เที่ยวแม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่ ปลายๆ ปี – ตอนที่ 2 แม่ฮ่องสอน

รถยนต์สองคันวิ่งตามกันมาจาก “ปางอุ๋ง” ที่พวกเรานอนที่นั่นมา 1 คืน ขับมาตามเส้นทางที่คดเคี้ยวขึ้นลงตามสภาพของทางบนภูเขา เลี้ยวซ้ายตรงแยกๆ หนึ่ง สู่เส้นที่จะเข้าไปยังหมู่บ้านรักไทย หมู่บ้านของคนจีนยูนนานที่มีทิวทัศน์สวยงามและมักเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมาเยือนอยู่เนืองๆ

หมู่บ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน

ทิวทัศน์ที่สวยงาม หมู่บ้านที่ตั้งกันอยู่หน้าเชิงเขา อีกด้านเป็นแหล่งน้ำ กลายเป็นทัศนียภาพที่เหมาะแก่การถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก หากแต่การมาที่นี่ ใช่เพียงมาเก็บภาพเท่านั้น ที่นี่มีทั้งของกินของฝาก ไม่ว่าจะเป็นชา อุปกรณ์เก็บและชงชารูปแบบต่างๆ และยังมีผลไม้อบแห้งหลากชนิดอีกด้วย เมื่อ

เกือบ 10 โมงแล้ว ฝากท้องไว้ที่นี่กันเถอะ

เราแวะร้านชื่อดังอย่าง “ลีไวน์รักไทย” ร้านอาหารริมน้ำบรรยากาศดีที่พร้อมบริการเราด้วยโต๊ะจีนพร้อมเมนูอร่อยมากมาย เหมาะอย่างยิ่งที่เราจะประทังหิวในยามเช้าเอาไว้

เสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2554

อาหารเมนูสำคัญที่พลาดกันไม่ได้ก็คงเป็น “ขาหมู – หมั่นโถว” ขาหมูชามใหญ่ๆ ตุ๋นมาเนื้อนุ่มๆ อย่างดี กับหมั่นโถวที่หน้าตาคล้ายครัวซอง เมนูอื่นๆ ที่สั่งมาก็เช่น น้ำซุป (ใส่ลูกชิ้นและเต้าหู้), ก้านเห็ดทอด, หมูผัดกิมจิ, ยำใบชา และที่ไม่พลาดก็คือ การชิมชาในแบบยูนนาน เราเลือกสั่งชามา 2 ชนิด รสชาติแตกต่างกันออกไป แต่ถ้าไม่ชิมต่อกัน ผู้อ่อนด้อยในด้านการชิมชาอย่างเราก็คงจะแยกมิออก

ลีไวน์รักไทย แม่ฮ่องสอน

11.40 น.

อิ่มหนำกันแล้ว เวลาที่เหลือก็เก็บไว้สำหรับการช้อปปิ้ง ก่อนจะเดินทางกลับลงมายังตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งเหลือระยะทางอีกไม่ไกลนัก แวะร้านกาแฟน่ารักๆ ร้านหนึ่งข้างทาง นาม “Coffee Camp” ตกแต่งไว้สวยงามร่มรืนน่านั่งพัก ทว่า คาปูชิโน่ที่สั่งไปช่างหวานนัก ชิมได้ไม่นานก็ต้องทิ้งเสียแล้ว

Coffee Camp

เครื่องนำทางอย่างเนวิเกเตอร์ช่วยเราได้สองอย่าง ช่วยให้เจอหนทาง กับ ช่วยให้หลง

12.45 น.

แต่ถึงอย่างไร เราก็ขับรถมาถึง “ภูโคลนคันทรีคลับ” จนได้ จุดหมายแห่งนี้เป็นเหมือนศูนย์ดูแลความงามแบบธรรมชาติ มีบ่อโคลนภูเขาไฟที่เขาว่ามีสรรพคุณในการชำระล้างผิวพรรณ บริการที่ก๊วนของเราเลือกใช้ก็คือการพอกหน้าด้วยโคลนและแช่น้ำแร่ ทั้งสองบริการใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้นก็เสร็จเรียบร้อย

เพื่อนๆ หลายคนพอกหน้าด้วยโคลนสีดำ แล้วเดินมาแช่น้ำแร่ที่อุณหภูมิสูงพอประมาณ นั่งแช่จากช่วงแรกที่เอาเท้าจุ่มลงไปในน้ำ ร้อนมาก แต่เมื่อแช่นิ่งๆ อยู่อย่างนั้น ความรู้สึกร้อนก็จะหายไป จนกว่าจะขยับเท้าไปมามันถึงได้ร้อนใหม่ สักพักก็เริ่มเห็นโคลนบนหน้าของเพื่อนๆ เริ่มแห้ง หน้าเริ่มตึงแต่ยังพยายามจะพูดคุยเฮฮาอยู่ ในที่สุด ทุกอย่างก็ผ่านพ้น ทุกคนบอกว่า หน้าดูใสขึ้น ก็เป็นไปตามนั้น บางคนยังซื้อโคลนกลับมาอีกด้วย

แล้วพวกเราก็สะลึมสะลือในรถอีกครั้ง

17.10 น.

หลังจัดแจงเช็กอินที่ “The Imperial Resort Mae Hong Son” โรงแรมที่เราจะพักกันในคืนนี้ แล้วก็จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้า ปลุกตัวเองให้ตื่นอีกครั้ง พาหนะคันเดิมของเพื่อนรักพาเรามาถึงอีกจุดหมาย พระธาตุสวยงามมีชื่อที่ตั้งอยู่บนเขา นามนั้นคือ “วัดพระธาตุดอยกองมู” ทางทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ที่นี่ผู้คนมาเดินวนรอบพระธาตุเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ผมเดินดูรอบๆ พบว่ามีหลายจุดให้ถ่ายรูปเหมือนกันนะ แต่อย่างไรก็ตาม ภาพของพระธาตุคือภาพที่ถ่ายได้สวยสุดในบรรดามุมทั้งหมด

วัดพระธาตุดอยกองมู แม่ฮ่องสอน

แต่เรายังไม่ลืมภารกิจสำคัญที่ตั้งใจไว้ก่อนขึ้นมาที่นี่…

เดินกันไปอีกฟากหนึ่งที่เป็นลานจอดรถ ที่นั้นมีร้านกาแฟและร้านขายของที่ระลึกเล็ก ที่เขาว่าเป็นจุดที่ถ่ายพระอาทิตย์ตกดินได้สวยที่สุดในแม่ฮ่องสอน ร้าน “ก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา” และร้าน “ความทรงจำ แม่ฮ่องสอน”

ทิวทัศน์ยามตะวันลับเหลื่อมเขา ณ ก่อนตะวันลับแนวเหลี่ยมภูผา แม่ฮ่องสอน

ร้านแรก สั่งกาแฟมาทานกันแล้วมานั่งที่ริมระเบียง ถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินด้วยฝีมือที่ไม่ค่อยจะมี ร้านที่สอง เดินเข้าไปสองรอบสามรอบ ไม่รู้จะซื้ออะไรดี สุดท้ายก็ได้หนังสือ “Go Easy แม่ฮ่องสอน” เล่มละร้อยมาเล่มนึง

18.30 น.

ในที่สุด เราก็ลงมาถึงพื้นดิน บริเวณตัวเมืองแม่ฮ่องสอน คราวนี้ได้ที่ Google Maps ใน iPhone 4 จะออกโรงบ้าง ในที่สุดมันก็หาทางช่วยให้ทุกคนมาจอดที่ “วัดจองคำ” ได้สำเร็จ ที่นี่วัดสองวัดอยู่ติดกันอย่างไม่น่าเชื่อ ข้างๆ ยังมี “วัดจองกลาง” บริเวณมีทั้งถนนคนเดินที่ไม่ยาวนัก และมีหนองจองคำ เป็นสวนสาธารณะในเมือง

วัดจองคำ-วัดจองกลาง แม่ฮ่องสอน

เจดีย์วัดทุกวัดที่นี่มีรูปร่างเดียวกันหมด คาดว่าจะเป็นศิลปะแบบไทยใหญ่ ซึ่งแตกต่างจากจังหวัดในแถบตอนบนของภาคเหนือจะเป็นศิลปะแบบล้านนาเสียหมด เมื่อมองดูเจดีย์ยามค่ำคืนที่ถูกประดับประดาด้วยไฟ สวยแปลกตาไปอีกแบบหนึ่ง

ช่วงค่ำหลังจากเดินมาสุดทาง ก็ได้เวลาทานมื้อค่ำ ที่นี่มีทั้งผัดไทกุ้งสด ข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง อาหารตามสั่ง แล้วแต่ใครจะทาน

สุดท้าย เราก็เดินกลับทางเดิมผ่านถนนคนเดินอีกครั้ง เพื่อกลับมาขึ้นรถ ก่อนจะถึงรถเราก็ผ่านวัดจองกลางอีกครั้ง เข้าไปในวัดเพื่อเข้าห้องน้ำ ก็เลยได้พบว่า ที่นี่ โคมที่เขาลอยจะมีพลุอยู่ข้างล่างอีกอัน ซึ่งจะจุดก่อนปล่อยโคมลอยขึ้น อาจมีส่วนช่วยให้โคมลอยขึ้นเร็วและมีสีสันเพิ่มเติมมากกว่าโคมลอยที่เห็นกันทั่วไปก็เป็นได้

ลอยโคมที่วัดจองคำ-วัดจองกลาง แม่ฮ่องสอน

เอาละ คงได้เวลากลับที่พักกันแล้ว ค่ำคืนแรกที่ปางอุ๋ง ค่ำคืนที่สองที่แม่ฮ่องสอน ความสุขกำลังจะผ่านไป เหลืออีกไม่นานแล้ว…

[อ่านตอนต่อไปได้ที่นี่เลยครับ]
Exit mobile version