เพราะการทำประกันนั้นอาจจะมีคำศัพท์มากมายที่หลาย ๆ คนอาจจะไม่เข้าใจเท่าไหร่ อย่างคำว่า OPD และ IPD คือหนึ่งในศัพท์ที่อาจจะทำให้เกิดข้อสงสัยหรือเกิดความสับสนกันได้ วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่า OPD และ IPD คืออะไร ย่อมาจากอะไร และสำคัญอย่างไรกับการเลือกแผนประกัน
OPD คืออะไร?
OPD ย่อมาจาก Out-Patient-Department ที่หมายถึงผู้ป่วยนอกนั่นเอง ซึ่งในทางการแพทย์ ผู้ช่วยนอกหรือ OPD ก็คือผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษาโดยไม่จำเป็นต้องนอนพักในโรงพยาบาลนั่นเอง อย่างเช่นการที่เกิดอุบัติเหตุหกล้ม มีแผนถลอก ขาแพลง ปวดท้อง ปวดหัว เป็นไข้ แล้วเข้าไปรับการวินิจฉัยและรักษาจากแพทย์เพียงเวลาสั้น ๆ ไม่ได้นอนพัก รับยาแล้วกลับบ้าน นี่คือ OPD นั่นเอง
ซึ่งในการทำประกันสุขภาพนั้น ผู้ทำประกันสามารถเลือกที่จะทำประกันที่ครอบคลุมการรักษาแบบ OPD อย่างเดียวก็ได้ ซึ่งจะเหมาะกับผู้ที่มีอาการป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ บ่อย ไปหาหมอค่อนข้างบ่อยเกี่ยวกับอาการป่วยทั่ว ๆ ไป เพราะการทำประกันที่ครอบคลุม OPD นั้นจะทำให้ผู้เอาประกันไปรับการรักษาแบบผู้ป่วยนอกได้โดยไม่ต้องสำรองจ่ายด้วยตัวเองก่อน ซึ่งรวมไปถึงค่าปรึกษาแพทย์ ค่ายา ค่ารักษาพยาบาลต่าง ๆ
IPD คืออะไร?
IPD คือคำย่อของ In-Patient-Department ซึ่งหมายถึงผู้ป่วยใน ซึ่งในทางการแพทย์แล้วจะใช้เรียกผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 6 ชั่วโมงในสถานพยาบาล ซึ่งนับรวมกับการ Admit หรือการเข้ารับการรักษาแบบฉุกเฉินด้วยเช่นกัน อย่างเช่นผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บรุนแรง หรือต้องเข้ารับการผ่าตัด และต้องนอนพักที่โรงพยาบาล ก็จะเรียกว่าเป็นผู้ป่วยใน ซึ่งการทำประกับที่ครอบคลุม IPD จะช่วยรับผิดชอบในเรื่องของค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลและค่าห้องพักอีกด้วย
ดังนั้นการทำประกันสุขภาพที่ครอบคลุม IPD ก็มักจะเหมาะกับผู้ที่มีอาการเสี่ยงเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลเป็นเวลานาน หรือเสี่ยงต่อการแอดมิทนั่นเอง
เหตุผลที่เราควรรู้ว่า OPD และ IPD คืออะไร
- เพราะเมื่อซื้อประกันสุขภาพ จะต้องเลือกประกันที่เหมาะกับสุขภาพของตนเอง อาจจะเลือกซื้อประกันที่ครอบคลุมอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเลือกแบบที่คุ้มครองการรักษาทั้ง 2 แบบก็ได้ตามความต้องการ
- เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจดูเมื่อซื้อประกัน หลาย ๆ คนคิดว่าการมีประกันสุขภาพนั้น จะซื้อแบบไหนก็คุ้มครองเหมือนกันหมด ทั้ง ๆ ที่ความจริงคือจะมีความแตกต่างของ OPD และ IPD อยู่ รวมถึงเรื่องของวงเงินคุ้มครองอีกด้วย
- เพราะต้องดูว่าทางบริษัทประกันนั้นให้ความคุ้มครองอย่างไร? สำรองจ่ายอย่างไร เจ้ารับการรักษาแบบใด ที่ไหนได้บ้าง เพื่อให้ผู้ประกันได้ประโยชน์สูงสุด
รู้ข้อมูลไปแล้วว่า OPD และ IPD คืออะไร ก็น่าจะทำให้การเลือกซื้อประกันสุขภาพของทุกคนเป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้น หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับเงื่อนไขต่าง ๆ ก็อย่าลืมสอบถามทางบริษัทประกันให้ชัดเจนเกี่ยวกับการรักษาทั้งแบบ OPD และ IPD เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการทำประกัน!