คนไทยทุกคนล้วนมีชีวิตที่คุ้นเคยกับตำรวจ ผู้ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ปราบปรามคนทำผิดกฎหมาย ได้อำนาจถือปืนและจับกุม แต่ทุกคนต่างก็รู้ว่า ประเทศนี้ การมีเงินและอำนาจสามารถทำได้ทุกอย่าง และการให้อำนาจกับคนที่มีทั้งดีและเลวก็ก่อให้เกิดเหตุทั้งสองด้าน หนังเรื่องหนึ่งที่ได้รับแรงบันดาลมาจากเหตุการณ์จริง คนจริงในประวัติศาสตร์ และมันได้กลายมาเป็นวัตถุดิบในการเขียนบท ผลงานจากผู้กำกับดังอย่าง ก้องเกียรติ โขมศิริ ที่กลายเป็นหนังไทยไตรภาค วันนี้ คงได้เวลาแล้ว ที่นายแพทจะมาเท้าความถึงและ ย้อนดู ขุนพันธ์ สองภาคแรก
ก่อนจะได้ไปเจอกับ ‘ขุนพันธ์ 3’ ที่เตรียมจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ เรามาเริ่มกันเลยนะขอรับ
เริ่มกันที่ ‘ขุนพันธ์’ ภาคแรก
เรื่องราวใน ‘ขุนพันธ์’ ภาคแรก เล่าถึงประเทศไทยในปี พ.ศ.2481 วันที่เศรษฐกิจกำลังตกต่ำ ต่างชาติเริ่มเข้ามาแทรกซึมและสร้างอิทธิพลบนดินแดนนี้ ระหว่างที่สงครามกำลังก่อเกิด เสือร้ายทั้งร้ายก็กำเนิดขึ้นเช่นกัน พวกมันล้วนมีอาคมร้ายกาจ แม้แต่ตำรวจก็ยังเกรงกลัว ถึงขั้นรู้เห็นเป็นใจ หนังเล่าถึง ขุนพันธ์ (อนันดา เอเวอริ่งแฮม จากหนังเรื่อง ‘ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ’, ‘ชั่วฟ้าดินสลาย’ และ ‘อินทรีแดง’) หรือ ร้อยตำรวจโท ขุนพันธรักษ์ราชเดช ตำรวจจผู้มีอาคมคุ้มกันตนที่ได้รับมอบหมายให้ลงใต้ไปยังจังหวัดชุมพรเพื่อปราบเสือ แต่สุดท้ายก็พบว่าเป็นเจ้านายของตนที่ได้หน้าและได้ดี ส่วนตัวเขาถูกทิ้งให้กบดานและแทรกซึมด้วยความหวังจะล่วงค้นต้นตอเหตุผลของการมีอยู่แห่งเหล่าเสือร้าย
เขาเข้าไปทำงานอยู่ในสำนักงานของหลวงโอฬาร (ภคชนก์ โวอ่อนศรี) ข้าราชการผู้ฉ้อฉล จนได้พบกับ อัลฮาวียะรู (น้อย กฤษดา สุโกศล แคลปป์ จากหนังเรื่อง ‘ทวารยังหวานอยู่’, ’13 เกมสยอง’ และ ‘ความสุขของกะทิ’ ) เสือร้ายแดนใต้ที่มีวิชาอาคมแกร่งกล้า แม้จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดแต่วันหนึ่งอัลฮาวีก็ล่วงรู้ความจริง เขาถูกสังหารแต่หนีรอดตายมาได้และกลับมาเป็นตำรวจอีกครั้งในภาพลักษณ์ของหนุ่มหน้ามนคนเครางอนเฟิ้ม หมายมั่นจะใช้กฎหมายผดุงความยุติธรรมให้กับสังคม
ภาคแรกนั้นดูคล้ายจะไม่มีนางเอกที่แท้จริง ผู้หญิงในภาคนี้ที่โดดเด่นก็มีอยู่หลายคน ไม่ว่าจะเป็น มาลัย (กานต์พิสชา เกตุมณี) หรือ บุหงา (พิมลรัตน์ พิศลยบุตร) คนหนึ่งเป็นพี่น้องกับไข่โถ (สนธยา ชิตมณี จากหนัง ‘มหา’ลัยเหมืองแร่’ และ ‘ไชยา’) คนที่ช่วยเหลือขุนพันธ์หลายสิ่ง อีกคนเป็นลูกน้องของอัลฮาวี บทหนังเขียนให้ทั้งสองต่างก็มีความโรแมนซ์กับขุนพันธ์
ถ้าพูดเรื่องสมจริงก็ยังมีอยู่หลายฉากให้ชวนกังขาอยู่ แม้โดยรวมจะถูกครอบคลุมด้วยเซ็ตของฉากแอ็กชั่นที่อลังการพอสมควร บางช็อตก็ถ่ายออกมาได้สวยงาม ซีจีดูตั้งใจทำแม้จะลอยๆ ไปบ้างก็ตาม ด้านบทนั้น บางหนก็ชวนแปลกแปร่ง ไดอะล็อกบางส่วนก็ดูไม่เข้าปากแต่บางฉากก็ดูได้ฟีลดี
หนังจบลงด้วยการเปิดตัว เสือใบ ตัวละครใหม่ที่จะมาในภาคสอง และหนังคว้า 4 รางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 26 มาครอบครอง
แล้วมาต่อกันที่ ‘ขุนพันธ์ 2’
มาถึง ‘ขุนพันธ์ 2’ กล่าวถึงประเทศไทยในปี พ.ศ. 2488 ภาวะสงครามกำลังจะผ่านพ้นไป แต่ยากแค้นของผู้คนยังคงอยู่ และหลายคนจำต้องตั้งตนเป็นโจร คราวนี้ ขุนพันธ์ที่ศึกษาและฝากตัวเป็นศิษย์กับเกจิอาจารย์มากมาย ก็ถูกย้ายไปประจำการที่ชัยนาท แต่เพราะเหตุพาลูกน้องไปตาย เขาจึงถูกพักงาน แต่ช่วงนั้นเอง มีข่าวตำรวจรับสินบนจากพวกโจร ส่วนพวกโจรก็ออกปล้นแล้วเอาเงินมาแจกจ่ายชาวบ้าน ส่งผลให้ชาวบ้านเลิกศรัทธาตำรวจหันไปเชื่อถือพวกโจรกันหมด
ขุนพันธ์ที่อยู่ในระหว่างพักราชการ ได้ยินข่าวเรื่องจอมโจรเชิ้ตดำของเสือฝ้าย (พันเอก วันชนะ สวัสดี จากหนังเรื่อง ‘ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช’ และ ‘พันท้ายนรสิงห์’) ที่แน่นแฟ้นกับเสือใบ (เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ จากหนังเรื่อง ‘บอดี้ศพ 19’, ’30+ โสด ออน เซล’ และ ‘ดาวคะนอง’) จอมโจรที่มีบุคลิกเจ้าชู้ กะล่อน และมีปมในวัยเด็กผู้กลายเป็นมือขวา ทั้งสองเป็นผู้นำแก๊งโจรที่มีอิทธิพลมากในเขตภาคกลาง โดยเฉพาะสุพรรณบุรี ขุนพันธ์จึงแทรกซึมและขอเข้าร่วมแก๊งในฐานะเสือบุตร์ จนในที่สุดกลายเป็นสามเสือแห่งภาคกลาง แม้จะเป็นตำรวจที่กลายร่างเป็นเสือแล้ว แต่ข้างในของขุนพันธ์ก็ยังหวั่นใจในคำสาบานของตนเองอยู่
หนังเล่าไปถึงหลวงธรรมรงค์นายอำเภอใหญ่ ผู้เคยร่วมมือเสือฝ้ายแต่เปลี่ยนวิถีไปเป็นผู้แทน ซึ่งเสือฝ้ายก็มองว่าพวกนักการเมืองก็ไม่ต่างอะไรกับโจร หนังภาคนี้จึงขยายจากการแค่วิพากษ์ตำรวจมาวิพากษ์นักการเมืองพร้อมกันไปด้วย ตำรวจเองก็ประกาศไม่กลัวโจร ส่งผู้กองอัศวิน (นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์) นายตำรวจเข้ามาดูแลพื้นที่นี้ จึงต้องปะทะกับเหล่า 3 เสืออย่างช่วยไม่ได้ หนังพาไปรู้จักกับความอ่อนโยนของเหล่าเสือผู้ยิ่งใหญ่ที่กุมหัวใจชาวบ้าน ที่ทำให้เสือร้ายยังคงอยู่เรื่อยมา
เมื่อวันหนึ่ง ขุนพันธ์ได้กลับมารับใช้ราชการในฐานะตำรวจอีกครั้ง เขาจึงต้องรับมือกับเสือร้ายที่เป็นพี่น้องร่วมสาบาน ขณะเดียวกัน เขาก็ได้ทำให้ผู้กองอัศวินกลายเป็นชายภายใต้หน้ากากที่ต่อมาได้รับอาคมจากเสือฝ้าย ผู้กองทำให้ตัวตนจริงของขุนพันธ์ถูกเปิดเผย ขณะเดียวกัน เสือใบก็ตัดสินใจเข้าร่วมเปิดโปงพฤติกรรมของรองเผด็จ (สุเชาว์ พงษ์วิไล) ตำรวจผู้ฉ้อฉลที่เคยเอาเสือฝ้ายเป็นตัวเดินหมาก
ภาคนี้มีหญิงสาวที่โดดเด่น เป็นบุษรา (ก้อย รัชวิน วงศ์วิริยะ จากหนังเรื่อง ‘เด็กหอ’, ‘October Sonata’ และ ‘รัก/สาม/เศร้า’) สาวสวยเจ้าของสุวรรณบุปผาผู้ทำตัวเป็นสายลับสองหน้าและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเสือบุตร์ ขณะที่เสือใบคนเจ้าชู้ก็มีทั้ง ทับทิม (แม็กกี้ อาภา ภาวิไล จากหนังเรื่อง ‘แม่เบี้ย’ และ ‘ผีห่าอโยธยา’) ทั้ง ลำดวน เป็นเมีย สังเกตได้ว่า หนังเรื่องนี้ล้วนตั้งชื่อเป็นดอกไม้ให้กับตัวละครหญิงทั้งสิ้น
บทหนังภาคนี้ดูจะเข้มข้นขึ้นกว่าภาคแรกมาก ตัวละครแต่ละตัวล้วนมีความคิดและเหตุผลในการเลือกกระทำของตนเอง อีกทั้งก็ยังยากตัดสินอะไรถูกผิดได้อย่างร้อยเปอร์เซนต์ และขุนพันธ์จะต้องเลือกทำเพื่อถูกต้องที่ตนเองเชื่อ หนังจบลงด้วย…
ไม่รู้ว่าการเท้าความถึง ขุนพันธ์ สองภาคแรก นี้จะได้ประโยชน์มากน้อยหรือไม่กับคนอ่านทั้งหลาย แต่อย่างน้อยก็น่าจะช่วย wrap up เรื่องราวของ 2 ภาคก่อนหน้า เพื่อไปต่อกับ ‘ขุนพันธ์ 3’ ที่กำลังจะเข้าฉายได้แน่ๆ ครับ
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | ขุนพันธ์ / Khun Pan |
กำกับ | ก้องเกียรติ โขมศิริ |
เขียนบท | นะโม ทองกำเหนิด |
แสดงนำ | อนันดา เอเวอริ่งแฮม, กฤษดา สุโกศล แคลปป์, สนธยา ชิตมณี, ภคชนก์ โวอ่อนศรี, กานต์พิสชา เกตุมณี, พิมลรัตน์ พิศลยบุตร, แดน ชูพงษ์ |
แนว/ประเภท | แอ็กชัน, ประวัติศาสตร์, ระทึกขวัญ [ข้อมูลจาก IMDb] |
เรท | |
ความยาว | 105 นาที |
ปี | 2016 |
สัญชาติ | ไทย |
เข้าฉายในไทย | 14 กรกฎาคม 2016 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล |
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | ขุนพันธ์ 2 / Khun Pan 2 |
กำกับ | ก้องเกียรติ โขมศิริ |
เขียนบท | สุโกสินทร์ อัครพัฒน์, ก้องเกียรติ โขมศิริ |
แสดงนำ | อนันดา เอเวอริ่งแฮม, พันเอก วันชนะ สวัสดี, อารักษ์ อมรศุภศิริ, อาภา ภาวิไล, รัชวิน วงศ์วิริยะ, สุเชาว์ พงษ์วิไล, นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์, |
แนว/ประเภท | แอ็กชัน, แฟนตาซี [ข้อมูลจาก IMDb] |
เรท | |
ความยาว | 130 นาที |
ปี | 2018 |
สัญชาติ | ไทย |
เข้าฉายในไทย | 23 สิงหาคม 2018 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล |