และแล้ว… ช่วงเวลาแห่งความสุขก็พัดผ่านเราไปอีกครั้งหนึ่ง การเดินทางยาวไกลกับเพื่อนที่รู้จักกันมาเป็นสิบปี สู่ดินแดนทางด้านเหนือของประเทศ นัดหมายกันไว้อย่างหลวมๆ เพราะเดินทางด้วยรถไฟไทย อะไรๆ ก็ต้องเผื่อใจไว้ก่อน เกือบหกโมงเย็น เดินทางไปถึงชุมทางรถไฟบางซื่อ เพื่อรอขบวนสปรินเตอร์ที่จะพาเราไป การเดินทางกำลังจะเริ่มขึ้น ณ บัดนั้น…
นั่งมองดูรางรถไฟ มันเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบ อาจตัดกับรางคู่อื่น แต่มันเคียงไปกับคู่ของมันเสมอๆ ฟ้ามืดลงเรื่อยๆ ใกล้เวลาที่รถไฟขบวนสั้นๆ จากหัวลำโพงจะเดินทางมาถึง มีเพื่อนนั่งรออยู่ข้างๆ หนึ่งคน ก็อีก 3 คนที่อยู่ในขบวนนั้น
แล้วเราก็ได้เจอกันบนรถไฟ
เลทไปเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ก็ทำให้เรา 5 คนได้เจอกัน การเดินทางที่แสนยาวนานทว่าแสนประหยัดเริ่มต้นขึ้น จากนี้ เราจะต้องนั่งๆ นอนๆ บนม้าเหล็กจากกรุงเทพฯ สู่เชียงใหม่ ปัญหาการไม่สามารถนอนหลับบนรถที่กำลังเคลื่อนที่มันกลับมาอีกครั้ง แรงเหวี่ยงของตัวรถที่มากกว่าที่คุ้นเคย เล่นเอานอนไม่หลับไปตลอดทาง เคลิ้มหลับไปเล็กน้อยช่วงรุ่งสางก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
ศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2554
เช้าแล้ว พวกเรา 5 คนมาถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่จนได้ตอนเวลา 8 โมงกว่าๆ ยังไม่ทันได้แปรงฟันล้างหน้าล้างตา พี่ที่เราเช่ารถไว้ก็ขับมาส่ง เอาละได้เวลาไปหาอะไรทานกันก่อน เน้นร้านที่เรามาประจำ “โจ๊กต้นพยอม” หลังมอ ทานทั้งโจ๊ก ทั้งป่อเปี๊ยะ ก่อนจะเดินทางต่อ วันนี้เราจะขึ้นเขาผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยวหลายร้อยโค้งเพื่อไปยังจุดหมายในจังหวัดแม่ฮ่องสอน “ปางอุ๋ง”
เปิดดูรูป “ปาย” ที่เพื่อนส่งมาให้ น่าอิจฉาเพราะเราคงไม่ได้แวะเข้าไปหรอกทริปนี้
ล้อหมุนจากตัวเมืองเชียงใหม่ เลือกทางยอดนิยมของนักเดินทาง มาตามทางหลวงหมายเลข 107 ผ่านตัวอำเภอแม่ริม เลี้ยวซ้ายตรงแยกแม่มาลัยเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1095 หาปั๊มน้ำมันเพื่อจอดแวะพักล้างหน้าแปรงฟัน ณ จุดใดจุดหนึ่งในเส้นทางนั้น ผ่านห้วยน้ำดัง มาจนถึงสะพานข้ามแม้น้ำปายโดยไม่หยุดพัก นัดหมายกับเพื่อนอีกสามที่เขามาเที่ยวปายตั้งแต่คืนก่อนแถวๆ ร้าน “Coffee in Love” ร้านกาแฟมุมสวยข้างทาง
บรรยากาศดีๆ ถ่ายรูปกันเพลิดเพลิน คุยกันเป็นกิจวัตรหลัก กาแฟแค่กิจวัตรเสริม เสร็จแล้ว ผมก็ย้ายตัวเองไปอยู่รถเพื่อนเพื่อเฉลี่ยคนกัน แล้วก็ได้เวลาเดินทางต่อ ต้องทำเวลาให้ไปถึงจุดหมายก่อนค่ำ
รถยนต์สองคันขับตามกันต้อยๆ บนทางที่ขึ้นลงคดเคี้ยว จนต้องพึ่งยาแก้เมารถที่ช่วยให้สะลึมสะลือไปตลอดทาง ผ่านอุทยานแห่งชาติถ้ำปลาช่วง 16.30 น. จึงแวะพักเข้าห้องน้ำแล้วก็มาสั่งอาหารตามสั่งเพื่อประทังหิวกัน ไม่รู้เป็นไร เมนูที่เราสั่งมักมีคนบอกว่าน่ากินเสมอ
แล้วล้อทั้งแปดก็ออกหมุนต่อไป
บนทางที่คดเคี้ยวและลาดชัน ยิ่งผ่านระยะทางไปเท่าไร อากาศก็ยิ่งเย็นลง เช่นเดียวกับความกว้างของถนน เห็นบ้านเรือนผู้คน ไร่นาและสวนที่อยู่บนพื้นที่เอียงๆ จนอดสงสัยมิได้ว่า ชาวบ้านเขาเดินเหินเพื่อปลูกพืชผักบนพื้นที่เอียงเยี่ยงนั้นได้อย่างไร ระยะทางดูช่างแสนยาวไกล มีเสียงหนึ่งที่เริ่มบ่นอยู่ในหัว “ไม่ถึงจุดหมายสักที” ไม่นานเสียงนั้นก็ดังออกมาข้างนอก มันช่างไกลจริงๆ
หกโมงเย็น…
ตะวันคล้อยต่ำไปมากแล้ว รถทั้งสองคันแล่นมาถึงหมู่บ้านรวมไทย เข้าไปจอดในพื้นที่ของวัด ก่อนจะออกมาเดินดูบรรยากาศก่อนแสงสุดท้ายจะลับหาย อากาศหนาวเย็นกว่าในรถมาก ไม่ได้หยิบเสื้อกันหนาวออกมาคลุมกาย เพียงนิดเดียวก็ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำเสียแล้ว เดินไปเก็บภาพได้นิดหน่อยเท่าที่แสงจะอำนวย
พวกเราจะพักกันที่บ้านพักของอุทยานฯ บ้านหลังเล็กๆ ที่ไม่มีห้องน้ำในตัว อยู่ริมอ่างเก็บน้ำ แต่เพื่อนร่วมทางอีกสามจะไปพักในโฮมสเตย์ที่ค่อนข้างใหญ่กว่า และมีห้องน้ำในตัว ทุกคนตกลงกันว่า ต่างคนต่างไปอาบน้ำ(ที่แสนเย็นยะเยือก) แต่งตัวและทุ่มหนึ่งมาเจอกันที่ส่วนร้านข้าวตามสั่ง
บรรยากาศห้องน้ำรวมไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างใด หากน้ำที่เย็นจับใจต่างหากที่ทำเอาต้องกัดฟันอาบให้เสร็จ แล้วก็มานั่งโต๊ะเดียวกัน 8 คนจาก 2 ก๊วน หากทั้งหมดคือเพื่อนกันที่รู้จักกันมานาน จะมีก็แต่น้องสาวของเพื่อนอีกคนที่ติดสอยห้อยตามมา ซึ่งก็เคยไปเที่ยวด้วยกันในทริปเกาะหลีเป๊ะมาแล้วนั่นเอง
อาหารมื้อนั้นอร่อยมาก อร่อยทุกอย่าง ทานหมดแล้วขอสั่งเพิ่มอีก ผนวกเข้ากับน้ำขิงต้มร้อนๆ เป็นค่ำคืนที่มีความสุข หลังอาหารค่ำนั้น ยังไม่หมดเวลาแห่งความสุข พากันเดินไปร้องเพลงเบาๆ กับกีตาร์คลอๆ ที่หน้าบ้านโฮมสเตย์ของเพื่อน จวบจน 4 ทุ่ม ไฟดับหมดทั้งปางอุ๋งถึงได้เลิกราเดินกลับบ้านหลังน้อย ไม่นานก็ได้เวลานิทรา พรุ่งนี้ เราจะตื่นมาพบกับบรรยากาศยามเช้าตรู่ของปางอุ๋ง
เสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2554
เสียงจากบ้านข้างๆ ปลุกให้ตื่นขึ้นก่อนเวลา แล้วผล็อยหลับไปอีกครั้ง ตื่นมาอีกหน ทันเวลาพอดี เดินไปซื้อน้ำเต้าหู้บ้าง กาแฟบ้าง ให้มันอุ่นๆ ยามเช้า ก่อนที่จะเดินไปยังรวมอ่างเก็บน้ำเพื่อรอเวลาตะวันจะโผล่ขึ้นมา จากนั้นจึงเริ่มเก็บภาพ ได้บ้างไม่ได้บ้าง เอาชิลๆ แม้จะไม่ได้ภาพสวยๆ อย่างที่ใครเขาถ่ายกัน ก็พอถูไถ
หลายคนจับจองมุมสวยๆ เพื่อเก็บภาพ แต่ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยมาเก็บกันเพียงชั่วคราวแล้วจากไปให้คนอื่นได้เก็บบ้าง ตะวันลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ ต่างคนต่างอาบน้ำแต่งตัวเก็บกระเป๋าแล้วเดินทางจากปางอุ๋งที่มาเยือนเพียงชั่ววัน
สู่เป้าหมายถัดไป “หมู่บ้านรักไทย”
[อ่านตอนต่อได้ที่นี่ครับ]