รีวิวหนัง Crimson Peak ปราสาทสีเลือด | หลอนโรแมนติกเลิศหรูอลังการ

เป็นอีกสัปดาห์ที่เข้าโรงหนังสามวันติด ต้องถือว่าสัปดาห์นี้ได้ดูแต่หนังที่ไม่ทำให้ผิดหวัง หลังจากผ่านตาไปกับหนังหมาล่าคน ต่อด้วยเด็กแร็ปชื่อก้อง วันนี้ ขอเปลี่ยนมาดูหนังสยองขวัญสไตล์แฟนตาซีกันบ้าง โดยเฉพาะมันเป็นหนังที่กำกับโดย Guillermo del Toro/กิลเลอร์โม่ เดล โทโร่ (จาก ‘Hellboy’, ‘Pacific Rim’) มันย่อมไม่ธรรมดา ดูจากหนังตัวอย่างแล้วก็ต้องยอมรับว่าค่อนข้างคาดหวังเอาไว้มากพอดู

รอคอยมานานร่วมปี ได้เวลาพบกันเสียที กับเรื่องราวสยองขวัญโรแมนติกในปราสาทหลังสวยแต่หลอนอย่าง ‘Crimson Peak ปราสาทสีเลือด’ ที่ได้ดารามีชื่อมาร่วมงานอยู่หลายคน

แล้วฉับพลันก็ได้พบกับปราสาทสีแดงฉานนั้นทันใด

เรื่องย่อหนัง ‘Crimson Peak’

เหตุการณ์มันเริ่มขึ้นตรงที่สาวน้อยกำพร้าแม่ชาวอเมริกัน อิดิธ คุชชิ่ง (Mia Wasikowska จาก Alice in Wonderland, Stoker, Only Lovers Left Alive และ Lawless) ผู้รักในการเขียนนิยายแนวผีๆ เธอเกิดไปตกหลุมรักชายหนุ่มรูปงามจากอังกฤษ โธมัส ชาร์ป (Tom Hiddleston จาก Thor, Thor: The Dark World และ Only Lovers Left Alive) ที่เข้ามาเสนองานในบริษัทของคุณพ่อ เขาคือคนที่เข้ามาทำให้ใจเธอหวั่นไหวแม้เพียงพบพานไม่กี่วัน ทุกอย่างดูรวดเร็วจนพ่อเธอรับไม่ทัน

ถึงกับยัดเงินก้อนหนึ่งให้กับเขาเพื่อตัดสัมพันธ์กับเธอ แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า พ่อของเธอกลับจากไปอย่างกะทันหัน และต่อมาไม่นาน เธอกลับกลายเป็นภรรยาที่เดินทางไปยังปราสาทหลังใหญ่กลางทุ่งกว้าง ที่นั่นมีพี่สาวของสามี ลูซิลล์ ชาร์ป (Jessica Chastain จาก Interstellar, The Martian และ Zero Dark Thirty) ร่วมชายคา

ปราสาทที่แสนเก่าคร่ำคร่า แม้จะสวยสง่า ทว่าก็แฝงความลึกลับน่ากลัวอยู่ในที

เมื่อเธอได้เข้าอยู่ที่นั่น มีแต่ความน่าสงสัยให้เธอได้ฉงน พื้นที่บางส่วนถูกห้ามเข้าไปเยือน อาคารที่เก่าเกินจะอยู่อาศัย ดินแดงที่เตรียมจะจมปราสาทแต่สองศรีพี่น้องยังคงเลือกจะเก็บไว้ ไหนจะเหตุการณ์แปลกประหลาดชวนหลอนของเหล่าผีที่ปรากฏให้เห็น

อะไรกันแน่ที่รอคอยเธออยู่ในปราสาททรายแดงแห่งนี้!

การเสียชีวิตที่ยังเป็นปริศนาของผู้เป็นพ่อ กับปราสาทหลังใหญ่ที่แสนเก่าใกล้พัง นิยายผีของเธอที่ถูกสบประมาท มีเพียงเขาที่ชื่นชม อะไรคือสิ่งแท้ อะไรคือสิ่งลวง เธอจะแก้ปมพวกนั้นได้สำเร็จก่อนที่ชีวิตเธอจะถูกสังเวยเสียเองหรือไม่ โปรดติดตาม…

รีวิวหนัง ‘Crimson Peak’

อิดิธ ดูเป็นนักเขียนสาวที่ดูสวยโลกใสอยู่ไม่น้อย หน้าหวานๆ ของ Mia Wasikowska เธอเหมือนยังอ่อนต่อโลกอยู่มิใช่น้อย สิ่งที่ตะขิดตะขวงในใจของผมคงเป็นเรื่องที่หลังพ่อของเธอตาย เธอกลับเลือกที่จะแต่งงานไปอยู่กินกับสามีไกลถึงอีกฝั่งทวีป อาจเพราะเธอหมดหนทางให้เลือกแล้วก็เป็นได้ ซึ่งในความเป็นจริง เธอเองก็น่าจะเลือกอยู่ที่อเมริกาต่อ เพราะมรดกที่น่าจะมีมากพอ แต่ความรักมันอาจบังตา จึงทำให้เธอตัดสินใจไปเช่นนั้น

โปรดักชั่นสุดวิจิตรอลังการตระการตา

เพียงแวบแรกก็รู้สึกได้แล้วว่านี่คืองานในแบบ Guillermo del Toro พิถีพิถันละเอียดละออ ปราสาทหลังโตแต่มีรายละเอียดมากมายที่ชวนน่ากลัว อาจไม่มืดหม่นอนธการเหมือนอย่างทิม เบอร์ตัน แต่การจัดวางที่ทำให้รู้ว่าปราสาทในยุคโกธิคแบบนี้มีความลับเคลือบแคลงแฝงอยู่

การออกแบบฉากปราสาทถือได้เป็นจุดเด่นจุดแรกของเรื่องนี้เลย ตั้งแต่ภายนอก ทางเข้าปราสาทสีแดงอาจจะดูลวกๆ หน่อย แต่พอเข้ามาในตัวปราสาทแล้ว นี่มันช่างสุดยอดนัก เมื่อทุกส่วนของมันกลายเป็นฉากหลอนได้ทั้งหมด ถูกคุมโทนมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะลิฟต์ ไม่ว่าจะโถงกลาง ไม่ว่าจะห้องใต้ดิน

แม้แต่การจัดวางแสงก็ทำได้ดีอย่างไม่มีที่ติ

หลายคนที่ไปดูแล้วคงจะชื่นชมในงานด้านคอสตูมดีไซน์ โดยเฉพาะชุดเสื้อผ้าของนางเอกนี่นับว่าวิจิตรมาก ไม่ว่าเธอจะเพิ่งตื่นนอน หรือออกไปไหน เธอจะอยู่ในชุดที่สวยตลอด อันนี้ก็คงอดไมได้ที่จะยกยอฝ่ายออกแบบเสื้อผ้าว่าเขาทำมาดีจริงๆ

แต่เรื่องราวกลับไม่ชวนหลอนสักเท่าไหร่

โปรยหัวมาเหมือนว่า หนังเรื่องนี้จะเป็นหนังสยองขวัญสั่นประสาทที่มีฉากหลังเป็นปราสาทน่าสั่นสะพรึง เหตุการณ์ช่วงแรกนั้นยังไม่มีอะไรมากนอกจากเล่าปูเรื่องที่มาที่ไปของการย้ายเข้าไปอยู่ในปราสาทที่แสนทะมึน ทุกจุดในอาคารดูไม่น่าไว้วางใจ

จนในที่สุด อิดิธก็เริ่มจะได้ยินเสียงประหลาด แต่ความที่เธอไม่เกรงกลัวอะไรมากนัก เธอจึงเดินดุ่มเข้าไปหามัน และได้เห็นเหล่าผีที่คอยทะยอยออกมาสร้างอารมณ์หลอนให้กับเธอและผู้ชม

แต่ดูเหมือน ‘ปราสาทสีเลือด’ จะไม่ได้หลอนมากมายอย่างที่ตัวอย่างสร้างความคาดหวังเอาไว้

เมื่อเวลาผ่านไปๆ เหล่าผีทั้งหลายดูจะไร้ความหลอนน่ากลัวไปจนเกือบหมด จนเริ่มรู้สึกแล้วว่านี่ไม่ได้เป็นหนังสยองขวัญเต็มตัว หากฉาบทาสีแดงฉานไว้เป็นเปลือกนอก ภายในนั้นกลับเป็นหนังที่เจือความโรแมนติกดราม่าของความลึกลับดำมืดที่นางเอกจะต้องสืบค้นหา

เรื่องราวหลังจากนั้น จึงเหมือนจะแปรเปลี่ยนเป็นหนังสไตล์นักสืบเรื่องลับเสียมากกว่า

พล็อตไม่ได้แปลกใหม่ แต่โปรดักชั่น/คอสตูมโอบอุ้มเอาไว้

มันคือหนังที่ผสานเอาทุกหมวดหมู่เข้าไว้ในเรื่องเดียวกัน ตัวอย่างอาจบอกว่าเป็นหนังสยองขวัญผสานแฟนตาซี แต่เมื่อได้ดูหนังเต็มแล้วก็จะพบว่ามีทั้งความโรแมนติก ดราม่า ลึกลับ และระทึกขวัญปะปนเข้ามาอยู่ เรื่องราวของ ‘Crimson Peak’ ไม่ได้แปลกใหม่อะไรนัก หลายคนอาจจะเดาออกตั้งแต่เริ่มต้นแล้วก็ได้

แต่สำหรับใครที่ได้คาดหวังจะเดาตอนจบ น่าจะเพลินกับหนังไปได้

Mia Wasikowska สวยสมเป็นนางเอกของเรื่องที่ภายใต้ความใสดูอ่อนต่อโลกแต่ข้างในก็กลับเข้มแข็งขึ้นมาได้ ขณะที่ Jessica Chastain เสียอีกที่แม้จะสวยสง่าชวนให้มอง แต่บทบาทของเธอกลับไม่ได้ชวนให้รู้สึกถึงแรงขับข้างใน Tom Hiddleston เสียอีกที่สลัดลุคของโลกิเจ้าชายผู้มีปมในหนังซูเปอร์ฮีโร่มาเป็นเพียงทายาทชั้นสูงที่กำลังตกต่ำได้อย่างน่าเชื่อถือ

โดยรวม ‘ปราสาทสีเลือด’ จึงเป็นหนังแฟนตาซีสยองขวัญที่โดดเด่นด้านโปรดักชั่นและคอสตูมดีไซน์ นักแสดงทำหน้าที่ได้ดีพอประมาณ แต่เรื่องราวกลับไม่หลอนมากอย่างที่คาดหวัง และเน้นหนักไปที่การสืบสาวราวเรื่องเสียมากกว่า

หากคุณเป็นแฟนของ Guillermo del Toro นี่ต้องเป็นอีกเรื่องที่ต้องไปดูในโรง

ชื่อภาพยนตร์: Crimson Peak / ปราสาทสีเลือด
ผู้กำกับภาพยนตร์: Guillermo del Toro
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Guillermo del Toro, Matthew Robbins
นักแสดงนำ: Mia Wasikowska, Jessica Chastain, Tom Hiddleston, Charlie Hunnam, Jim Beaver, Burn Gorman
ความยาว: 119 นาที
แนว/ประเภท: Drama, Fantasy, Horror, Mystery, Romance, Thriller
อัตราส่วนภาพ: 1.85 : 1
เรท: ไทย/, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 8 ตุลาคม 2558
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Legendary Pictures