
โลกดิสโทเปียนั้น บ้างก็ว่า มันคือโลกที่อารยธรรมมนุษย์ล่มสลาย จากหลากหลายสาเหตุหนึ่ง ไม่ว่าจะทั้งโรคระบาดที่ทำให้มนุษย์เหลือน้อยลงทุกที จากภัยธรรมชาติที่ทำให้ผู้คนตายเป็นเบือ จากเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำกับจำนวนประชากรที่ล้นโลกจนทรัพยากรร่อยรอและต้องแก่งแย่งกัน จากเอไอที่มนุษย์นั่นแหละที่พัฒนาขึ้นมาฆ่าตัวเอง บ้างก็ว่า มันเป็นโลกแห่งความสมบูรณ์แบบ ที่ประชาชนต้องเชื่อฟังผู้ปกครองในทุกด้าน ทั้งที่มันคือความกดขี่ หนังดิสโทเปียส่วนใหญ่มาจากหนังและส่วนใหญ่ก็เป็นหนังแนวแอคชัน วันนี้ จึงมีความคิดจะรวบรวม 10 หนังแอคชันดิสโทเปียที่มีการสร้างมาให้เราได้ชม
และแน่นอนว่า มันก็แค่ส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งเท่านั้น
เอาเข้าจริง โลกนี้ก็มีนิยายแนวดิสโทเปียมาเยอะมากเหมือนกันนะครับ และหลายเรื่องก็เขียนและพิมพ์มาขายกันทีละหลายเล่ม อ่านต่อเนื่องกันเพลินไปเลย และก็มีบางเล่มที่โด่งดังจนถูกค่ายหนัง ผู้กำกับ หยิบยกมาสร้างเป็นหนังให้เราได้ดูกัน บางเรื่องก็ไปรอด พาอีกหลายเรื่องให้ติดตามมา บางเรื่องก็จอดตั้งแต่ภาคแรก แม้อยากจะสร้างภาคต่อแต่เห็นแววว่าจะไม่ไหว สุดท้ายก็เลยไม่ได้ไปต่อ ว่าแต่มันมีเรื่องไหนกันบ้างน้าาา
The Hunger Games | เกมล่าเกม
อนาคตของอเมริกาที่ล่มสลายและแบ่งแยกปกครองกันเป็นพาเนม โดยมีแคปปิตอลเป็นผู้ควบคุม ท่ามกลางความอดอยากของบางเขต พวกเขาต้องส่งคนมาแข่งขันที่ชื่อ เดอะ ฮังเกอร์ เกมส์ เกมกีฬาที่สร้างความสนุกสนานให้กับเหล่าผู้ชม แต่มันก็เป็นเกมที่ใชเพื่อปกครองและกดในพาเนมต่างๆ ต้องตกอยู่ภายใต้แคปปิตอลไปด้วยในตัว
หนังมีสี่ภาค ไล่ไปตั้งแต่
- The Hunger Games (2012)
- The Hunger Games: Catching Fire (2013)
- The Hunger Games: Mockingjay – Part 1 (2014)
- The Hunger Games: Mockingjay – Part 2 (2015)
Maze Runner | เมซรันเนอร์
โลกดิสโทเปีย เป็นเหมือนโลกแห่งจินตนาการที่อ้างอิงจากโลกปัจจุบัน ผู้คนสนุกกับการวาดฝันอนาคตที่ดูเลวร้ายแต่ความเป็นมนุษย์ก็ยังคงอยู่ในนั้น คนดูก็สนุกที่ได้ดูอนาคตที่รู้สึกมีอารมณ์ร่วม และแน่นอน มันคือสิ่งที่เราอยากรู้ ไม่ว่ามันจะใกล้เคียงความจริงมากหรือไม่มากก็ตาม
นี่ก็เป็นหนังแอ็คชันดิสโทเปียอีกเรื่องหนึ่งที่สร้างจากนิยายเลื่องชื่อ เรื่องราวที่เล่าถึงชีวิตของคนหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งที่ถูกจับมาขังไว้ในใจกลางเขาวงกต พวกเขาบางส่วนหนีออกมาได้และพบเจอความจริงบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ ภายนอกนั้นไม่ได้สวยงามน่าอยู่เลยสักนิด ทั้งยังมีองค์กรๆ หนึ่งที่อยู่เบื้องหลัง อ้างการทดลองสร้างยาต้านไวรัสที่มนุษยชาติกำลังเผชิญอยู่
เมซรันเนอร์สร้างมาเป็นหนังด้วยกันสามภาค ได้แก่
- The Maze Runner (2014)
- Maze Runner: The Scorch Trials (2015)
- Maze Runner: The Death Cure (2018)
Elysium | เอลลีเซียม
‘เอลลิเซียม’ หนังภาคเดียวที่กำกับโดย Neill Blomkamp เล่าถึงโลกอนาคตที่มีคนสองกลุ่มในโลกอนาคตราวปี ค.ศ.2154 คนกลุ่มแรกรวยล้นฟ้า สามารถเป็นพลเมืองบนสถานีอวกาศอันทันสมัยและหรูหราขนาดยักษ์ที่ลอยอยู่นอกโลก ขณะที่คนบนพื้นโลกที่อยู่กันอย่างแออัดแย่งกันกินแย่งกันใช้ มันคือเรื่องราวของความเหลื่อมล้ำแห่งมนุษยชาติที่ยังคงอยู่แม้ในวันที่โลกถึงกาลล่มสลาย
โดยรวมถือว่าทำได้น่าพอใจ แต่อาจจะไม่ได้ประทับใจเทียบเท่ากับงานชิ้นก่อนหน้าอย่าง ‘District 9’ ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน
Chaos Walking | จิตปฏิวัติโลก
‘จิตปฏิวัติโลก’ เป็นเรื่องราวของโลกอนาคตที่ไกลพอควร มนุษย์จากโลกไปตั้งอาณานิคมบนโลกใหม่ แต่กลับพบว่า ผู้หญิงดันหายไปหมด เหลือเพียงแต่ผู้ชาย แถมผู้ชายก็ดันมีอาการประหลาด สมองคิดอะไรก็จะออกมาเป็นภาพและเสียงทั้งหมดเลย แต่เหตุมันพลิกผันตรงที่ว่า จู่ๆ ก็มียานอวกาศตกและคนที่รอดชีวิตกลับเป็นหญิงสาวผมบลอนด์คนหนึ่ง
หนังแอ็คชันดิสโทเปียเรื่องนี้มันมีเงื่อนงำน่าสงสัย และพวกเขาจะเดินทางไปหาคำตอบ หนังแฝงเรื่องการปกครองแบบเผด็จการอยู่หน่อยๆ นะ แต่นี่มันภาคต้น อยากจะรู้เหมือนกันว่า ภาคสองสามจะเล่าเรื่องอะไร (พอดีไม่ได้อ่านหนังสืออะนะ)
Divergent | ไดเวอร์เจนท์ คนแยกโลก
ในโลกอนาคตที่เมืองถูกปิดล้อมด้วยกำแพงสูง ผู้คนถูกแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ผู้เสียสละ (Abnegation-แอ๊บเนเกชั่น), ผู้กล้าหาญ (Dauntless-ดอนท์เลส), ผู้มีปัญญา (Erudite-เออรูไดต์), ผู้ซื่อสัตย์ (Candor-แคนเดอร์) และผู้รักสงบ (Amity-อมิตี) แต่ก็ยังมีคนบางพวกที่ไม่อาจจัดเข้ากลุ่มไหนได้ คนพวกนี้จะถูกเรียกว่าไดเวอรเจนท์ พวกเขาคือภัยสังคมที่ต้องถูกกำจัด
หนังแอ็คชันดิสโทเปียสามภาคที่จากนิยายชื่อเดียวกันที่โปรดักชันในภาคแรกไม่ถึงอลังการมากมายนัก เรื่องราวอืดอาดช่วงต้นก่อนจะมาสนุกเอาช่วงท้าย ภาคถัดมาดูจะจัดเต็มด้านเทคนิคและฉากแอคชันมากขึ้น ภาคนี้ไดเวอร์เจนท์คนสำคัญกำลังมุ่งหมายสังหารตัวการร้ายให้สิ้นซาก มาถึงภาคสาม จึงได้เวลาปีนกำแพงออกสู่โลกภายนอกกันเสียที
หนังมีการสร้างกันออกมาเป็นสามภาค ได้แก่
Mad Max: Fury Road | แมดแม็กซ์ ถนนโลกันตร์
มันคือจินตนาการของคนที่มองเห็นโลกมนุษย์ในอนาคตที่ต้องผ่านความเปลี่ยนแปลงอันเลวร้ายของสภาพอากาศจน “น้ำ” กลายเป็นสิ่งหายากและเป็นสิ่งที่ชักจูงผู้คนให้เชื่อฟังและเป็นทาส แผ่นดินกลายเป็นทะเลทราย การเพาะปลูกแทบจะไม่เหลือให้เห็น มีคนเพียงคนเดียวที่ได้ครอบครองน้ำและเป็นใหญ่ได้กดขี่ผู้คน จนเกิดการกบฏและต่อต้านขึ้น
‘แมดแม็กซ์ ถนนโลกันตร์’ มีงานด้านวิชวลที่ตระการตา มุมกล้องและการถ่ายทำแต่เหมาะเหม็งจะรับชมในแบบ 3 มิติ การเลือกที่จะใช้สตันต์แสดงเป็นหลัก แทนที่จะเน้นให้คอมพิวเตอร์ช่วยงาน กลับทำให้มันดูสนุกและสมจริงมากกว่าเข้าไปอีก ในขณะที่ดนตรีประกอบนั้นทำได้ยอดเยี่ยม ส่งเสริมให้ฉากแอ็คชั่นดูยิ่งหวือหวาตื่นเต้นมากเป็นเท่าตัว โปรดักชั่นดีไซน์ก็น่าตื่นตา ออกแบบฉาก ออกแบบรถ ออกแบบการต่อสู้ ทุกอย่างหนังใส่เข้ามาอย่างเต็มที่
แต่ถนนโลกันตร์ไม่ใช่ภาคเดียวในจักรวาลแมดแม็กซ์ของ George Miller ยังมี หนังแอ็คชันดิสโทเปีย ภาคอื่นๆ อีกนะ
- Mad Max (1979)
- Mad Max 2: The Road Warrior (1981)
- Mad Max Beyond Thunderdome (1985)
- Mad Max: Fury Road (2015)
- Furiosa: A Mad Max Saga (2024)
In Time | ล่าเวลาสุดนรก
ถ้าโลกนี้เกิดมีพวกหัวคิดประหลาด เลือกสร้างให้มนุษย์มีอายุขัยที่ 25 ปี หลังจากนั้นพวกเขาจะไม่แก่ แต่อายุจะถูกเพิ่มขึ้นเพียงจากการทำงาน การหยิบยืมส่งให้กัน และทุกอย่างที่พวกเขาไปใช้บริการ จะต้องถูกแลกเปลี่ยนด้วยอายุขัยที่เหลือของพวกเขาเหล่านั้น คงไม่ใช่อะไรที่สนุกเลย พวกเขามีชีวิตอยู่แบบวันต่อวัน หากไม่สามารถหาเวลามาต่อชีวิตได้ทันแล้วล่ะก็ ความตายก็จะมาเยือนในทันที
‘ล่าเวลาสุดนรก’ เป็น หนังแอ็คชันดิสโทเปีย ผลงานจากผู้กำกับ Andrew Niccol ที่เคยมีงานที่คุ้นหูกันดีอย่าง ‘Gattaca’ และ ‘The Truman Show’
Snowpiercer | ยึดด่วน วันสิ้นโลก
ผลงานของผู้กำกับชาวเกาหลี บงจุนโฮ ก่อนที่จะลือลั่นสร้างประวัติศาสตร์คว้าออสการ์กับ ‘Parasite’ หนังแอ็คชันดิสโทเปีย อย่าง ‘Snowpiercer’ เล่าเรื่องของโลกที่เผชิญกับสภาวะอากาศอันเลวร้าย หลังมนุษย์คิดค้นเทคโนโลยีการควบคุมโลกร้อนจนผิดพลาดกลาย นำพายุคน้ำแข็งที่หนาวสุดขั้วกลับมาอีกครั้ง และมนุษยชาติเหลือเพียงกลุ่มคนที่อยู่บนรถไฟที่วิ่งวนไปทั่วโลกอย่างไม่หยุดยั้ง บนรถไฟจึงกลายเป็นโลกที่จำลองสภาพสังคมมนุษย์
หนังที่ได้ Chris Evans มาแสดงนำ ร่วมกับทีมนักแสดงหลากเชื้อชาติ แถมในไม่กี่ปีถัดมา มันก็ถูกสร้างอีกครั้งในรูปแบบซีรีส์ที่ฉายทางทีวีและออนไลน์
- Snowpiercer (2013)
- ซีรีส์ Snowpiercer (2020-)
Blade Runner | เบลด รันเนอร์
ก่อนการมาของ ‘เบลด รันเนอร์ 2049’ นั้น ริดลีย์ สก็อตต์ ก็เคยสร้างหนังสไตล์ไซเบอร์พังก์ที่ล้ำเกินยุคสมัยอย่าง ‘เบลด รันเนอร์’ ขึ้นมาในปี 1982 หนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายของ Philip K. Dick ที่เล่าเรื่องของโลกตอนต้นศตวรรษที่ 21 เมื่อ ไทเรลล์ คอร์ปอเรชั่น ได้คิดค้นสร้างหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์รุ่นเน็กซัส 6 ขึ้นมา เกิดเหตุจลาจลนองเลือดบนอาณานิคมนอกโลก พวกเน็กซัส 6 ถูกห้ามกลับโลก ฝ่าฝืนคือตายสถานเดียว และหน่วยตำรวจพิเศษ เบลด รันเนอร์ คือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้กำจัดพวกมันทันทีที่พบพวกมันเล็ดรอดเข้ามา
เมื่อผ่านมาถึงปี 2017 ริดลีย์ หยิบมันขึ้นมาปัดฝุ่นอีกครั้ง คราวนี้ เขาย้ายตัวเองขึ้นไปอำนวยการผลิต และส่งไม้ต่อให้ Denis Villeneuve มากำกับ ถ้าใครเพิ่งมาภาคนี้ก็อย่าลืมกลับไปดูภาคต้นก่อนเน้อ
- Blade Runner (1982)
- Blade Runner 2049 (2017)
The Matrix | เดอะเมทริกซ์
ผลงานของสองพี่น้อง Andi Wachowski และ Larry Wachowski ภาพยนตร์ที่อยู่ในความทรงจำของผู้คน ทั้งช็อตที่ถูกแชร์ครั้งแล้วครั้งเล่า หลายคนคงได้รับชมมาแล้วหลายหน ทั้งยังเป็นหนังที่ทำให้ชื่อของ คีอานู รีฟส์ สถิตย์อยู่ในหัวใจของผู้คนทั่วโลก เรื่องราวของโลกอนาคตที่เกิดสงครามระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร เรื่องราวของเมือง Zion ที่อยู่ใต้ดินแหล่งสุดท้ายของมนุษย์บนโลก เรื่องราวของมนุษย์กลุ่มที่พยายามจะปลดแอกมนุษยชาติจากเหล่าจักรกล และเรื่องราวตำนานผู้ปลดปล่อยนามนีโอ หนังบนจอยักษ์สามภาคที่ลือลั่นด้วยฉากแอคชันมันหยด และกำลังจะกลับมาด้วยภาคที่สี่
ได้ดูกันครบหรือยังนะทุกคน?
- The Matrix (1999)
- The Animatrix (2003)
- The Matrix Reloaded (2003)
- The Matrix Revolutions (2003)
- The Matrix Resurrections (2021)
เอาจริงๆ หนังที่เล่าเรื่องของโลกดิสโทเปียมันไม่ได้มีเพียงเท่านี้หรอก มันยังมีอีกมากมายที่หยิบมาเขียนกันได้ยาวจนตาลายเลยแหละ นี่ก็ยังขาดไปอีกหลายเรื่องที่ได้ดู ไม่ว่าจะเป็น ‘Mortal Engines สมรภูมิล่าเมือง’, ‘City of Ember’, ‘Minority Report’, ‘Upside Down’, ‘The Giver’ และ ‘I, Robot’ เป็นต้น