รอกันอีกไม่นาน คอหนังชาวไทยก็จะได้รับชม อดัม ไดรเวอร์, เพเนโลเป ครูซ และ เชลีน วูดลีย์ เล่นร่วมกันในหนังที่ดัดแปลงจากชีวิตจริงสุดทรหดของชายผู้ให้กำเนิดตำนานม้าลำพอง เอนโซ เฟอร์รารี ที่ชื่อไทยว่า ‘สปีดทวงบัลลังก์’ กันแล้ว วันนี้ เราจึงขอหยิบเอาเกร็ดหนังเรื่องนี้มาบอกเล่าสู่กันฟังนิดหน่อย
ก่อนอื่น ต้องบอกกันก่อนว่า หนังเรื่องนี้ ‘Ferrari’ เป็นผลงานในปี 2023 ของผู้กำกับระดับออสการ์ ไมเคิล มานน์ ผู้มีเครดิตจาก ‘Heat’ และ ‘The Last of The Mohicans’ ผ่านฝีมือการเขียนบทของ ทรอย เคนเนดี มาร์ติน (‘The Italion Job’ และ ‘Red Heat’) กับหนังที่เล่าเรื่องของชายผู้เอาทั้งชีวิตแลกแพสชั่น
เกร็ดหนัง สปีดทวงบัลลังก์ ที่คุณต้องรู้
เชื่อว่าคนไทยหลายคนกำลังรอคอยที่จะได้รับชมสุดยอดภาพยนตร์เรื่องนี้ N8 และ Out of The Box by GDH หนังที่ อดัม ไดรเวอร์ รับบทเป็น เอ็นโซ เฟอร์รารี กันแน่นอน แต่กว่าจะไปถึงวันนั้น ขอเชิญทุกคนพบกับเกร็ดของหนังเรื่องนี้กันก่อนครับ
source: GDH
- อดัม ไดรเวอร์ ใช้เวลาแปลงโฉมเป็นเฟอร์รารี ด้วยการแต่งหน้าทำผมวันละสองชั่วโมงทุกวัน เพื่อรับบทเป็นเฟอร์รารีวัย 59 ปีในเรื่อง
- ไมเคิล มานน์ ต้องการให้ภาพยนตร์มอบกลิ่นอายเหมือนภาพวาดของคาราวัจโจ ที่แสงจะมาจากแหล่งกำเนิดหนึ่ง แต่ไม่ได้สาดเน้นไปยังจุดที่นักแสดงอยู่ในเฟรมเหมือนละครเวที มานน์ต้องการนำเสนอโลกทั้งสองใบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ด้านหนึ่งคือโลกอบอุ่น เรียบง่าย ชีวิตส่วนตัวของเขากับลอร่าและลีน่า ซึ่งแตกต่างจากอีกด้านที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดุดันของโลกวงการแข่งรถ ทั้งหมดถ่ายทอดผ่านการใช้ภาพ, สี, และแสง
- เพื่อถ่ายมอบประสบการณ์การแข่งขันสุดสมจริงให้ผู้ชม มานน์และทีมงานเลือกใช้กล้องขนาดเล็กกะทัดรัดอย่างโซนี่ VENICE CineAlta, RED KOMODO และ RED MONSTRO ซึ่งสามารถติดตั้งและบันทึกภาพได้จากมุมมองภายในตัวและรอบคัน ซึ่งกล้องขนาดปกติไม่มีทางทำได้
- เพื่อให้ถ่ายทอดบทบาทออกมาได้สมจริง ไดรเวอร์และมานน์ ปรึกษากับ ปีเอโร เฟอร์รารี ลูกชายของเอนโซและ ลีน่า ลาร์ดี ซึ่งตอนนี้ดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัท Ferrari ปิเอโรทำงานกับพ่อของเขาช่วงปลายยุค 60 ร่วมสร้างพัฒนาทีมฟอร์มูลาวัน เช่นเดียวกับที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาสายงานผลิตให้กับโรงงาน เมื่อเอนโซ เฟอร์รารีเสียชีวิตเมื่อปี 1988 ปิเอโรได้รับมรดกเป็นหุ้นของพ่อเขา ปิเอโรดำรงตำแหน่งประธานบริษัท Ferrrari จนถึงปี 2015
- ฉากรถพุ่งชนฝูงชนในจุดไคลแม็กซ์ของเรื่อง ได้รับการศึกษาวิจัยและถ่ายทอดออกมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยมีการอ้างอิงเหตุการณ์จริงจากการแข่งขัน Mille Miglia ปี 1957 ที่นำมาซึ่งความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง จนเป็นหนึ่งในเหตุให้รายการแข่งขันนี้ต้องเลิกจัด ทีมงานเทคนิคพิเศษทุ่มเทสุดฝีมือเพื่อฉากนี้
- โทนี แลมเบอร์ติ นักออกแบบเสียงเคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการค้นหาและรวบรวมรถวินเทจของจริงที่ปรากฏในเรื่องมาบันทึกเสียงเครื่องยนต์ เพื่อมอบความสมจริงให้หนังมากที่สุด
- มานน์นำบทเพลง ‘Sacrifice’ ของลิซ่า เจอร์ราร์ด และปีเตอร์ เบิร์ก ที่เคยใช้มาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง ‘The Inside’ ผลงานที่คว้าออสการ์ให้เขา มาใช้ซ้ำอีกครั้ง เพราะเห็นว่าเพลงนี้ถ่ายทอดอารมณ์ความสูญเสียและความโศกเศร้าได้ไร้ที่ติ
- ระหว่างการเตรียมถ่ายทำ มานน์พาครูซไปเยี่ยมอะพาร์ตเมนต์ของเอนโซและลอร่า เข้าไปถึงห้องนอนของลอร่า ซึ่งตัวผู้กำกับเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน พวกเขาต้องอึ้งเมื่อได้เห็นผ้าไหมปักลายประดับทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นกำแพงหรือผ้าม่าน ทีมออกแบบงานสร้างของ FERRARI จำลองห้องนี้ออกมาทุกกระเบียดนิ้ว มันคือห้องที่ลอร่าแทบไม่ออกมาเลยตลอดช่วงหนึ่งปีครึ่ง ซึ่งห้องนี้สะท้อนสภาพจิตใจของเธอในช่วงเวลานั้นออกมา
- ไมเคิล มานน์ และ แพทริก เดมป์ซีย์ (รับบท ปิเอโร ตารุฟฟี นักแข่งจอมเก๋าของทีมเฟอร์รารี) เป็นนักแข่งรถในชีวิตจริง โดยรายหลังมีประสบการณ์แข่งขันกว่า 20 ปี เคยลงแข่งรายการ Baja 1000 ในเม็กซิโก, 1,000 Miles of Sebring, Daytona 500, และรายการแข่งรถสุดทรทดตลอด 24 ชั่วโมงอย่าง Le Mans มาแล้ว
เป็นยังไงกันบ้างครับ หลังจากอ่านเกร็ดหนังเรื่องนี้แล้ว แพสชั่นความอยากดูหนังเรื่องเพิ่มขึ้นมามากเลยทีเดียวใช่มั้ยล่ะครับ ข่าวดีสำหรับคนไทยก็คือ หนังเรื่องนี้เตรียมจะเข้าฉายในโรงหนังบ้านเราในวันที่ 30 พฤษภาคม 2024 นี้แล้วครับ อย่าลืมไปดูในโรงภาพยนตร์ด้วยกัน
