยาน รวบรวมจีนเป็นปึกแผ่นและสร้างกำแพงเมืองจีนอันเกรียงไกร
จักรพรรดิพระองค์นั้น นาม “ฮั่น” (Jet Li – หลี่เหลี่ยงเจี๋ย)
แล้วจักรพรรดิผู้ยิ่งยงก็ไปแย่งผู้หญิงของแม่ทัพ ด้วยพระราชอำนาจ แม่ทัำพจึงถูกฆ่าอย่างทารุณ ก่อนจะถูกเสกให้อมตะและสาปจากผู้หญิงคนเดิม ที่นามว่า “ซือหยวน” (Michelle Yeoh – หยางจื่อฉุน) จักรพรรดิกลายเป็นหินและถูกฝังในสุสาน (แต่ดันบอกว่า อย่าให้ใครปลุกเขากลับคืนมาได้ โลกจะลุกเป็นไฟ)
แล้ววันนั้นก็มาถึง เมื่ออเล็กซ์ (Luke Ford) ลูกชายของพระเอก ริค (Brendan Fraser) กับ เอวิลีน โอคอนเนลล์ (Maria Bello) ดันอุตริหนีเรียนไปขุดสุสาน ที่ันั่นเขาได้พบกับ หลิน (Isabella Leong – Luo Shi Liang) สาวจอมยุทธ์ผู้เฝ้าสุสาน ก่อนที่คนเขียนบทจะส่ง พ่อแม่ให้มาจ๊ะเอ๋กับลูกที่เมืองจีน ไปๆ มาๆ ทั้งหมดก็ช่วยกันปลุกผี เอ้ย คืนชีพจักรพรรดิเหี้ยมกลับขึ้นมามีชีวิตโดยไม่ตั้งใจ
เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ ครอบครัวนี้จำต้องปราบมัมมี่แบบจีนๆ ให้ราบคาบเพื่อให้หนังจบในตอนท้าย
อ้าว! บอกตอนจบซะงั้น ถึงไม่บอก มันก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วไม่ใช่รึ
หลายคนไปดูแล้วบอกว่า หนังไม่ค่อยสนุก ไม่ค่อยมีฉากมันๆ ก็หนังเล่าที่มาที่ไปของการฟื้นคืนชีพไปเสียเกือบครึ่งเรื่อง แล้วที่เหลือจะให้เล่าอะไรได้ซับซ้อนยอกย้อนนักเล่า
บางคนบอกว่า ดูแล้วไม่ขำไม่ฮาเหมือนภาคก่อนๆ ดูเหมือนความฮาคือ จุดขายของ The Mummy Series แต่ภาคนี้กลับหดหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ ผมเอง ขนาดหลงลืมไปหมดแล้ว กับความรู้สึกในภาคก่อนๆ ก็พบว่า ตัวเองไม่รู้สึกฮากับฉากไหนๆ สักเท่าไหร่ มีแค่ฉากที่ตัดหนังตัวอย่างมาให้ดูนั่นแหละมั้ง ที่พอให้กล้อมแกล้มขำๆ ไปได้ เลยเห็นด้วยเลยล่ะ ว่า หนังเรื่องนี้ขำไม่ออกจริงๆ
หนังบอกว่า จักรพรรดิเป็นอมตะ แต่สุดท้ายก็ตาย ตกลงมันอมตะมั้ยเนี่ย
หนังเป็นผู้กำกับจากสองภาคแรก จาก Stephen Sommers เป็น Rob Cohen ผู้กำกับ ‘xXx: State of the Union’ ผู้กำกับน่าจะมีผลให้ The Chinese Mummy ออกมาหน้าเป็นเยี่ยงนี้ก็เป็นได้
บางคนก็บ่นมาอีก ไม่น่าเปลี่ยนนางเอกเลย คงลืมไปว่า ภาคนี้ นางเอกของเรื่องนั้นไม่ได้เจาะจงเสียแล้วว่าเป็นคนไหน ดูแล้วก็มึน มองไม่ออกว่า คนไหนเป็นนางเอก แต่ถ้าภาคที่แล้วก็ต้องเป็น Evelyn O’Connell แฟนของริคนั่นเอง เดิมทีนั้น เป็นบทของ Rachel Weisz แต่ภาคที่สาม เปลี่ยนมือไปเป็นหน้าที่ของ Maria Bello แทน บางคนก็เลยไม่ชอบ เพราะว่าไม่สวยเท่าคนเดิมนั่น แต่บางคนก็ช่วยให้เหตุผลไว้น่าฟังว่า เปลี่ยนน่ะดีแล้ว เดี๋ยวจะดูไม่ออกว่า เป็นแม่กับลูก นึกว่าเป็นพี่กับน้องแทน เหอๆ
มีคนบอกว่า ภาคนี้ เขาทำไว้รับโอลิมปิกที่จีน ก็ไม่รู้หรอกว่าจริงหรือเปล่า แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่รับส่งกันได้อย่างพอดี ภาคหน้า เห็นว่า จะไปเยือนดินแดนมายา ใช่หรือเปล่า ต้องรอดูกันต่อไป
ยังไงก็คงต้องบอกว่า ไม่ใช่ว่า ‘The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor’ จะเป็นหนังที่น่าเสียดายตังค์ขนาดนั้น ดูเอาสนุกน่ะพอทำหน้าที่ได้อยู่ แต่ถ้าจะเอาให้ได้อรรถรสอย่างสองภาคแรก ก็อาจจะไม่ได้ดังหวัง เพราะผู้กำกับแกเป็นพวกเน้นระห่ำ แต่ไม่เน้นฮา ไม่เน้นสมเหตุสมผลครับท่าน
ที่เหลือจะดูไม่ดู ก็สุดแล้วแต่ใจท่านเถิด ข้าน้อยมิเกี่ยว
ปล. ข้าน้อยชอบ Isabella Leong จังเลย หมวยสวยคม ได้ใจจริงๆ (เพิ่งรู้ว่า เคยแสดง The Eye 10 ต๊าย ไม่เคยดู อิอิ)
เรื่องนี้อยากดูอย่างแรง
ไปด้วยๆ ไปดูด้วยคนครับ
ไปดูมาแล้ว เห็นด้วยกะคุณทุกอย่างเลยอะคะ
น่าดูๆ
ไปดูมาแล้วเหมือนกันอะคะ อาจจะเป็นเพราะว่าปลื้มเอามากๆกับภาคก่อนๆ พอออกภาคใหม่เลยหวังว่าจะดีเหมือนเดิม แต่พิไปดูก็แอบผิดหวังเล็กน้อย ถึงปานกลางอ่ะ เพราะว่า มันไม่เหมือนมัีมมีเลย เหมือนกองทัพผีดิบมากกว่าอะ = =
น่าดูมากเลยครับ
น่าดูน่าชมมากครับ อยากไปดูจัง ฮือ…
หลัง ๆ Jet Li แสดงเป็นตัวร้ายในหนัง Hollywood หลายเรื่องจังเลย ในเรื่องพ่อกับลูก น่าจะเป็นพี่กับน้องมากกว่านะ พ่อไม่เห็นจะดูสมวัยเลย