หลังจากปลดปล่อย โปสเตอร์ใหม่ของ ถนนโลกันตร์ ไปเพียงไม่นาน ผมก็ได้พบกับตัวหนังจริงๆ เสียที ‘Mad Max Fury Road’ ผลงานอันเอกอุจาก George Miller ผู้กำกับ/นักเขียน/ผู้อำนวยการสร้าง เจ้าของไอเดียแห่งวิสัยทัศน์ที่ต้องบอกว่าคุ้มค่าสมแก่การรอคอย และดุดันสมกับที่เขาร่ำลือกันจริงๆ
อาจจะพอมีบางคนบ้างแหละนะ ที่เคยได้ชม Mad Max สามภาคก่อนหน้าที่ผู้กำกับคนเดียวกันเคยทำเอาไว้ แต่ถ้าคุณไม่เคยได้ดูมาก่อน ก็ขอรับรองว่าสามารถดูภาคนี้ได้อย่างเข้าใจ เพราะหนังเป็นเรื่องราวของ Max Rockatansky (Tom Hardy) ในโลกอนาคตที่แห้งแล้งกันดารที่จบในตอน แต่เชื่ออย่างหนึ่งว่า ถ้าดูภาคนี้แล้วจะยิ่งเพิ่มความอยากในการกลับไปดูภาคก่อนได้อย่างแน่นอน
มันคือจินตนาการของคนที่มองเห็นโลกมนุษย์ในอนาคตที่ต้องผ่านความเปลี่ยนแปลงอันเลวร้ายของสภาพอากาศจน “น้ำ” กลายเป็นสิ่งหายากและกลายมาเป็นสิ่งที่ชักจูงผู้คนให้เชื่อฟังและเป็นทาส แผ่นดินกลายเป็นทะเลทราย การเพาะปลูกแทบจะไม่เหลือให้เห็น แต่ Immortan Joe (Hugh Keays-Byrne) กลับได้ครอบครองพื้นที่แห่งนั้น
แน่นอนว่า การกดขี่ย่อมได้รับแต่ความกลัว หากเมื่อใดสบช่อง การก่อกบฎย่อมเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน สภาพของโลกในยุคนั้น มีแต่ความแร้นแค้น ผู้ที่อยู่รอดหลายคนกลายเป็นพวกวิกลจริต พิการบ้าง เป็นโรคผิวหนังบ้าง แต่ก็ยังมีความสามารถในการสร้างรถรูปแบบฟิวชั่นผสมผสานเพิ่มความแรงและเสริมด้วยอาวุธเท่าที่จะหาได้ในยุคสมัยนั้น
โลกในอนาคต กลายเป็นโรคแห่งความป่วยไข้โดยสัมบูรณ์
Imperator Furiosa (Charlize Theron) คือสาวแกร่งในภาคนี้ที่เลือกจะกบฎเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง เธอได้เจอกับแม็กซ์ หนุ่มแกร่งผู้มีปม เขามีความบ้าแต่เขาก็มีความดีอยู่ในตัว แถมยังมี Nux (Nicholas Hoult) หนุ่มผู้ตกเป็นทาสของอิมมอร์ตัน โจ แต่หลุดรอดออกมาและกลายเป็นตัวละครเด่นอีกตัวในเรื่องนี้
แม้ว่าโดยความเป็นจริง หนังเรื่องนี้ใช้ CG เข้ามาช่วยน้อยกว่าหนังเรื่องอื่นๆ มาก เพราะส่วนใหญ่นั้นเป็นการถ่ายทำด้วยคนจริง แต่กับงานภาพบางส่วนจำเป็นต้องใช้ CG เข้ามาช่วย ซึ่งก็ทำให้ได้ภาพที่ต้องตะลึงอ้าปากค้าง เพราะมันอลังการมาก และมันเหมาะมากจริงๆ ที่จะรับชมในแบบ IMAX 3D (ถ้าคนไทยจะมีโอกาสได้ดูกันอะนะ)
และแม้ว่า ‘Mad Max Fury Road’ จะดูเป็นหนังที่ใส่เนื้อหาเรื่องราวเข้าไปน้อยมาก หลายคนที่เข้าไปชมอาจมองเรื่องมันดูบางเบา แต่นั่นแหละ ก็เพราะมันจะได้ให้เวลากับความสุดยอดในด้านอื่นเพื่อตอบสนองให้มันเป็นหนังที่สุดยอดมันอย่างที่มันควรจะเป็นอย่างไรเล่า
จุดโดดเด่นของหนังเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องของบท แต่พอมันไม่เน้นที่บท มันก็ทำให้หนังได้ใช้ศักยภาพในด้านอื่นอย่างครบสูตร ไม่ว่าจะงานด้านวิชวลที่ตระการตา มุมกล้องและการถ่ายทำแต่เหมาะเหม็งจะรับชมในแบบ 3 มิติ การเลือกที่จะใช้สตันต์แสดงเป็นหลัก แทนที่จะเน้นให้คอมพิวเตอร์ช่วยงาน กลับทำให้มันดูสนุกและสมจริงมากกว่าเข้าไปอีก ในขณะที่ดนตรีประกอบนั้นทำได้ยอดเยี่ยม ส่งเสริมให้ฉากแอ็คชั่นดูยิ่งหวือหวาตื่นเต้นมากเป็นเท่าตัว โปรดักชั่นดีไซน์ก็น่าตื่นตา ออกแบบฉาก ออกแบบรถ ออกแบบการต่อสู้ ทุกอย่างหนังใส่เข้ามาอย่างเต็มที่
ฉากแอ็คชั่นใน ‘ถนนโลกันตร์’ ทำได้สนุกยิ่งกว่าเรื่องไหนๆ ที่ได้ดูมาตลอดปีจนถึงวันนี้ หลายฉากคงต้องอ้าปากค้างทีเดียว และมันก็ทำให้ลุ้นจนแทบลืมหายใจ ด้วยซีนแอ็คชั่นที่ยาวติดต่อกัน ทำให้เมื่อจบช่วงพวกนั้น ผมถึงกับถอนใจอย่างโล่งอก
มันโคตรลุ้นเลย!
สิ่งสำคัญเลยที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้สำหรับ แมดแม็กซ์ภาคนี้ คือสาวๆ ในหนังที่ขนมาแต่สาวเซ็กซี่ชวนมอง แอบไปเห็นรายชื่ออย่าง Rosie Huntington-Whiteley, Zoe Kravitz และ Courtney Eaton คงทำให้เพิ่มความอยากดูขึ้นมาได้สุดขีด สำหรับใครอยากตีตั๋วเข้าไปดู ขอบอกว่าไม่ผิดหวัง
แม้เนื้อเรื่องจะบางเบา แต่อย่างอื่นจัดเต็ม!
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง แมดแม็กซ์ ถนนโลกันตร์
ชื่อภาพยนตร์: Mad Max: Fury Road / แมดแม็กซ์ ถนนโลกันตร์
ผู้กำกับภาพยนตร์: George Miller
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: George Miller, Brendan McCarthy, Nick Lathouris
นักแสดงนำ: Tom Hardy, Charlize Theron, Nicholas Hoult, Hugh Keays-Byrne, Rosie Huntington-Whiteley, Courtney Eaton, Zoe Kravitz
ความยาว: 120 นาที
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Thriller
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
เรท: ไทย/น15+ , MPAA/R
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 14 พฤษภาคม 2558
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Kennedy Miller Productions, Village Roadshow Pictures, Warner Bros.
คะแนนรีวิวหนัง แมดแม็กซ์ ถนนโลกันตร์
Mad Max: Fury Road - 10
10
Mad Max: Fury Road
จุดโดดเด่นของหนังเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องของบท แต่พอมันไม่เน้นที่บท มันก็ทำให้หนังได้ใช้ศักยภาพในด้านอื่นอย่างครบสูตร ไม่ว่าจะงานด้านวิชวลที่ตระการตา มุมกล้องและการถ่ายทำแต่เหมาะเหม็งจะรับชมในแบบ 3 มิติ การเลือกที่จะใช้สตันต์แสดงเป็นหลัก แทนที่จะเน้นให้คอมพิวเตอร์ช่วยงาน กลับทำให้มันดูสนุกและสมจริงมากกว่าเข้าไปอีก ในขณะที่ดนตรีประกอบนั้นทำได้ยอดเยี่ยม ส่งเสริมให้ฉากแอ็คชั่นดูยิ่งหวือหวาตื่นเต้นมากเป็นเท่าตัว โปรดักชั่นดีไซน์ก็น่าตื่นตา ออกแบบฉาก ออกแบบรถ ออกแบบการต่อสู้ ทุกอย่างหนังใส่เข้ามาอย่างเต็มที่
1 คอมเมนต์