เที่ยวหลีเป๊ะ ตอนที่ 2 | ดำน้ำที่ อาดัง-ราวี-หลีเป๊ะ ภาคแรก

จุดดำน้ำ 5 จุด คือ ภารกิจวันนี้ของพวกเรา เกาะหินงาม หาดทรายขาว เกาะราวี หาดหน้าหน่วย

เช้าวันใหม่มาถึงแล้ว…

หลังจากหนังตาอ่อนล้าเกินจะเปิดค้างไว้ได้ต่อไป มันก็ปิดลงจวบจนเช้าวันใหม่ ร่างกายที่อ่อนล้าเพราะพักผ่อนมาน้อย บัดนี้กลับมามีแรงใหม่อีกครั้ง วันนี้ จะเป็นวันที่เราได้เที่ยวหลีเป๊ะ อาดัง ราวี กันแบบจริงๆ จังๆ เสียที เพราะวันนี้ เราจะไปดำน้ำ ดำน้ำ และดำน้ำ… กันอย่างเต็มที่ไปเลย

ภายใน วารินทร์ บีช รีสอร์ท

07.20 น. ของวันที่ 4 เม.ย. 2553

ได้เวลาทานอาหารเช้าที่ วารินทร์ บีช รีสอร์ท บน เกาะหลีเป๊ะ อาหารเช้านานาชาติตั้งวางรอแขกจากหลากหลายกลุ่มที่มาพัก ตักเติมกันจนอิ่มหมีพีมันทานกันไม่หมด ทานเสร็จก็เดินทางกันต่อเลย เรือลำเล็กมารอเราที่ชายหาดเพื่อส่งผู้โดยสารขึ้นเรือเฟอร์รี่ ทริปดำน้ำของจริงกำลังจะเริ่มขึ้น หลังจากซักซ้อมกันเล็กๆ น้อยๆ มาแต่เมื่อเย็นย่ำของวันวาน

จุดดำน้ำ 5 จุด คือ ภารกิจวันนี้ของพวกเรา

เรือเฟอร์รี่พาเราล่องมาตามผืนน้ำกว้างใหญ่ อ้อมเกาะเล็กๆ ที่เราเพิ่งพักมาเมื่อคืน มายังจุดดำน้ำจุดแรก “ด้านหลังของเกาะหินงาม” สิ่งที่เหมือนๆ กันเกือบจะทุกจุดน้ำก็คือ เราจะต้องลงเรือแท็กซี่ซึ่งเป็นเรือยนต์ลำเล็ก เพื่อพาเราไปยังจุดน้ำที่ตื้นกว่า เมื่อเสร็จภารกิจดำน้ำ เรือลำเดิมก็จะมารับเรากลับไปยังเรือเฟอร์รี่อีกครั้ง มีบางจุดเท่านั้น ที่เราจะลงดำจากเรือเฟอร์รี่โดยตรงเลย

จุดดำน้ำ 5 จุด คือ ภารกิจวันนี้ของพวกเรา

เอาล่ะ เรากลับมาที่จุดดำน้ำจุดแรกของเรา “เกาะหินงาม” เป็นชื่อของเกาะที่มีชื่อเสียงเกาะหนึ่งในแถบนี้ เพราะความงามของหินลักษณะกลมมนสีเข้มโดยเฉพาะเมื่อเปียกน้ำ แต่จุดแรกที่เรือจอดนี้ สมาชิกของทริปเพียงบางคนเท่านั้นที่ได้ลงไปสัมผัสกับน้ำ เนื่องจาก แม้น้ำจะเขียวใสน่าว่ายน่าดำดูปะการัง แต่ความที่คลื่นหลังเกาะหินงามนั้นค่อนข้างแรง เลยทำให้ผมกับเพื่อนๆ ไม่มีใครกล้าลง เห็นคลื่นแรงก็คิดว่า ลงไปก็คงโดนคลื่นโยนไปโยนมา ไม่ได้ดูปะการังอย่างสงบ ถามจากไกด์และคนเรือก็บอกเราว่า คลื่นแรงอย่างนี้ปลาก็คงจะไม่ค่อยมี

เลยตัดสินใจนั่งอยู่บนเรือ จุดดำน้ำจุดแรกผ่านไป โดยที่เรายังไม่เปียกกันเลย…


เกาะหินงาม

เรือแท็กซี่พาเราไปยังหน้าเกาะ ความแรงของคลื่นต่างกันอย่างมาก แถวนี้คลื่นสงบ เรือส่งเราที่จุดซึ่งผู้คนอยู่กันหนาแน่น เห็นกองหินที่มีผู้คนจับมาตั้งเป็นกองสูงๆ อยู่กระจายทั่วไป จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตาเมื่อวันวาน ไม่รู้ว่ามีใครอุตริคิดขึ้นมาว่า ใครไปเยือนเกาะแห่งนี้ ให้กองหินได้มากชั้นที่สุดแล้วอธิษฐาน สิ่งที่หวังจะเป็นจริง คำอุตริขจรขจายไปในหมู่นักท่องเที่ยว ตั้งแต่นั้นมา ผู้คนที่ไปเยี่ยมก็ตั้งหน้าตั้งตาตั้งก้อนหินให้ได้สูงที่สุด มากมายจนกลายเป็น “กองขี้หมา” ตั้งกระจายอยู่ทั่วไป

นี่มันทัศนียภาพอันน่าดูชมกระนั้นหรือ?

หินงามๆ ที่เกาะหินงาม

หินเหล่านี้มีพิเศษเฉพาะบนเกาะหินงามเท่านั้น กาลเวลาและกระแสน้ำที่พัดแลกัดเซาะจนหินกลายเป็นก้อนกลมมน อีกทั้งยังมันวาวเป็นประกายเมื่อเปียกน้ำภายใต้แสงอาทิตย์ แต่บัดนี้ กลายเป็นกองขี้หมา…. หุหุ

เสร็จจากจุดแรก พวกเราก็ขึ้นเรือลำเล็กไปเรือลำใหญ่ แล้วมุ่งไปสู่จุดที่สอง


หาดทรายขาว เกาะราวี

เรือเฟอร์รี่นำเรามาอีกไม่ไกลนัก ทั้งนี้ก็คงเพราะแต่ละจุดนั้นไม่ได้อยู่ห่างไกลกันมากนักนั่นเอง เรือมาจอดลอยลำอยู่ที่หน้า “หาดทรายขาว เกาะราวี” เกาะที่มีขนาดใหญ่และมีชายหาดสีขาวที่สวยงาม เมื่อรวมเข้ากับต้นไม้เขียว น้ำใสๆ เขียวมรกต นี่คือทัศนียภาพของเกาะสวรรค์ที่ถูกค้นพบแล้ว

พวกเรามีเวลาอยู่ที่เกาะนี้เป็นเวลานานพอสมควร ไปถึงสิบเอ็ดโมงกว่าๆ และอยู่บนเกาะได้จนถึงบ่ายสอง พักผ่อน ทานข้าว ดำน้ำ และอื่นๆ กันได้ตามอัธยาศัย ขอเพียงไม่ทำลายธรรมชาติก็พอแล้ว

จุดดำน้ำมีขอบเขตกว้างตามแนวชายหาด พวกเราลงดำที่นี่เป็นที่แรก แต่ละจุดก็มีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป น้ำลึกพอสมควรขาหยั่งไม่ถึง แต่การที่ดำกันเป็นหมู่ก็ทำให้เริ่มมั่นใจในการดำน้ำแบบสนอร์เกิลมากยิ่งขึ้นสำหรับคนที่ว่ายไม่ค่อยจะเป็น ดำเสร็จก็ขึ้นมาทานข้าว พบว่า ทีมงานมีฝีมือในการจัดแต่งแตงโม และโดยเฉพาะสับปะรดอย่างมาก อย่างหลังนี่ต้องขอบอกว่า สับปะรดที่ใต้นี่อร่อยจริงๆ ไม่เปรี้ยวจนเข็ดฟัน แต่มีความหวานปนจนอร่อยกลมกล่อม น่าซื้อกลับไปฝาก (ถ้าไม่ห่วงว่าจะขนไม่ไหว) นอกเหนือจากอาหารของทัวร์ ก็ยังมีอาหารและขนมท้องถิ่นที่มีคนนำมาขายด้วย

บนเกาะมีทั้งห้องน้ำเตรียมไว้ให้ปลดทุกข์ จุดอาบน้ำจืดที่ต่อท่อมาจากน้ำตก จุดถ่ายรูปกับขอนและต้นไม้ที่ทอดลงไปในทะเล รวมทั้งชิงช้าที่มีผู้ไปใช้บริการและถ่ายรูปกันไม่หยุดหย่อน

หาดทรายขาว เกาะราวี

หลังจากถ่ายรูปกันสนุกสนานเก็บหมดทุกช็อต ก็ได้เวลาลงดำเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะกลับไปขึ้นเรืออีกครั้ง

หาดทรายขาว เกาะราวี

ไม่นานเราก็เดินทางมาถึงจุดดำน้ำจุดที่สาม คราวนี้ เราลงน้ำจากเรือเฟอร์รี่กันเลย จุดที่สามคราวนี้เป็น…


หาดหน้าหน่วย

เท่าที่รู้ ที่หาดนี้ได้ชื่อนี้ก็เพราะเป็นหาดที่อยู่หน้าหน่วยงานอุทยานฯ นั่นเอง เป็นอ่าวที่กว้างพอสมควร เราถูกปล่อยลงน้ำ และบอกให้ว่ายไปตามกระแสน้ำจนถึงเรือสีขาวที่ขอบอ่าว นั่นไกลพอสมควรทีเดียวนะนั่น แต่ก็พบว่า ที่นี่อุดมด้วยปะการังน้ำตื้นค่อนข้างสมบูรณ์ มีปลานานาชนิดเวียนวนทั้งรอบตัวและเบื้องล่าง ด้วยความที่ว่ายไม่ค่อยจะไปไหน จึงต้องให้ครูฝึกมาช่วย แถมครูยังดิ่งลงไปเก็บปลาดาวขึ้นมาให้ดูตั้งสองตัวแน่ะ ได้จับปลาดาวตัวเป็นๆ กันก็คราวนี้ สองตัวคนละสีกันเลย ได้จับกันจนพอใจ ก่อนที่มันจะถูกปล่อยกลับลงพื้นทรายใต้ท้องทะเลอีกครั้ง

บางจุดมีกัลปังหาแทรกๆ อยู่เป็นกลุ่ม มีอยู่จุดหนึ่งที่ปะการังก้อนใหญ่และก่อตัวขึ้นมาเกือบถึงผิวน้ำ ต้องคอยว่ายอย่างระวังเพราะไม่อยากจะถูกมัน สีทึมๆ ของมันดูน่ากลัวมากกว่าน่าจับเมื่อมันมาอยู่ใกล้ๆ

ในที่สุด เรือก็ขยับมารับจนได้ หลังจากกลุ่มของเราไม่ไปถึงไหนสักที ขึ้นเรือได้ก็มุ่งต่อยังจุดต่อไป

แต่คงต้องรออีกตอนแล้วกันนะ….


เพิ่มเติม: จองที่พักราคาถูกบนเกาะหลีเป๊ะ

Exit mobile version