หมู-หมาเที่ยวลาว พักหนาว พักใจ ตอนที่ 2 : เวียงจันทน์

เริ่มต้นทริปลาวกันเสียที รถเกาหลีคันนั้น มุ่งหน้าพาหมูกะหมาตัวน้อยไปกับกรุ๊ปทัวร์กลุ่มนี้ อย่างที่รู้กัน เมื่อเราไปกับกรุ๊ปทัวร์ สิ่งที่เราทำได้ก็คือ ซึมซับเรื่องราวจากที่ที่เราไปให้มากที่สุด ไม่สามารถจะเติมเต็มสัมผัสได้มากเท่าที่ต้องการ แต่ข้อดีของการมากับทัวร์ ก็คือ เราไม่ต้องไปหาข้อมูลมากมายว่าจะไปเที่ยวไหนดี (เพราะมีคนเลือกมาให้แล้ว) จะไปยังไง (เพราะมีคนพาไป) ไม่ต้องจัดการอะไรเอง (เพราะมีคนจัดการให้ตลอด) แต่สิ่งที่ได้กลับมาแทน ก็คือ การรีบๆ รนๆ แล้วไม่เต็มอิ่มกับแต่ละที่ที่ไป

ยังไงก็ตาม การไปกับทัวร์ก็ยังเหมาะกับการไปเยือนลาวครั้งแรกอยู่ดี

———————–

23.12.2008
เวลา 08.50 น.

รถทัวร์สัญชาติเกาหลีพาหมูกะหมามาถึงที่แรก เป็น “วัดสีเมือง” (ถ้าเขียนแบบไทย คงเป็น “วัดศรีเมือง” อะแหละ) วัดที่ผมจำเรื่องราวประวัติความเป็นมาไม่ได้เท่าไหร่ แต่ก็เป็นวัดที่มีตำนานเหมือนกัน วัดนี้มีนกตระกูลแร้งอยู่ตัวหนึ่ง ที่เฝ้าอยู่บนกำแพงอิฐมานานไม่ไปไหน ซึ่งเกี่ยวข้องกับตำนานที่หมาน้อยจำไม่ได้อยู่

ในวันนั้น หมาน้อยกะเอาไว้ว่า จะต้องถ่ายรูปทุกๆ ที่ทุกๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของมันให้ได้ ด้วยเพราะโอกาสที่จะมาเยือนที่นี่คงไม่ได้มีบ่อยๆ หมาน้อยไม่ค่อยมีโอกาสได้จดบันทึกอะไร หนทางที่มันจะเก็บเกี่ยวความทรงจำไว้ก็คงเป็นภาพถ่ายนี่แหละ

หมูกะหมา ทำบุญและกราบไหว้พระประธานในวัด ก่อนจะมาอธิษฐานขอพรและยกพระร่วมกัน ชาวลาวเชื่อกันว่า ถ้ายกขึ้น พรใดที่ขอไว้จะเป็นจริง หมูกะหมายกพระร่วมกัน ยกขึ้นไม่เป็นปัญหา ส่วนหมูก็เสี่ยงเซียมซีไป

เรากลับออกมาจากเขตวัด พบกับรถสกายแล็ป เห็นแล้วอยากขึ้นแต่ก็ยังไม่ถึงเวลา (ได้ขึ้นแน่นอน แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้) สังเกตที่ป้ายทะเบียนรถ จะพบว่า ป้ายทะเบียนไม่ได้ระบุว่าเป็น เวียงจันทน์ ไกด์บอกว่า เดิมเมืองนี้ไม่ได้ชื่อนี้ แต่เคยมีชื่อว่า “กำแพงนะคอน” (กำแพงนคร) จึงมักเห็นป้ายทะเีบียนระบุได้ดังในรูป

ที่นี่ ทุกคนได้ฝึกข้ามถนนกันเป็นครั้งแรก เกือบจะโดน “ลดตำ” ไปเหมือนกัน เพราะดันไปมองผิดข้าง

————————

เวลา 09.24 น.

รถพาเรามาส่งที่ “หอพะแก้ว” ก่อสร้างโดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช เพื่อให้เป็นที่ประดิษฐานของ “พระแก้วมรกต” ที่ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระแก้ว ประเทศเกิดของหมาน้อยนั่นเอง หอพะแก้ว ในปัจจุบัน จึงเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ย่อยๆ ที่รวบรวมบรรดาพระพุทธรูปและวัตถุที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ลาวต่างๆ? ด้านในหอถูกห้ามรูปและวิดีโอด้วยประการทั้งปวง แต่ภายนอกที่วางพระพุทธรูปปางต่างๆ ในศตวรรษที่ 18 นั่นยังพอถ่ายได้อยู่

หมาน้อยเพิ่งรู้ว่า พระพุทธรูปที่นี่แยกเพศได้ด้วย คือ พระพุทธรูปที่เป็นตัวแทนของเพศชาย กับเพศหญิง ที่จะมีลักษณะแตกต่างกัน คือ เพศชาย จะมีนิ้วมือเท่ากันหมด ขณะที่เพศหญิง จะมีพระหัตถ์เรียว นิ้วยาวไม่เท่ากัน แถมมีนม มีสะดืออีก

พระพุทธรูปที่นี่ จะเป็นปางห้ามญาติเสียส่วนใหญ่ ปางห้ามญาติที่นี่ ก็จะแตกต่างจากของไทยอยู่ตรงที่ ของลาวจะห้ามญาติ 2 มือ ส่วนของไทยจะมือเดียว

———————-

เวลา 09.42 น.

ไม่ใกล้ไม่ไกล จากหอพระแก้ว เราก็มาถึงอีกวัดหนึ่ง วัดนี้ หลายคนที่ดู “สะบายดี หลวงพะบาง” คงคุ้นกันอยู่ไม่น้อย ที่นี่คือ…

“วัดสีสะเกด” หรือ “วัดสะตะละหัสสาราม” หรือ “วัดแสน” เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ และเป็นวัดเดียวในนครเวียงจันทน์ ที่รอดพ้นจากการถูกทำลายของประเทศสยาม ไกด์ตามนว่าอย่างนั้น ฟังดูเหมือนประเทศไทยจะเป็นผู้ร้ายในกรณีนี้ แต่อย่างว่า แต่ละประเทศก็เขียนพงศาวดารเข้าข้างตัวเองกันทั้งนั้น ไกด์เองก็ยังบอกไว้แต่ต้นเลย เหตุที่รอดพ้น น่าจะเกิดจากวัดนี้ มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ใกล้เคียงกับสยามกระมัง

ผมเดินมาถึงบริเวณนี้ ผมนึกภาพในหนังได้ทันที ผมได้มายืนในจุดที่น้อยพาสอนมาเที่ยววัดนี้แล้ว…

[ติดตามตอนต่อไปนะเจ้า]

———

หมายเหตุ : หมาน้อยมีภารกิจด่วน ต้องไปสุรินทร์อีกแล้ว คงต้องหยุดไว้เพียงเท่านี้ก่อน กลับมา จะมาเล่าต่อนะครับ

Exit mobile version