อันที่จริง ผมเป็นพวกชอบดูหนังหลากแนวนะครับ วนไปดูแนวโน้นทีแนวนี้ที ตามแต่อารมณ์ ถ้าเป็นหนังเข้าโรงก็แล้วแต่ว่าช่วงนั้นเรื่องน่าสนใจและใจอยากดูบ้าง แต่วันนี้ ผมจะหยิบมาเฉพาะหนังไซไฟที่เล่าเรื่องหรือมีโลเกชั่นอยู่ในอวกาศ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า หนังไซไฟอวกาศ กันดูบ้าง อาจจะเป็นได้ทั้งหนังเก่าหนังใหม่ แค่เป็นเรื่องที่ชื่นชอบ อยู่ในความทรงจำ
เหล่านี้เป็นเพียง 10 เรื่องที่อาจเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของหนังไซไฟอวกาศ อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด และอาจจะไม่ได้ตรงใจไปเสียทุกคน เนื่องจากไม่ได้ใช้บรรทัดฐานใดเป็นหลักในการวัดตวง
เพราะฉะนั้น ชิลๆ นะครับ
The Martian (2015)
ผลงานกำกับของ Ridley Scott ในปฏิบัติการแอรีส ลงจอดบนดาวอังคารเพื่อภารกิจเก็บตัวอย่างเพื่อนำมาศึกษา กลุ่มมนุษย์อวกาศพบเจอพายุฝุ่นลูกใหญ่จนต้องหยุดภารกิจและกลับโลกทันที แต่สมาชิกคนหนึ่งกลับเจออุบัติเหตุจนทุกคนคิดไม่รอดแน่แล้ว ก็ตัดสินใจกลับโลกไปโดยไม่รู้ว่าเขาคนนั้นยังไม่ตาย และเขากลายเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวบนดาวที่ห่างไกลจากโลกมนุษย์ถึง 140 ล้านไมล์ พลังใจทำให้เขามีชีวิตอยู่อย่างยาวนาน ปลูกมันฝรั่งกินบนดาวอังคารโดยไม่มีใครรับรู้
เหมือนจะเป็นโชคดีของเขา ที่ความสามารถที่เขามีนั้นมากพอจะทำให้ดำรงชีวิตอยู่รอดบนดาวอังคารได้นานกว่าที่ใครจะคาดคิด และเมื่อการติดต่อด้วยวิธีการต่างๆ กับทีมงานนาซ่าบนโลกเริ่มได้ผล ก็ถึงเวลาที่จะเกิดปฏิบัติการหรือภารกิจในการช่วยเหลือนักบินอวกาศ มาร์ก วัทนีย์ (Matt Damon) กลับคืนสู่ดาวบ้านเกิด…ด้วยวิธีการอันแยบยลยิ่ง
Armageddon (1998)
นี่คงเป็นหนังในตำนานอีกเรื่องที่อยู่ในความทรงจำของใครหลายๆ คน เรื่องราวของนักขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลที่มีลูกสาวสวย ผู้ไม่ชอบขี้หน้าชายผู้มาติดพันชอบพอกับลูกสาวของตนเอง จนวันที่โลกถูกถล่มด้วยอุกกาบาต เมื่อเหลือเวลาอีกเพียง 18 วัน ทีมขุดเจาะน้ำมันต้องรับหน้าที่เป็นฮีโร่ของคนบนโลก เป็นมนุษย์อวกาศจำเป็นขึ้นไปฝังหัวระเบิดนิวเคลียร์ที่แกนกลางดาวหาง
และแน่นอนว่า พ่อของลูกสาวจำเป็นต้องเลือกผู้ชายคนเก่งที่ตนไม่ชอบหน้าขึ้นไปด้วย
หากจะพูดถึงบท มันคงไม่ใช่หนังที่ดีมากนักหรอก เรื่องราวมันค่อนข้างห่างไกลความสมจริงไปสักหน่อย แต่เป็นไปได้ว่าเสียงส่วนใหญ่ที่เคยได้ดูคงบอกเคยร้องไห้กับฉากพ่อลูกมาแล้ว
Apollo 13 (1995)
หนังที่สร้างจากเรื่องจริงของยานอวกาศ ‘Apollo 13’ เป็นโครงการที่นาซ่าตั้งใจจะนำนักบินอวกาศไปลงดวงจันทร์อีกครั้ง หลังเคยทำได้สำเร็จมาแล้ว หนังหยิบเรื่องราวที่ จิม โลเวลล์ (Jim Lovell) เขียนเอาไว้ในหนังสือเล่าเรื่องประสบการณ์ของตนเอง
Ron Howard ผู้กำกับของภาพยนตร์เรื่องนี้ ผสานทั้งภาพจริงและภาพที่ถ่ายทำขึ้นให้เข้ากันได้อย่างสวยงาม ทั้งการแต่งกาย ทรงผม และพร็อพต่างๆ รวมทั้งงานแต่งสีภาพที่ดูเก่าราวกับเราได้ไปอยู่ในปี 1970 เรื่องจริงที่เราอาจรู้ตอนจบอยู่ก่อนแล้ว แต่ระหว่างทางของการเล่ามันชวนให้ลุ้นอยู่ตลอดว่า ภารกิจการกลับบ้านของพวกเขาจะสำเร็จหรือไม่
Alien Saga
เป็นหนังหลายภาคที่ถูกสร้างกันออกมาเรื่อยๆ ดังบ้างแป้กบ้าง กลับมาใหม่บ้าง พักหยุดคิดก่อนบ้าง แต่ก็นับว่าเป็นหนังไซไฟอวกาศที่บวกเอาความเป็นหนังแอ็กชั่นและสยองขวัญพ่วงเข้าไปด้วย กลายเป็นหนังที่คนทั่วโลกรู้จักและติดตามกันมาจนถึงทุกวันนี้
ภาคล่าสุด ก็คือ ‘Alien: Covenant’ ที่ Ridley Scott กลับมาจับงานเอเลี่ยนอีกครั้งหลังจากได้เป็นคนเริ่มไว้ในปี 1979
เรื่องราวของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวที่มีทั้งความดุร้ายและพละกำลังอันมหาศาล ทั้งมีการแพร่ขยายพันธุ์ด้วยวิธีอันน่าสยอง มีเพียงมนุษย์โลกบางกลุ่มเท่านั้นที่มีปัญญาพอจะกำจัดมันได้ แต่มันก็ไม่เคยหยุดการมายังโลก แม้แต่การต้องมาทำสงครามต่อสู้กับเหล่าพรีเดเตอร์เพื่อขยายเรื่องราวก็มีมาแล้ว
Gravity (2013)
หนังไซไฟดราม่าจากผู้กำกับ Alfonso Cuarón ที่ได้รับคำชื่นชมอย่างมาก จนเหมือนจะสร้างความคาดหวังอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อไปดูก็พบว่าไม่ผิดหวังแต่อย่างใด นักบินอวกาศกลุ่มหนึ่งที่ออกไปปฏิบัติภารกิจซ่อมกล้องถ่ายภาพอวกาศฮับเบิล ก่อนจะได้รับรู้ว่า มีขยะอวกาศลอยเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว เมื่อหลบไม่ทันและคงไม่มีที่ไหนให้หลบ วินาศกรรมทางอวกาศจึงบังเกิดขึ้น
หนังยาวเพียง 91 นาที ไม่ได้เล่าเรื่องอะไรที่ซับซ้อนมากนัก แต่หนังใส่ปรัชญาบางอย่างเข้ามาเสริม ตัวหนังเพียงต้องการโฟกัสเฉพาะภาพเหตุการณ์การเอาตัวรอดในเขตไร้น้ำหนักเหนือพื้นโลกเป็นร้อยไมล์เท่านั้น ด้วยการที่มันเป็นหนังสามมิติที่มีภาพในอวกาศเหนือพื้นโลก กล้องแพนไปแพนมาจนคนดูรู้สึกราวกับเป็นหนึ่งในมนุษย์อวกาศที่ลอยอยู่ในสุญญากาศ
เป็นประสบการณ์การดูหนังที่เต็มอิ่มมากๆ
Interstellar (2014)
พ่อลูกคู่หนึ่งที่พ่อเป็นชาวไร่แต่ก็เป็นวิศวกรด้วย แต่โลกในเวลานั้นกลายเป็นโลกที่ไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัยเสียแล้ว มีคนกลุ่มหนึ่งที่เฝ้าทำการทดลองสุดยิ่งใหญ่เพื่อความอยู่รอดของมวลมนุษยชาติ นั่นคือ การหาโลกใหม่ที่มนุษย์จะย้ายไปตั้งรกราก พ่อจำต้องพรากจากลูกสาวทว่ามิอาจบอกความจริง และหนังเดินทางไปพร้อมๆ กัน
ทั้งไซไฟหาโลกใหม่และการเดินทางของความรักระหว่างพ่อกับลูก
ความยาว 2 ชั่วโมง 49 นาทีของโนแลนดูจะไปได้สวยกับการเล่าเรื่องที่เกี่ยวกระหวัดกันไปมา แสดงให้เห็นถึงจินตนาการอันล้ำลึกและก้าวไปไกลกว่าหนังไซไฟอวกาศเรื่องอื่นๆ ตัวเอกต้องเดินทางไปไกลแสนไกลผ่านรูหนอนมุ่งสู่ระบบดวงดาวอื่น ทั้งยังผจญกับเหตุการณ์ต่างๆ นานาที่พันเกี่ยวทุกๆ สิ่งที่ถูกเล่าเอาไว้ด้วยอย่างล้ำลึก!
Avatar (2009)
หนังไซไฟสร้างรายได้สูงส่งที่กว่าจะมีภาคต่อก็แสนจะเนิ่นนาน James Cameron สร้างภาคแรกมาในปี 2009 สร้างเสียงฮือฮาและการตอบรับอย่างดี ทั้งในด้านของเทคนิคการถ่ายทำที่ใช้โมชั่นแคปเจอร์เกือบทั้งเรื่อง ถ่ายทำในแบบสามมิติ ภาพที่มีสีสันสดใสและเปี่ยมล้นด้วยจินตนาการ
หนังเล่าถึงการบุกรุกของมนุษย์โลกบนเพื่อตักตวงแร่ธาตุบนดาวดวงอื่นที่ต่างก็มีความเจริญในแบบของตัวเอง พล็อตเรื่องอาจจะไม่ได้แปลกใหม่ แต่มีความน่าสนใจคือการเชื่อมโยงจิตของมนุษย์กับร่างอวตารเพื่อใช้ชีวิตแทรกซึมกับหมู่มวลชนเผ่าสีฟ้าชาวนาวี
ช่วงนี้ก็นับวันรอคอยภาคต่อกันไป
Star Wars Saga
จะเรียกว่านี่เป็นมหากาพย์แห่งสงครามอวกาศก็ว่าได้ เป็นภาพยนตร์ภาคต่อที่มีผู้ชมมากที่สุดเรื่องหนึ่งแม้จะมีแฟนพันธุ์แท้ในไทยไม่มากนักก็ตาม ผลงานไตรภาคที่กลายเป็นตำนาน คือ ‘Star Wars IV-I-VI’ ภาคแรกคือจุดเริ่มต้นของจักรวาลสตาร์วอร์สที่กำกับโดย George Lucas ก่อนที่จะส่งไม้ต่อให้คนอื่น ผ่านมาราว 20 ปี จึงได้เวลากลับมาเล่าไตรภาคเริ่มต้นกันใหม่ ก่อนจะตามมาในไตรภาคปิดท้าย
สงครามอวกาศของสองฝ่ายที่ผู้คนมีภาพจำหลายสิ่ง ไม่ว่าจะเป็น เจไดที่ใช้ดาบแสงต่อสู้กัน ตัวร้ายที่ถูกจดจำมากที่สุดอย่าง ดาร์ธเวเดอร์ ผู้ใส่หมวกสีดำ แม้แต่ยานมิลเลนเนียมฟาลคอน ของฮาน โซโล
ไม่มีใครไม่รู้จักภาพยนตร์เรื่องนี้ ส่วนจะชื่นชอบหรือเปล่าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
2001: A Space Odyssey (1968)
ถึงจะเก่าแต่ก็เป็นหนังในตำนาน เป็นรากฐานของหนังไซไฟอวกาศในยุคต่อๆ มา เป็นหนังไซไฟระดับเก๋าๆ จาก Stanley Kubrick นำมนุษยชาติได้ทำความรู้จักกับการเดินทางทางจิตวิญญาณด้วยเรื่องราวน่าตื่นตา พร้อมโปรดักชั่นระดับสุดยอดยิ่งในสมัยนั้น
หนังพาเราไปสู่การค้นพบใหม่ แท่งวัตถุสีดำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้านั้นกลับมาอีกครั้ง คราวนี้อยู่บนฐานเครเวียสดวงจันทร์และเจ้าหน้าที่กลุ่มกำลังเข้าไปตรวจสอบ ก่อนจะพบสัญญาณรบกวนขณะเก็บภาพ แล้วหนังก็พาเราไปพบกับการเดินทางครั้งใหม่ ของมนุษย์อวกาศกลุ่มหนึ่งบนยานที่มีสมองกลอัจฉริยะคอยควบคุมการทำงานของยานไว้ทั้งหมด ก่อนที่มันจะเริ่มแจ้งข้อมูลแปลกๆ และมนุษย์อวกาศก็เริ่มจะไม่ไว้ใจมัน
จนนำไปสู่ประสบการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ในตอนท้าย!
Star Trek Saga
เป็นอีกหนึ่งมหากาพย์แห่งจักรวาลที่อยู่กับเรามานาน เคยเป็นทั้งซีรีส์ทางทีวี และเป็นภาพยนตร์หลายภาค เงียบหายไปพักใหญ่ ตอนนี้ก็กลับมาใหม่กับตัวละครใหม่กันไปเรียบร้อยแล้ว อย่างภาคล่าสุดก็คือ ‘Star Trek: Beyond’ นั่นยังไงล่ะครับ
มหากาพย์เรื่องนี้ไม่มีเจได มีแต่ยานอวกาศล้ำยุคที่กัปตันจะพาลูกเรือและคนดูเดินทางท่องอวกาศอันแสนกว้างไกล พาไปเจอกับเหตุการณ์แปลกๆ ตามแต่จินตนาการของผู้เขียนบท ภาพจำของหนังชุดนี้ก็คือ การบีมหรือการเคลื่อนย้ายร่าง นอกจากนี้ก็ยังมีตัวละครสำคัญอย่าง สปอค กับทรงผมแปลกๆ ของเขา
นอกจากนี้ยังมีหนังไซไฟอวกาศอีกมากมายที่อยู่ในตาข่ายความทรงจำ ไม่ว่าจะเป็น ‘Elysium’ โลกอนาคตที่มีการแบ่งชนชั้น, ‘District 9’ (2009) อาณานิคมเอเลียนส์บนโลก, ‘Contact’ เรื่องของการติดต่อกับสิ่งมีชีวิตนอกโลก แล้วก็ยังมี ‘Arrival’ เรื่องของเอเลี่ยนที่สื่อสารกับคนบนโลก ทั้งหมดนี้ก็น่าสนใจเหมือนกันนะ
แต่จะใส่หมดก็เกรงจะไม่ใช่สิบ 5555