หลังจากเริ่มต้น เล่าเรื่องลาวไป 2 ตอน ดูจะได้รับฟีดแบ็คมาพอสมควร แม้จะหายหน้าไปต่างจังหวัดมาหลายวัน ตอนนี้ได้เวลา เล่าเรื่องลาวของหมูกะหมาต่อแล้วสินะ
หลังจากเที่ยววัดสีสะเกด วัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบขอมๆ กันไปแล้ว หมูกะหมาก็นั่งรถสัญชาติเกาหลีคันเดิมมาถึง “ร้านจินตะนา หัดถะกำ” เพื่อช้อปปิ้ง ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก ไปกับทัวร์ มิพักต้องห่วงเรื่องช้อป เพราะท่านต้องได้แวะเป็นเรื่องปกติ ส่วนเห็นของกับราคาแล้วจะอยากซื้อหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง
อย่าถามหมาเรื่องช้อปปิ้ง …เพราะหมาไม่ถนัด
แล้วเราก็ไปต่อ
23.12.2008
เวลา 10.40 น.
มาถึงแล้ว “ประตูไช” (ประตูชัย) ประตูที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์กแห่งหนึ่งของลาว เมื่อฝรั่งเศสเคยครอบครองลาวอยู่ช่วงหนึ่ง ฝรั่งเศสมีประตูชัย ลาวก็เลยต้องมีประตูไช แต่ของลาวจะมีลักษณะที่อวบอ้วนกว่า
ด้วยเวลาที่ไกด์ให้มาไม่มากนัก จึงตัดสินใจไม่เสียตังค์และขึ้นไปข้างบน ที่เขาว่าจะเห็นทิวทัศน์ของเวียงจันทน์อันสวยงามเลยเชียว
ใกล้ๆ กับประตูไช จะมีน้ำพุขนาดใหญ่ แต่เขาไม่เปิดในช่วงที่เราไปเที่ยวชม ข้อมูลว่า จะเปิดให้ชมในเวลา 11 โมงเช้าและ 5 โมงเย็น (17 โมงแลง) เท่านั้น อดไป
เวลา 11.20 น.
คณะของเรา ถึงคราแยกเป็น 2 เหล่า หมา หมู และคณะถือเป็นเหล่าสอง เดินทางมาถึง “สนามบินวัดไต” สนามบินหลักในนครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อมาทานอาหารกัน ขณะที่เหล่าแรกล่วงหน้าไปหลวงพะบางเสียก่อนแล้ว อดเที่ยวหลายๆ ที่และแวะชิมอันอาหารหลากชนิดแสนโอชาอย่างพวกเรา
ที่นี่ เราได้มีช่วงเวลาพักกัน ด้วยเพราะเครื่องบินที่จะนำเราไปนั้น เป็นเครื่องบินขนาดเล็ก มิสามารถพาคนทั้งคณะใหญ่ไปพร้อมกันได้ การได้อยู่ในเหล่านี้ พวกเีราแสนปรีดา กับอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ของ WestCoast Restaurant ที่มีหลากชาติทั้งไทย ลาว จีน ญี่ปุ่น ฝรั่ง ทั้งคาว หวาน ขนม เบียร์ ไวน์ ล้วนแต่อร่อยลิ้นทั้งสิ้น ใส่ท้องกันจนพุงกางไปเลยเชียว
ที่นี่มีภาษาลาวให้อ่านกันเพลินๆ หลายจุด ได้พบเห็นคำเรียกที่ผิดแผกแตกต่างไปจากบ้านเราอยู่หลายคำ เด่นๆ ก็อย่างเช่น “ห้องวีไอพี” ของลาวจะเรียก “ห้องเกียดติยด” (ห้องเกียรติยศ)
แล้วเราก็ได้รู้ว่า ต้องขนกระเป๋ากันอีกครั้ง เพราะที่เราอยู่นี่ มันเป็นส่วน “ผู้โดยสานขาออก สายต่างปะเทด” พวกเราต่างขนและเข็นกระเป๋าของตัวเองไปยังอีกอาคารที่อยู่ข้างๆ กัน นำกระเป๋าไปโหลด แล้วไปนั่งรอ
นั่งดูตั๋วเครื่องบิน เราเป็นผู้โดยสารชั้นประหยัด ที่จะเดินทางจาก นครหลวงเวียงจันทน์ ไปยัง หลวงพะบาง เที่ยวบิน QV105 เวลา 13.10 น.
ลาวจะเรียก “บัตร” หรือ “ตั๋ว” ว่า “ปี้” คำนี้ เลยกลายเป็นมุขฮาๆ ของไกด์กันไป
เป็นครั้งแรกของการนั่งเครื่องบินของหมาน้อย ที่เดินเท้าบนลานปูนไปขึ้นเครื่องบิน แถมยังถ่ายรูปกับเครื่องบินก่อนขึ้นเสียด้วย จากภาพคงเห็นได้ว่า เครื่องบินของเราเป็นของสายการบินลาว (Lao Airlines) เป็นเครื่องบินขนาดเล็ก มีใบพัด 2 ตัวที่ปีกแต่ละข้าง มีพนักงานแอร์โอสเตส ที่ลาวเรียก “นางอากาด” หรือ “โอแตส” มาดูแลเราประมาณ 2 คน
ภายในเครื่องหนึ่งแถวมี 4 ที่นั่ง แบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 2 ที่นั่ง มีประมาณ 25-30 แถว มีหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษขนาดแท็บลอยด์ให้อ่าน 1 หัว ชื่อ Vientaine Times หมูกะหมาได้นั่งตรงใบพักฝั่งขวาพอดี เสียงเครื่องยนต์ค่อนข้างดังมาก ระหว่างเครื่องกำลังจะบินขึ้น เหล่านางอากาดสาธิตการใช้งานเครื่องมือต่างๆ ประกอบเสียงบรรยายภาษาลาว
ด้วยความที่ไม่ค่อยได้เดินทางโดยเครื่องบินเท่าไหร่นัก และไม่เคยได้นั่งเครื่องบินลำเล็กขนาดนี้ เครื่องขยับเล็กน้อยก็รู้สึกได้แล้ว จึงอาศัยช่วงนั้น ถ่ายภาพที่เห็นจากหน้าต่างเป็นระยะๆ ตั้งแต่ขึ้นจนไต่ระดับไปอยู่เหนือเมฆ และลดระดับลงมาถึงเมื่อจะแลนดิ้งลงสนามบินหลวงพะบาง
เวลาเพียงสั้นๆ ไม่ถึง 40 นาที เราก็มาถึงหลวงพะบางเรียบร้อยแล้ว…
มาถึงแล้ว “หลวงพะบาง/หลวงพระบาง” เมืองมรดกโลก
เรารอกระเป๋าอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะขึ้นรถทัวร์คันย่อมยี่ห้อเดิมแต่คันใหม่ พร้อมได้ไกด์ใหม่นาม “ยุ้ย” แล้วเราก็เที่ยวกันต่อเลย รถพาเรามุ่งสู่ “หมู่บ้านผานม” บนถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่นตลอดทาง ฝุ่นบางส่วนยังเล็ดลอดเข้ามาในรถจนต้องเอาผ้ามาปิดปากปิดจมูกเอาไว้
—————————————
ปล. ข้อเขียนนี้เป็นเพียง การบอกเล่าประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตของการเที่ยวลาวเท่านั้น มิได้เป็นการลบหลู่ดูหมิ่นบ้านเมืองลาวแต่อย่างใดครับ