ในยุคสมัยที่ค่าครองชีพพุ่งสูง ค่ารักษาพยาบาลก็มีราคาแพงขึ้นทุกวัน การมีประกันสุขภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน โดยเฉพาะประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก (OPD) ที่คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแบบไม่ต้องนอนโรงพยาบาล บทความนี้จะมาช่วยให้คุณเข้าใจประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก OPD เลือกแบบที่เหมาะกับตัวเอง และตัดสินใจซื้อได้อย่างมั่นใจ
ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก OPD คืออะไร?
ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก OPD ย่อมาจาก Outpatient Department Coverage เป็นประเภทหนึ่งของประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแบบไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เช่น ค่าตรวจ ค่าหมอ ค่ายา ค่าวัคซีน ค่ากายภาพบำบัด ฯลฯ
ประเภทของประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก
ประกัน OPD มี 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
- ประกัน OPD แบบเหมาจ่าย : เบี้ยประกันจะจ่ายเป็นจำนวนเงินก้อน วงเงินคุ้มครองต่อปี
- เหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มครองสูง ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกินวงเงิน
- ตัวอย่างบริษัทที่ขายประกัน OPD แบบเหมาจ่าย เช่น เมืองไทยประกันภัย, สหประกันภัย, เอไอเอ ประกันชีวิต
- ประกัน OPD แบบแยกค่าใช้จ่าย : เบี้ยประกันจะจ่ายตามจริง วงเงินคุ้มครองต่อครั้ง
- เหมาะกับคนที่ต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกัน และคาดว่าจะไม่ค่อยป่วยบ่อย
- ตัวอย่างบริษัทที่ขายประกัน OPD แบบแยกค่าใช้จ่าย เช่น กรุงศรีประกันภัย, ทิพยประกันภัย, FWD ประกันชีวิต
ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก (OPD) เลือกแบบไหนดี ?
สำหรับคนที่มองหาประกันสุขภาพผู้ป่วยนอกที่เหมาะสม ต้องพิจารณาปัจจัยหลายประการเพื่อให้แผนประกันตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุด เช่น ความครอบคลุมของแผน ผลประโยชน์ที่ได้รับ เบี้ยประกันที่เสียต่อปี และข้อจำกัดของแผนประกัน เป็นต้น
ความครอบคลุมของแผนประกัน
ประเด็นสำคัญประการแรกที่ต้องพิจารณาคือความครอบคลุมของแผนประกัน โดยทั่วไปแล้ว แผนประกันสุขภาพผู้ป่วยนอกจะครอบคลุมการตรวจรักษาโรคทั่วไป การตรวจสุขภาพประจำปี การรักษาโรคประจำตัว ฉีดวัคซีนป้องกันโรค และการรักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ ซึ่งแผนมาตรฐานพื้นฐานจะคุ้มครองเฉพาะค่ารักษาพยาบาล ค่าตรวจวินิจฉัย และค่ายา
สามารถเลือกขยายความคุ้มครองเพิ่มเติมตามความเหมาะสม เช่น การรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกทางการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์ทางเลือก ค่าห้องพักพิเศษ ค่าที่พักสำหรับผู้ป่วยและญาติ ค่าบริการรถพยาบาลฉุกเฉิน เป็นต้น แน่นอนว่ายิ่งคุณเพิ่มความคุ้มครองมากเท่าไร เบี้ยประกันก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
ผลประโยชน์จากแผนประกัน
นอกเหนือจากความครอบคลุมแล้ว อีกปัจจัยสำคัญคือผลประโยชน์ที่จะได้รับจากแผนประกันสุขภาพแต่ละแบบ เช่น จำนวนเงินสูงสุดที่บริษัทประกันจะจ่ายให้ต่อปี (ซึ่งบางแผนอาจจำกัดวงเงินสูงสุดสำหรับแต่ละกรณีด้วย) การมีบริการส่วนลดหรือสิทธิพิเศษในการรักษากับสถานพยาบาลคู่สัญญา ความคุ้มครองการรักษาที่ได้มาตรฐานหรือเป็นทางเลือกใหม่ และการบริหารจัดการกรณีโรคร้ายแรง เป็นต้น
การมีแผนประกันสุขภาพผู้ป่วยนอกที่ครอบคลุมทั้งการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์ทางเลือกด้วยนั้นมีประโยชน์มาก เนื่องจากปัจจุบันคนไทยมีแนวโน้มนิยมการดูแลสุขภาพด้วยวิธีการทางเลือกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนวดแผนไทย การฝังเข็ม การรักษาด้วยสมุนไพร หรือโยคะบำบัด
เบี้ยประกันและข้อจำกัด
ปัจจัยสำคัญอีกประการคือเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายต่อปี ถึงแม้ว่าผู้ที่มีรายได้ดีอาจไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากเบี้ยประกันที่สูง แต่สำหรับคนทั่วไปแล้วเบี้ยประกันเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึง จึงต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความครอบคลุมที่คุณต้องการกับเบี้ยประกันที่จ่ายได้
นอกจากนี้ ยังต้องสังเกตข้อจำกัดของแผนประกัน เช่น ระยะเวลารอคอย (ที่บางโรคต้องรอระยะหนึ่งก่อนจึงจะได้รับการคุ้มครอง) การไม่คุ้มครองโรคหรือภาวะก่อนเอาประกัน อายุงวดสูงสุด และเงื่อนไขการต่ออายุกรมธรรรม์
การเลือกประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก OPD ที่เหมาะนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการ เบี้ยประกัน และความคุ้มครอง เปรียบเทียบข้อมูลจากหลายๆ บริษัท เลือกที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ