หลังจากกลับมาจากต่างจังหวัดได้ไม่กี่ชั่วโมง ผมก็จัดแจงอาบน้ำแต่งตัวไปกินข้าวนอกบ้านกันเลย เพราะที่บ้านไม่ค่อยมีไรให้กิน เลยถือโอกาสไปดูหนังเสียด้วยเลย และเรื่องที่เลือกไว้ตั้งแต่ก่อนไปลาวแล้ว นั่นก็คือ ‘イキガミ อิคิงามิ สาส์นสั่งตาย’
มันคงไม่มีอะไรมากกว่า ฟังเนื้อเรื่องย่อผสมคำเยินยอแล้วให้รู้สึก “มันต้องไปดู”
หนังญี่ปุ่นที่สร้างการ์ตูนที่ไม่เคยอ่าน (ในชีวิตผมอ่านการ์ตูนน้อยมากครับ) หยิบเอาเสี้ยวหนึ่งมาเล่าในภาษาของหนัง ซึ่งผมว่า เขาทำได้ดีทีเดียว
ไม่ได้ใส่ใจเครดิต ไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าใครแสดง ไปถึงโรง ก็มุ่งไปจองตั๋วอย่างเดียว เสร็จแล้วก็ไปหาไรใส่ท้องเพราะหิวมาก ก่อนจะเดินกลับมาที่ลิโด้อีกครั้ง
ยืนเซ่อหน้าโรง 2 อยู่สักพัก ก็จะรู้ตัวว่า มายืนผิดโรง เพราะมันต้องโรง 1 สิ แล้วเอ ทำไมเราเข้าใจว่าโรง 2 หว่า เป็นไปได้ไง ที่เราจะก่งก๊งขนาดนั้น
เรื่องของชนในประเทศหนึ่ง ซึ่งอยู่ดี ลุกขึ้นมาฉีดวัคซีนให้กับเด็กๆ ทุกคน ก่อนที่จะฆ่าทิ้งเมื่อถึงวัย 19-24 ขวบด้วยแคปซูลเม็ดจิ๋วที่ถูกฉีดไว้ ด้วยเหตุผลแปลกๆ ที่ว่า “เพื่อผดุงไว้ซึ่งความรุ่งเรืองของประเทศชาติ”
ผมเพิ่งมารู้ที่หลังว่า ประเทศนี้ไม่ใช่ญี่ปุ่น ทั้งที่เข้าใจในขณะดูมาตลอดว่า มันคือญี่ปุ่น เหอๆ
เข้าไปในโรงก็เมื่อหนังฉายไป 3-4 นาทีแล้ว พลาดตอนต้นๆ เรื่องไปอย่างน่าเสียดาย แต่ไม่ถึงกับสาระสำคัญสูญหาย
ประเทศหนึ่งเชื่อว่า การที่คนเรามีอายุขัยที่สั้นลง จะช่วยลดเรื่องเลวร้ายได้หลายๆ อย่าง โดยเฉพาะอาชญากรรม และทำให้คนดำเนินชีวิตอย่างเห็นคุณค่าของมันมากขึ้น
เป็นวิธีคิดที่สุดโต่ง มุมนึงอาจใช่ อีกมุมนึง มันริดรอนอะไรบางอย่างไปหรือเปล่า
หนังหยิบเอาชีวิตของคน 3 คนที่ถูกตัดสินให้จบลง โดยมีบุคคลๆ หนึ่ง ผู้ส่งสารไปบอกข่าวชีวิตที่เหลือเพียง 24 ชั่วโมง แม้ว่าตัวเองจะยังคลางแคลงใจในนโยบายดังกล่าวอยู่ก็ตาม
เพื่อน – ชีวิตของ ทานาเบะ หนุ่มนักดนตรีที่กำลังจะดัง เขากำลังจะได้ออกทีวีกับคู่ดูโอที่ไม่ค่อยจะชอบหน้ากันนัก แต่ความผูกพันกับเพื่อนอีกคนที่ร่วมเล่นร่วมร้องเปิดหมวกกันมา ทำให้เขาตัดสินใจบางอย่างในวันสุดท้ายของชีวิต
เพลงเพราะโดนใจ แถมยังร้องได้ซึ้งอีกต่างหาก
พ่อแม่/ลูก – นาโอกิ เด็กหนุ่มที่เกือบจะฆ่าตัวตายจากปัญหาครอบครัว เจอโชคชะตาเล่นกล เมื่อรู้ว่าเขากำลังจะตายในวันพรุ่ง เขาหัวเราะให้กับมัน ก่อนจะทำในสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าเก่า แม่ของเขากำลังหาเสียงเพื่อจะเป็น ส.ส. แถมยังเอาการตายของเขาเป็นส่วนหนึ่งในการหาเสียง
ชีวิตที่เลวร้ายของหนึ่งครอบครัว อุทธาหรณ์สะท้อนสังคมอุดมเงินของโลกปัจจุบัน
พี่ชายน้องสาว – อุบัติเหตุทางรถยนต์ในวัยเด็ก ส่งผมให้ ซากุระ น้องสาวตาบอด ซาโตรุ พี่ชายที่ส่งเสียดูแลมาตลอด และหวังจะให้น้องสาวได้ผ่าตัดกระจกและมาอยู่ด้วยกัน ความหวังล่มสลาย เมื่อพี่ชายได้รับสาส์นสั่งตาย การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของชีวิต เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของความซึ้งใจ
เสียงหัวเราะที่ปนขมขื่น บทสุดท้ายที่ทำให้แม้แต่ผู้ส่งสารก็ต้องหลั่งน้ำตาออกมา
เป็นหนังที่ตั้งคำถามถึง “คุณค่าของการมีชีวิต” อย่างอ้อมๆ แต่เหมือนตบหน้าคนดูทั้งหลายอย่างแรง ให้กลับมามองถึงการดำรงชีวิตของตน โดยไม่ต้องมีตัวละครใดเอ่ยถามออกมาตรงๆ
อย่ากลัวที่จะดูหนังเครียด โดยบ่นว่าไม่ชอบ อย่าเบื่อที่จะร้องไห้ในโรง ในเมื่อคุณยังมีอารมณ์ความรู้สึก อย่าบอกว่าดูหนังตลกดีกว่า ในเมื่อชีวิตจริงมันไม่ตลก
ปลดปล่อยอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดไปกับมัน มันเป็นหนังที่น่าดูเรื่องหนึ่งเลยล่ะ…
ชื่อภาพยนตร์: イキガミ / Ikigami / อิคิงามิ สาส์นสั่งตาย
ผู้กำกับภาพยนตร์: Tomoyuki Takimoto
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Tomoyuki Takimoto, Akimitsu Sasaki, Hiroyuki Yatsu
นักแสดง: Shôta Matsuda, Takashi Tsukamoto, Riko Narumi, Takayuki Yamada
ดนตรีประกอบ:
แนว/ประเภท: Drama
ความยาว: 133 นาที
ปี: 2008
ประเทศ: ญี่ปุ่น
อัตราส่วนภาพ: 1.85 : 1
เรท: ไทย/-, USA/-
วันเข้าฉายในประเทศไทย:
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Chubu-nippon Broadcasting Company (CBC), IMJ Entertainment, Mainichi Broadcasting System (MBS)
เพิ่งรู้ว่าทำเป็นหนังด้วย แต่ก็ไม่พลาดแน่นอนครับ
ผมอ่านในการ์ตูนแล้วชอบมากๆเลยเรื่องนี้ พล็อตเรื่องน่าสนใจมาก
แต่ละตอนจะแสดงถึงความเป็นมนุษย์ในแง่มุมต่างๆ
รวมถึงตัวคนส่งสาส์นเองด้วย
น่าสนใจดีครับผมแล้วจะติดตามชม
เบื่อหนังญี่ปุ่น จืดๆข่มๆ ^___^
อยากดู…
น่าดูอีกเรื่องนึงเลยครับ
อ่านการ์ตูนแล้วเลยไม่คิดจะไปดู ชอบอ่านการ์ตูนมากกว่าดูหนัง ^^;
ไม่ได้ตามหนังที่ฉายในลิโด้เลยค่ะ
เรื่องนี้อ่านที่เล่ามาแล้ว ดูหดหู่จัง ช่วงนี้คงขอผ่านก่อนค่ะ -_-”
ว่าแต่มาส่งการ์ดบล็อก สวัสดีปีใหม่ค่ะ
http://www.ilookatthesky.com/?p=258
ดูแล้วน้ำตาแทบทะลัก
ยิ่งถ้าอ่านการ์ตูนแล้วมาดู
จะรับรู้ได้เลยว่าหนังเจ๋งมาก
เป็นหนังที่ถอดมาจากการ์ตูนไ้ด้ดี ส่งเสริมกันน่ะ
ไม่ทำให้รู้สึกแบ่งแยกว่านี่จากการ์ตูนนะ นี่จากหนัง
อะไรที่เราเคยไม่เข้าใจ จุดที่เราเคยสงสัยในการ์ตูน
มันมาคลี่คลายได้ด้วยอารมณ์จากภาพในหนังนี่แหละ
(เป็นอีกเรื่องที่ดองอยู่ ว่าจะเขียนขึ้นบล็อกเหมือนกัน 555)
ป.ล.
เราร้องไห้แทบจะตลอดเรื่องเลย
ไม่สะอึกสะอื้นนะ
ร้องไห้แบบ น้ำตาไหลไปเรื่อยๆ น่ะ
จะได้ฤกษ์ไปดุเมื่อไหร่หนอเรา…เป็นคนเชิญชวนลุงให้ไปดูแท้ๆ ฮี่ๆ
เนื้อเรื่องคิดแปลกดีแฮ่ะ
เดี๋ยวไปดูกัน
ผมว่า มันก็แปลกดี
:)