รวม 10 หนังมิวสิคัล สุดยอดเยี่ยม ไม่ควรพลาดชม!

มีอยู่หลายเรื่องเลยทีเดียวที่น่าจะเคยผ่านตาคนไทย มีเรื่องไหนบ้าง มาดู!

เมื่อเอ่ยถึง หนังมิวสิคัล ผู้คนก็จะนึกถึงลักษณะพิเศษของมันที่แตกต่างจากหนังแนวอื่นๆ ด้วยความที่จะดำเนินเรื่องด้วยเสียงเพลงที่ตัวละครจะร้องเพื่อเล่าเรื่องราวและความรู้สึก ซึ่งบ้างก็สลับด้วยบทสนทนา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นส่วนหนึ่งด้วยหรือเปล่า ที่ทำให้ความนิยมของหนังแนวนี้ในบ้านเราค่อนข้างเบาบางกว่าหนังแนวอื่นๆ

จนบางที ก็ทำให้รู้สึกว่า มันกลายเป็นหนังเฉพาะกลุ่มไปสำหรับคนไทยไปแล้ว เมื่อหนังแนวนี้เข้ามาฉายในบ้านเรา ก็ให้รู้สึกว่า ขายยาก ไม่ค่อยมีคนพูดถึง คิดว่าคนไทยคงไม่ค่อยนิยมเสพหนังแนวนี้กันสักเท่าไหร่ ต่อให้มีคนที่รักหนังมิวสิคัลพยายามจะขายแล้วขายอีก ก็ยังไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก บทความนี้ จะหยิบเอา 10 หนังมิวสิคัลที่หลายคนชื่นชอบ ชื่นชม และอาจถึงขั้นแนะนำ ก็หวังว่ามันจะพอช่วยเป็นส่วนหนึ่งให้หลายคนได้ลองหันมาเปิดดูกันบ้าง ไม่มากก็น้อยแหละน่า…

ว่าแต่มีเรื่องอะไรบ้างนะ ตามมาเลยค้าบบบ!

Les Miserables | เล มิเซราบล์ (2012)

ถ้าให้โหวตกันว่า หนังแนวมิวสิคัลเรื่องไหนที่ประทับอยู่ในดวงใจ หนึ่งในนั้นคงต้องมีเรื่องนี้ ‘Les Miserables’ ผลงานจากปลายปากกาของนักประพันธ์ชาวฝรั่งเศส Victor Hugo ที่หยิบเหตุการณ์ในฝรั่งเศสช่วงที่เกิดเหตุโกลาหลมากที่สุดในประวัติศาสตร์มาร้อยเรียง เล่าเรื่องของความไม่เท่าเทียมทางชนชั้น ความยากแค้นของชนชั้นล่างที่เอื้อให้ชนชั้นสูงได้อยู่อย่างสุขสบาย นำไปสู่สงครามกลางเมืองและการปฏิวัติ หนังที่ทำให้ได้ทั้งข้อคิดและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสไปพร้อมๆ กัน

Amanda Seyfried และ Eddie Redmayne ในหนัง ‘Les Misérables’ (2012)
credit: IMDb

ลักษณะของภาพยนตร์มิวสิคัลเรื่องนี้จะเป็นแบบ Sung-Through Musical ที่บางส่วนเป็นบทพูด โดยนักแสดงต่างร้องสดทั้งหมด ทำให้ฟีลโดยรวมหนังออกมาโคตรดี แถมหนังที่เกลี่ยให้ทุกตัวละครต่างมีความเด่นและสำคัญเท่าเทียมกัน บางช่วงเวลาพาเศร้าซึมจนต้องน้ำตาไหลตาม หนังเวอร์ชันนี้กำกับโดย Tom Hooper และได้รับ 3 รางวัลออสการ์ด้วยกัน

กำกับภาพยนตร์: Tom Hooper
เขียนบท: William Nicholson, Alain Boublil, Claude-Michel Schönberg, Herbert Kretzmer
แสดงนำ: Hugh Jackman, Russell Crowe, Anne Hathaway, Amanda Seyfried, Sacha Baron Cohen, Helena Bonham Carter, Eddie Redmayne
รางวัลที่ได้รับ: 3 Oscars [Best Performance by an Actress in a Supporting Role, Best Achievement in Makeup and Hairstyling, Best Achievement in Sound Mixing], 4 BAFTAs, 3 Golden Globes
คะแนน: IMDb 7.5/10, Metascore 63, RottenTomatoes 69%


La La Land – นครดารา (2016)

หากเป็นหนังมิวสิคัลในยุคนี้ คงไม่พลาดที่จะพูดถึง ‘La La Land นครดารา’ ไปได้ เรื่องราวของมีอาผู้หลงใหลในการแสดง เธอพากเพียรคัดตัวแต่ก็ไม่เคยผ่าน แถมเธอยังมีบทละครที่แอบเขียนเอาไว้เอง ก่อนจะได้ไปต้องมนต์เข้ากับเสียงเปียโนของเซบาสเตียนในบาร์แห่งหนึ่ง เซบคือชายผู้ที่เชื่อในการเล่นเปียโนแจ๊สแบบดั้งเดิมจึงไม่เคยไปไหนได้ไกล จากนั้น ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นแรงผลักดันซึ่งกันเพื่อจะมุ่งไปสู่ยังจุดที่ใฝ่ฝัน

ภาพจากหนัง ‘La La Land’ (2016)
credit: IMDb

ด้วยบทเพลงที่ผสมผสานเพลงแจ๊สบิ๊กแบนด์เข้ากับการร้องและเต้นในแบบมิวสิคัล ที่เต็มไปด้วยบทเพลงอันไพเราะติดหู พร้อมทั้งยังผสมผสานความใหม่เก่าอยู่ในยุคสมัยเดียวกัน สีสันที่ฉูดฉาด เต็มไปด้วยแรงบันดาลจากหนังมิวสิคัลยุคก่อน เป็นใครก็คงอดหลงเสน่ห์หนังเรื่องไม่ได้หรอกนะ

กำกับภาพยนตร์: Damien Chazelle
เขียนบท: Damien Chazelle
แสดงนำ: Ryan Gosling, Emma Stone, Rosemarie DeWitt
รางวัลที่ได้รับ: 6 Oscars [Best Performance by an Actress in a Leading Role, Best Achievement in Directing, Best Achievement in Cinematography, Best Original Score, Best Original Song, Best Achievement in Production Design], 5 BAFTAs, 7 Golden Globes
คะแนน: IMDb 8.0/10, Metascore 94, RottenTomatoes 91%


Dreamgirls | ดรีมเกิร์ลส (2006)

ผลงานการเขียนบทของ Bill Condon ที่เล่าเรื่องราวของ เอฟฟี่ ดีน่า และ ลอเรล สามสาวเพื่อนสนิทผิวสีที่มีความใฝ่ฝันในสิ่งเดียวกัน นั่นคือการเป็นนักร้อง หลังได้รับเชื้อชวนจากเคอร์ติส เทย์เลอร์ จูเนียร์ อดีตเซลส์แมนขายรถที่มีฝันยิ่งใหญ่ พวกเธอก็กลายเป็นนักร้องทรีโอที่มีชื่อเสียงโด่งดังในชั่วข้ามคืน ก่อนที่จะเกิดความระหองระแหงขึ้นภายในเมื่อหนึ่งในสมาชิกถูกโปรโมตเป็นนักร้องนำและอีกคนต้องกลายไปเป็นนักร้องแบ็คอัพ

ภาพจากหนัง ‘Dreamgirls’ (2006)
credit: Amblin

เรื่องราวในหนังเล่าถึงเหล่าหญิงสาวที่มีเสียงเพลงเป็นแรงบันดาลใจและผูกพันกับมัน ขณะที่อีกด้าน ก็เล่าถึงเคอร์ติดผู้ที่มองเห็นพวกเธอเป็นเพียงสินค้าและใช้เพียงเพื่อหาประโยชน์ มันคือภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของวงทรีโอที่ร้องเพลงแจ๊สและอาร์แอนด์บี หนังเรื่องนี้จึงเต็มไปด้วยเพลงร้องประสานมากมาย ซึ่งเหมาะสมแล้วที่เลือกแคสต์ให้นักแสดงนำเป็นนักร้องมารับบทบาทนี้

กำกับภาพยนตร์: Bill Condon
เขียนบท: Bill Condon
แสดงนำ: Beyoncé, Jamie Foxx, Eddie Murphy, Danny Glover, Jennifer Hudson, Anika Noni Rose
รางวัลที่ได้รับ: 2 Oscars [Best Performance by an Actress in a Supporting Role, Best Achievement in Sound Mixing], 1 BAFTA, 3 Golden Globes
คะแนน: IMDb 6.6/10, Metascore 76, RottenTomatoes 79%


Chicago | ชิคาโก (2002)

มาถึงภาพยนตร์อีกเรื่องที่ก็เป็นผลงานการเขียนบทของ Bill Condon เช่นกัน ครั้งนี้เป็นหนังมิวสิคัลที่เล่นประเด็นจิกกัดสังคม เล่าเรื่องของร็อกซี่ หญิงสาวที่แค้นและพลั้งมือฆ่าชู้รักจนถูกจับขังคุกหญิง ซึ่งที่คุกแห่งนั้น ก็คุมขังเวลม่านักร้องไอดอลสาวของเธออยู่เช่นกัน แต่เวลม่ากลายเป็นดาวดังที่ต้องการเขี่ยเธอให้พ้นทาง ร็อกซี่ได้รับการแนะนำจากพัสดีหญิงให้จ้างวานทนายมือดีอย่างบิลลี่ผู้ที่ทำให้เธอกลายเป็นคนโด่งดัง จนกลัวว่าเมื่อมีนักโทษหน้าใหม่เข้ามาเธอจะต้องตกกระป๋อง ถึงขั้นต้องโกหกสื่อว่าเธอกำลังตั้งท้อง ร็อกซี่กำลังหลงใหลในความเด่นดัง จนหลงลืมไป

Catherine Zeta-Jones ในหนัง ‘Chicago’ (2002)
credit: IMDb

เป็นหนังมิวสิคัลที่เล่นประเด็นของสื่อมวลชนอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งยังเล่าถึงความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ แถมยังบอกว่า ผู้คนสนใจข่าวอาชญากรรมมากกว่า คล้ายมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เสพติดความรุนแรง หนังใช้วิธีตัดไปมาระหว่างฉากบนเวทีกับเหตุการณ์จริง และใช้เพลงแจ๊สที่แฝงความมืดหม่นได้ดี หนังเรื่องนี้ได้รางวัลออสการ์ไปถึง 6 ตัวด้วยกัน

กำกับภาพยนตร์: Rob Marshall
เขียนบท: Bill Condon
แสดงนำ: Renée Zellweger, Catherine Zeta-Jones, Richard Gere
รางวัลที่ได้รับ: 6 Oscars [Best Picture, Best Actress in a Supporting Role, Best Art Direction-Set Decoration, Best Costume Design, Best Film Editing, Best Sound], 2 BAFTAs, 3 Golden Globes
คะแนน: IMDb 7.2/10, Metascore 81, RottenTomatoes 86%


The Sound of Music | มนต์รักเพลงสวรรค์ (1965)

มาถึง หนังมิวสิคัล ระดับตำนานที่ผู้คนจดจำ ไปที่ไหนก็ต้องมีคนเอ่ยถึง ‘The Sound of Music’ เป็นหนังในปี 1965 ที่ต้นกำเนิดนั้นมาจากความทรงจำของ Maria von Trapp ที่เขียนไว้ในหนังสือ ‘The Story of the Trapp Family Singers’ ก่อนถูกดัดแปลงเป็นบทละครเวทีในเวลาต่อมา และในที่สุดก็กลายเป็นหนังมิวสิคัลที่ดัดแปลงบทโดย Ernest Lehman เล่าเรื่องราวของ มาเรีย แม่ชีที่โชคชะตาพลิกผันกลายเป็นพี่เลี้ยงของเด็ก 7 คนให้กับครอบครัวออสเตรียผู้ร่ำรวย เธอนำเสียงเพลงกลับคืนสู่บ้าน von Trapp อีกครั้ง เธอรักกับพ่อของเด็กๆ ในขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังคืบคลานเข้ามา

ภาพจำจากหนังระดับตำนาน ‘The Sound of Music’
credit: IMDb

บทหนังมีการเปลี่ยนแปลงบทละครเวทีไปบางส่วน เช่นตัดไป 2 เพลง ทั้งเรียงลำดับเพลงเสียใหม่ ภาพของมาเรียที่ร้องและเต้นอย่างสดใสบนยอดเขา หรือภาพที่เธอสอนร้องเพลงให้กับเด็กๆ กลายเป็นภาพจำของหนังเรื่องนี้ แม้หน้าหนังจะดูสดใสแต่ก็บอกเล่าโลกของสงคราม ได้เข้าชิง 10 ออสการ์แต่ก็ได้มาเพียง 5 รางวัล

กำกับภาพยนตร์: Robert Wise
เขียนบท: Ernest Lehman
แสดงนำ: Julie Andrews, Christopher Plummer, Eleanor Parker, Richard Haydn, Peggy Wood
รางวัลที่ได้รับ: 5 Oscars [Best Picture, Best Director, Best Sound, Best Film Editing, Best Music], 2 Golden Globes
คะแนน: IMDb 8.1/10, Metascore 63, RottenTomatoes 83%


Hairspray | โอ๊ะโอ๋! คนจะดัง…ขวางไม่อยู่ (2007)

ดัั้งเดิมมันเคยเป็นหนังที่ไม่ได้ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่นัก ก่อนจะกลายมาเป็นละครบรอดเวย์และโด่งดังเอามากๆ จนในที่สุด ‘Hairspray’ ก็กลายเป็นหนังอีกครั้งโดยผู้กำกับ Adam Shankman ที่หยิบมาปัดฝุ่นและเพิ่มสีสันเข้าไปกลายเป็นหนังเพลงที่ได้ผลตอบรับเหลือเชื่อ หนังเล่าเรื่องของช่วง 1960s ที่เป็นยุคแห่งสีสันเสื้อผ้าหน้าผม เทรซี่ สาวน้อยซูเปอร์ไซซ์ผู้รักการเต้นที่หวังจะได้มีโอกาสโลดแล่นผ่านในรายการดังอย่าง Corny Collins Show และได้ใกล้ชิดกับหนุ่มในฝัน จนวันที่เธอได้เข้าไปร่วมรายการจริงๆ และโด่งดังเป็นพลุแตก

ภาพจากหนัง ‘Hairspray’
credit: letterboxd

จัดว่าเป็นหนังแนวมิวสิคัลคอมิดี้ที่ไม่ได้มีแต่ความตลก หากยังใส่แง่มุมด้านการแบ่งแยกเชื้อชาติ ที่รวมเอาเรื่องการกีดกั้นทางชนชั้นและการเหยียดผิวเข้าไป แถมยังเล่าไปถึงอิทธิพลของสื่ออีกด้วย

กำกับภาพยนตร์: Adam Shankman
เขียนบท: Leslie Dixon, John Waters, Mark O’Donnell, Thomas Meehan
แสดงนำ: Nikki Blonsky, John Travolta, Zac Efron, Queen Latifah, Michelle Pfeiffer
คะแนน: IMDb 6.7/10, Metascore 81, RottenTomatoes 92%


Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street | สวีนนี่ย์ ทอดด์ บาร์เบอร์หฤโหดแห่งฟลีทสตรีท (2007)

มาถึง ‘Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street’ จากผลงานของ ทิม เบอร์ตัน ชายผู้สร้างผลงานที่มีสไตล์เฉพาะตัวกันบ้าง ลายเซ็นที่ผสมความมืดหม่นและโหดที่ผ่านมาจากงานอย่าง ‘Corpse Bride’ และ ‘Sleepy Hollow’ หยิบเอาละครเพลงมาบอกเล่าอีกครั้งผ่านการเขียนบทของ John Logan โดยให้ Johnny Depp มารับบทนำในหนังของเขาอีกครั้ง เรื่องราวของ สวีนนี่ ท็อดด์ ช่างตัดผมที่ถูกพรากลูกพรากเมียและขังคุกอยู่นาน 15 ปี หลังถูกผู้พิพากษาเทอร์ปินกลั่นแกล้ง เขาจึงวางแผนแก้แค้นด้วยการใช้ห้องใต้หลังคาเป็นทั้งร้านตัดผมและเป็นห้องเชือด

ภาพจาก หนังมิวสิคัล เรื่อง ‘Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street’ (2007)
credit: Amblin

ความโดดเด่นของ ‘Sweeney Todd’ ไม่ใช่แค่มันเป็นหนังเพลง แต่มันเป็นมิวสิคัลที่เคล้าความดิบโหด การฆ่าแบบเลือดสาดและไม่ประนีประนอม สีของเลือดนี่ชัดเจนยิ่งกว่าสีใดๆ ในหนัง ทว่าสิ่งที่ทำให้ชื่นชอบอย่างแท้จริงคงเป็นแต่ละเพลงที่แสนไพเราะอย่างไม่น่าเชื่อ

กำกับภาพยนตร์: Tim Burton
เขียนบท: John Logan
แสดงนำ: Johnny Depp, Helena Bonham Carter, Alan Rickman, Timothy Spall, Sacha Baron Cohen, Jamie Campbell Bower
รางวัลที่ได้รับ: 1 Oscar [Best Achievement in Art Direction], 2 Golden Globes
คะแนน: IMDb 7.3/10, Metascore 83, RottenTomatoes 86%


Singin’ in the Rain (1952)

ในบรรดา หนังมิวสิคัล สุดคลาสสิกนั้น ๆ ไม่เคยมีผู้ใดหลงลืมหนังเรื่องนี้ไปได้ ‘Singin’ in the Rain’ ได้รับการยกย่องเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมตลอดกาล เล่าเรื่องราวของ ดอน ล็อกวูด นักแสดงหนังเงียบแถวหน้า กับคู่จิ้นอย่าง ลีน่า ลามอนท์ ที่ต้องพยายามปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เมื่อวงการเริ่มเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นหนังพูด แต่เพราะเสียงของลีน่าขึ้นจมูกจึงต้องให้ เคธี่ เซลเดน มาพากย์เป็นเสียงของเธอ นอกจากนี้ก็ยังเพื่อนสนิทของล็อกวูดอย่าง คอสโม บราวน์ คนที่แสดงเป็นตัวตลกคนที่มักจะโดดเด่นเกินหน้าเกินตาเวลาอยู่ในเฟรม

ภาพจากหนัง ‘Singin’ in the Rain’ (1952)
credit: TCM

น่าจะมีคนชอบฉากโรแมนติกของดอนกับเคทีกันเยอะทีเดียว ช่วงที่ดอนกระโดดขึ้นหลังคารถเพื่อหนีแฟนคลับจนได้มานั่งรถของเคที ‘Singin’ in the Rain’ เป็นอีกหนังที่เล่าเรื่องราวในยุคเปลี่ยนผ่านจากหนังเงียบเป็นหนังพูด ทั้งยังเป็นหนังฟีลกู้ดที่เรื่องราวดูไม่ซับซ้อนอะไร แต่มันก็เป็น หนังมิวสิคัล สุดคลาสิกเรื่องนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับหนังมิวสิคัลในยุคปัจจุบันอย่าง ‘La La Land’ นะครับ

กำกับภาพยนตร์: Stanley Donen, Gene Kelly
เขียนบท: Betty Comden, Adolph Green
แสดงนำ: Gene Kelly, Donald O’Connor, Debbie Reynolds
รางวัลที่ได้รับ: 1 Golden Globe
คะแนน: IMDb 8.3/10, Metascore 99, RottenTomatoes 100%


Moulin Rouge! | มูแลง รูจ (2001)

หนังเพลงอีกเรื่องที่เข้ามาฉายในเมืองไทยเมื่อหลายปีก่อน ‘Moulin Rouge!’ ภาพยนตร์เรื่องที่สามในชีวิตของ Baz Luhrmann และเป็นละครเพลงที่เล่าซ้อนอยู่ในหนังอีกทีนึง เรื่องราวของคริสเตียนผู้ตกหลุมรักกับซาติน นางระบำเบอร์หนึ่งของโรงละครชื่อมูแรง ลูจ ที่เขาได้รับการว่าจ้างเขียนบทละครให้ แต่ดยุค เขาต้องการครอบครองซาทีนโดยแลกกับสนับสนุนเงินทุนให้การแสดงครั้งนี้

ภาพจากหนัง ‘Moulin Rouge!’ (2001)
credit: MUBI

ถือเป็นหนังที่โดดเด่น สิ้นเปลืองและฟุ่มเฟือยไปกับงานด้านคอสตูมและโปรดักชั่น ที่ทำให้ นิโคล คิดแมน กลายเป็นคนสวยผู้งดงามที่สุดในโลกเซลลูลอยด์ ขณะที่ด้านดนตรีก็โดดเด่นด้วยการนำเอาเพลงที่คุ้นเคยในหมวดต่างๆ มายำรวมกัน หนังเรื่องนี้มีเพลงประกอบที่ฮิตติดหูอย่าง ‘Come What May’ และ ‘Lady Marmalade’

กำกับภาพยนตร์: Baz Luhrmann
เขียนบท: Baz Luhrmann, Craig Pearce
แสดงนำ: Nicole Kidman, Ewan McGregor, John Leguizamo, Jim Broadbent, Richard Roxburgh, Garry McDonald
รางวัลที่ได้รับ: 2 Oscars [Best Art Direction-Set Decoration, Best Costume Design], 2 BAFTAs, 3 Golden Globes
คะแนน: IMDb 7.6/10, Metascore 66, RottenTomatoes 75%


West Side Story | เวสต์ ไซด์ สตอรี่ (1961)

อาจจะรับรู้กันว่าเพิ่งมีเวอร์ชันใหม่ไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่นี่คือเวอร์ชันสุดคลาสิกที่สร้างไว้ในปี 1961 เรื่องราวที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมเลื่องชื่ออย่าง ‘Romeo and Juliet’ ธีมของมันยังเป็นเรื่องความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางความเกลียดชังของวัยรุ่นอันธพาลสองฝ่ายที่แย่งอิทธิพลในพื้นที่กัน โดยเล่าเรื่องของโทนี่อดีตคนในแก๊ง Jets ที่ปิ๊งรักกับมาเรีย น้องสาวหัวหน้าแก๊ง Sharks ในงานเต้นรำ

ภาพจากหนัง ‘West Side Story’ (1961)
credit: TCM

ความโดดเด่นของ ‘West Side Story’ นอกเหนือจากการดัดแปลงวรรณกรรมของเช็คสเปียร์สออกมาได้อย่างแข็งแรงและเข้าท่าแล้ว หนังก็ยังมีเพลงที่บ่งบอกถึงเชื้อชาติของทั้งสองฝ่าย มีฉากดวลเต้น บางก็ฉากก็เหมือนการเต้นประกอบเพลงมากกว่าจะเป็นการร้อง หนังสร้างออกมาดีเด่นจนคว้าไปได้ถึง 10 ออสการ์ เมื่อมิวสิคัลอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดชม

กำกับภาพยนตร์: Jerome Robbins, Robert Wise
เขียนบท: Ernest Lehman
แสดงนำ: Natalie Wood, George Chakiris, Richard Beymer
รางวัลที่ได้รับ: 10 Oscars [Best Picture, Best Actor in a Supporting Role, Best Actress in a Supporting Role, Best Director, Best Cinematography, Best Art Direction-Set Decoration, Best Costume Design, Best Sound, Best Film Editing, Best Music-Scoring of a Musical Picture], 3 Golden Globes
คะแนน: IMDb 7.6/10, Metascore 86, RottenTomatoes 92%


เอาจริงๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า บทความนี้จะมีผู้เข้ามาเยี่ยมชมกันสักแค่ไหน แต่ก็คิดว่า อยากมีคอนเทนต์เรื่องหนังมิวสิคัลบ้างเลยจัดสักหน่อย พร้อมด้วยการแถมท้ายอีกเรื่องที่น่าจะพอมีคนชื่นชอบ เพราะผมเองก็ชอบเรื่องนี้ งั้นจัดไปครับ

The Phantom of the Opera (2004)

ถือเป็นหนังมิวสิคัลเรื่องแรกๆ ที่ผมได้ดูและจดจำได้ดี ‘The Phantom of the Opera’ หนังที่สร้างจากบทละครโอเปร่าที่เล่าเรื่องราวรักสามเส้า เรื่องราวที่สุดจะดราม่าและโคตรจะน้ำเน่าของชายหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีแต่ดันมีหน้าตาอันอัปลักษณ์ ทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ จนถูกร่ำลือว่าเป็นปีศาจแห่งโรงละครโอเปร่า เขาหลงรักนักแสดงสาวและเข้าหาในฐานะเทพแห่งดนตรีที่คอยฝึกฝนจนถึงวันที่เธอเจิดจรัส กลับมีชายรูปงามอีกคนเข้ามาแทรกตรงกลาง และทำให้ปีศาจโรงละครต้องลุกขึ้นทำอะไรสักอย่างก่อนจะเสียเธอไป

แม้เรื่องราวมันจะดูน้ำเน่า แต่ก็สร้างความประทับใจได้มากมาย ด้วยงานเพลงที่งดงามผสานเรื่องรักที่ชวนจับใจ ความพิเศษของหนังคือ การที่นักแสดงต่างทุ่มเทฝึกฝนร้องโอเปร่ากันสดๆ ไม่ลิปซิงค์ แถมโปรดักชั่นต่างๆ ก็ออกมาดี แม้หนังจะได้เสียงตอบรับอย่างครึ่งๆ กลางๆ แถมได้แค่ชิง 3 ออสการ์ แต่ก็กลายเป็นหนังมิวสิคัลที่อยู่ในความทรงจำ

กำกับภาพยนตร์: Joel Schumacher
เขียนบท: Joel Schumacher
แสดงนำ: Gerard Butler, Emmy Rossum, Patrick Wilson, Minnie Driver, Miranda Richardson
คะแนน: IMDb 7.2/10, Metascore 40, RottenTomatoes 33%

Exit mobile version