ช่วงเวลาระหว่างชมบอลทีมโปรด ผมเลือกหยิบหนังของผู้กำกับฯ คนเก่งที่ผมชื่นชมในฝีมือมาดูเสียหน่อย ในฐานะที่ขึ้นหิ้งเข้าชิงออสการ์อีกหน อยากรู้จริงว่า ฝีมือครั้งนี้จะจัดจ้านขนาดไหน กับ 127 ชั่วโมงของคน 1 คนในที่แคบๆ และไม่มีใครจะมาช่วยเขาได้ ใช่แล้ว ผมกำลังพูดถึง ‘127 Hours’ ของผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ‘Slumdog Millionaire’ ยังไงกันเล่า
ผลงานของ Danny Boyle นั้นเข้าตาผู้ชมและเข้าตากรรมการมาแล้วหลายเรื่อง ทำหนังมาแต่ละครั้งนี่พาอึ้งไปหลายหน หนังของเขาไม่เหมือนใคร พล็อตแปลก การเล่าเรื่อง มุมกล้อง การตัดต่อไม่เหมือนใครจริงๆ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
รีวิวหนัง ‘127 Hours’
แดนนี่เลือกที่จะเล่าเรื่อง ที่ผ่านมาจากประสบการณ์จริงของผู้ชายคนหนึ่งนาม Aron Ralston (James Franco) ที่ติดอยู่ในซอกเขาแคบๆ ของบลู จอห์น แคนยอนในรัฐยูทาห์ เขาเป็นวิศวกรหนุ่ม ที่คลั่งไคล้ในความสนุกของการปีนเขา หนังบอกเล่า เขาชื่นชอบมันอย่างมาก เขามักจะมาที่นี่บ่อย จนแทบรู้จักทุกซอกทุกมุมในแคนยอนเป็นอย่างดี กิจกรรมปีนเขาเป็นความสุขประหนึ่งงานอดิเรก…
ที่เขาไม่คิดว่า สักวันมันจะพาให้เขาต้องมาเจอเหตุการณ์แย่ๆ แบบนี้
ความพลาดพลั้งนั้นย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ อยู่ที่ว่าเมื่อเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันแล้ว เรารับมือมันอย่างไร ผู้ชายคนหนึ่งเดินทางคนเดียว มีความสุขอยู่กับการปีนเขาอยู่คนเดียว แม้จะพบพานเพื่อนร่วมทางบ้าง แต่ก็ชั่วประเดี่ยวประด๋าว ไม่นานเขาก็กลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้ง ดูเขาเป็นพวกมีโลกส่วนตัว ทำให้เมื่อต้องติดแหง็กอยู่ในซอกเขาแคบๆ เขาก็ติดอยู่เพียงผู้เดียว แถมแขนข้างหนึ่งยังถูกหินทับไว้ หนีไปไหนไม่ได้
เรื่องราวที่แทบจะเล่าโดยคนๆ เดียวทั้งเรื่อง แต่คนอย่างแดนนี่กลับทำออกมาได้อย่าง “เอาอยู่” ในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเสียงเพลงประกอบ ที่ดังและหยุดในช่วงเวลาที่เหมาะเหม็ง การกระตุ้นเร้า ภาพที่ทำให้ผู้ชมต้องลุ้นตาม และจับตาดูดังเรียลลิตี้ว่า สุดท้ายแล้ว เขาจะกลับออกมาได้หรือไม่ ด้วยวิธีไหน หรือจะจบอย่างไร ทุกอย่างผสมผสานกันทั้งมุมกล้อง วิธีการเล่าเรื่อง ดนตรีประกอบ และการตัดต่อ แถมยังมีเทคนิคพิเศษต่างๆ ที่ใส่เข้ามาเพื่อช่วยเล่าเรื่องทั้งสิ้น
เรียกได้ว่า จะหาจุดติในหนังเรื่องนี้ ผมยังหาไม่เจอ..
คนหนึ่งคนที่ผจญเหตุการณ์คับขัน หลายวันเข้า เขาจะเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร มีสภาพร่างกายเป็นแบบไหน ทุกอย่างถูกเล่าออกมาหมด ด้วยวิธีการหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำที่เขาดื่ม กล้องวิดีโอที่เขาถ่าย อุปกรณ์ที่เขาใช้ อีกเรื่องที่คอหนังไม่ควรจะพลาดเป็นอย่างยิ่ง คุณจะได้เห็นช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตคนๆ หนึ่ง ที่คงเหมือนใครหลายๆ คน “ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา” หากไม่สูญเสียอะไรไป เราคงจะไม่ได้เสียดายอะไรบางอย่างที่สำคัญ
ช่วงเปิดเรื่องกับช่วงปิดบรรจบกันได้ดี และถ้าจะสังเกตทุกจุดทุกฉากที่ถูกใส่เอาไว้ มันมีความหมายแฝงอยู่ทั้งหมดเลยนะนั่น
Taglines:
Every Second Counts
ที่น่าสนใจก็คือ ใน 94 นาทีของหนัง มีช่วงหนึ่ง ที่บอกเล่าเรื่องราวเทไปที่เหตุการณ์อันน่าสยดสยอง เหตุการณ์ที่ผมพยายามหลีกเลี่ยงเสมอๆ จากหนังเรื่องอื่น สุดท้าย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องผ่านไปให้ได้ ยอมรับกันตรงๆ ไปเลยว่าช่วงเวลานั้นมัน…
“อย่างเหนื่อยอะ…เฮ่อ”
ชื่อภาพยนตร์: 127 Hours
ผู้กำกับภาพยนตร์: Danny Boyle
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Danny Boyle (screenplay), Simon Beaufoy (screenplay), Aron Ralston (book “Between a Rock and a Hard Place”)
แนว/ประเภท: Adventure, Drama, Thriller
นักแสดงนำ: James Franco, Kate Mara, Amber Tamblyn, Clémence Poésy
เรท: USA / R
ความยาว: 94 นาที
สตูดิโอ: Fox Searchlight Pictures, Pathe
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 10 มีนาคม 2554
ว่าแล้วต้องลุ้นฉากนั้น ฮ่าๆ
เป็นหนังที่ดูแล้ว ลุ้นจนเหนื่อยแทน แต่เนื้อเรื่องก็แสดงให้เห็นและมีอะไรให้คิดเกี่ยวกับชีวิตคนเราหลายอย่าง