Aana นั้น รู้สึกจะเป็นภาษาอินเดีย แปลว่า “ช้าง” ทำให้ผมสังเกตว่า อะไรๆ บนเกาะช้างนี่ ค่อนข้างพยายามใส่ชื่อหรือสัญลักษณ์ของความเป็น “ช้าง” เข้าไปด้วยเสมอๆ
เอาละ เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเสียงฝนโปรยปราย เกาะช้างฝนไม่ตกเลยในช่วงที่ผ่าน พอผมมาเยือนได้เพียงวันเดียว ฝนก็ตกเกาะช้างเสียแล้ว แต่ก็ดีครับ อากาศสดชื่นอยู่แล้ว ยิ่งสดชื่นเข้าไปใหญ่เลย เราลุกตื่นขึ้นมาช่วง 8 โมงเช้าเห็นจะได้ เวลาของ breakfast คือ 7 ถึง 10 โมง ยังพอมีเวลาเหลือ อาบน้ำแต่งตัวก็ยังอยู่ในเวลา จึงไม่รีบไม่ร้อนอะไรนัก
9 โมงเศษ เราพบตัวอยู่ CinnAmon Restaurant ที่ชุ่มเปียก ลูกค้ารีสอร์ตบางตา ช่วง low season บรรยากาศมันคงเป็นเช่นนี้เสมอ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศ คนไทยเท่าที่เห็น รวมคู่รวมก็ไม่่น่าจะเกิน 3-4 คู่ มันจึงเงียบสงบดียิ่งนักแล
วันนี้ เรายังไม่ได้วางโปรแกรมที่แน่นอนนักว่าจะไปที่ไหนกันดี ได้แต่มองไว้คร่าวๆ ว่าอยากไปที่ไหนบ้าง ที่เหลือก็แล้วแต่โชคจะอำนวย กลับบ้าน CinnAmon เราผ่านล็อบบี้ พนักงานบอกกับเราว่ารถตู้ที่จะไปส่งที่หาดทรายขาว (White Sand Beach สำหรับชาวต่างชาติ) ออกไปแล้ว
เรามาช้าไป…
แต่เรายังพอมีทางเลือกอยู่ ไม่ไกลจากรีสอร์ตนัก มีน้ำตกคลองพลูอยู่ ขี่มอเตอร์ไซค์ที่โรงแรมมีไว้ให้เช่าก็ได้ แต่ผมขี่ไม่ค่อยเป็น หมูน้อยก็ขี่ได้แต่แบบเกียร์ธรรมดา ขณะที่ของโรงแรมมีแต่เกียร์ออโต้ พนักงานผู้ใจดีจึงเสนอให้เอารถของเธอไป เธอบอกจะกลับบ้านตอนบ่ายสาม
โอ้…ใจดีจริงๆ
แล้วคนที่เกาะช้าง ก็ได้เห็นมอเตอร์ไซค์คันสีขาววิ่งเอื่อยไปตามทางที่คดโค้ง มีผู้หญิงขี่ ผู้ชายซ้อน ภาพที่ดูตลกๆ นี้กลับมาอีกครั้งแล้วสินะ ตราบใดที่เรายังขี่ไม่เป็นอยู่อย่างนี้
เรามาถึงน้ำตกคลองพลูในเวลาเพียงไม่นาน เสียงฟ้าร้องดังอยู่เป็นระยะๆ เราได้แต่หวังว่า มันจะไม่ตกลงมาในเวลาอย่างนี้ จ่ายค่าเข้าเที่ยวชมน้ำตกไปคนละ 40 บาท เดินเข้าไปเป็นทางเดินเลียบสายน้ำ ทำให้คิดถึงตอนเดินเลียบน้ำตกภูสอยดาว แต่ที่นี่ เป็นน้ำตกในเกาะ เลยนึกสงสัยไปอีกว่า
“นี่เรามาเที่ยวเกาะ เที่ยวทะเล หรือมาเที่ยวภูเขากันหนอ มาที่เดียวได้ทั้งสองอย่างเลยเนอะ”
ไม่นานนัก เพียง 500 เมตร เราก็มาถึงตัวน้ำตก ลักษณะเป็นสายเดียวหล่นลงจากผาสูง มีนักท่องเีที่ยวกลุ่มสองกลุ่มที่มาถึงก่อนหน้าเรา พวกเขาเล่นน้ำกันอยู่ เราไม่ได้กะมาเล่นน้ำ เรามากินบรรยากาศบวกกับถ่ายรูปเล่นเพียงเท่านั้น
แล้วเม็ดฝนก็โปรยปรายลงมา และเริ่มหนักเม็ดขึ้นจนต้องเก็บกล้อง หยิบร่มของโรงแรมขึ้นมากาง ทำตัวลีบๆ ติดกันอยู่สองคน รอฝนหยุด นั่งมองดูเจ้าหน้าที่อุทยานนอนอยู่ในเปลที่มีผ้ากำบังฝน ช่างสุขสบายเสียจริง
เมื่อฝนซา ก็ได้เวลาเดินกลับ ไม่นานก็ออกมาถึง “สำนักงาน” ที่นั่นมีร้านขายของฝากของที่ระลึกด้วย จับจ่ายกันเรียบร้อยก็ออกรถ แวะถ่ายรูปกันกลางทางอีกต่างหาก เสียวรถเฉี่ยวจริงๆ
ท้องร้องขึ้นมาเป็นเสียงเตือน เวลาล่วงไปบ่ายกว่าแล้ว ยังพอมีเวลาเหลือ เราจึงขับหาอะไรกินแถวๆ นั้นกัน ขับเลยจากทางเข้า AANA ไปอีกหน่อย ก็พบกับร้านก๋วยเตี๋ยวและอาหารตามสั่ง เอาง่ายๆ ก๋วยเตี๋ยวเนี่ยแหละ เสร็จแล้วเราก็กลับรีสอร์ตพร้อมด้วยไก่หมุนและข้าวเหนียวก้อนโต ช่างไม่เข้ากับที่พักสุดหรูของเราเลยสักนิด
อยากนอนเอาแรง แต่ก็ไม่หลับ หยิบหนังสือมาอ่านเล่นๆ ไปแล้วกัน สี่โมงเย็น ชักหิวอีกหน หยิบไก่หมุนกับข้าวเหนียวมากินกันตรงระเบียง บรรยากาศเงียบสงบตามเคย แต่ไก่หมุนนั้นเย็นชืดแล้ว ไม่รู้ว่าถูกหมุนมาข้ามวันหรือเปล่าในช่วงที่นักท่องเที่ยวน้อยๆ อย่างนี้… กำหนดการเที่ยวเริ่มปรากฏขึ้นคร่าวๆ อีกครั้ง
เราเตรียมตัวออกไปที่ล็อบบี้อีกหน เพื่อรอรถตู้ไปส่งที่ “หาดทรายขาว” ในช่วงห้าโมงเย็น มีเพื่อนร่วมทางเป็นฝรั่งชายหญิง รถตู้พาเรากลับทางเดิมที่เราผ่านมากับรถสองแถวสีขาวนั่น แล้วไปจอดส่งเราที่รีสอร์บ้านปู และบอกว่าจะมารับเราที่นี่ช่วงสองทุ่ม
เราเดินลงไปที่ชายหาด และพบว่า น้ำทะเลนั้นขึ้นมาจนเต็มหาดแล้ว ไม่ค่อยจะมีที่เหลือให้เดินเล่นนัก
ในที่สุด จึงตัดสินใจ เดินเล่นริมถนนที่เต็มไปด้วยร้านขายของกับร้านอาหาร เท่าที่ดู ท่าจะเปิดให้ชาวต่างชาติอุดหนุนเสียเป็นส่วนใหญ่ เดินจนเกือบสุดทาง ไม่มีแววว่าจะได้ที่แวะพักตรงไหน จึงตัดสินใจเดินเข้าไปในรีสอร์ตแห่งหนึ่งทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของเขาเลย ที่นี่มาที่นั่งพัก มีชิงช้า ให้เราพอใช้เป็นที่ฆ่าเวลาไปได้สักช่วงหนึ่ง น้ำทะเลพักโถมเข้าหาแนวกั้นแรงมากๆ น้ำสาดกระเซ็นขึ้นมาเป็นระยะๆ ชายหาดไม่เห็นขาวอย่างชื่อ
“มันเคยขาวมั้ยนะ?” ผมสงสัย
เดินกลับออกมาจากรีสอร์ตแห่งนั้น กลับสู่ถนนอีกครั้ง เดินหาร้านที่พอจะฝากท้องไว้ได้ ในที่สุด เราก็พบร้าน “Pizza Nuna” (หรืออะไรเทือกๆ นั้น) เดินเข้าไปพบกับบรรยากาศแบบโต๊ะไม้ สไตล์ร้านอาหารอิตาเลียนหรือเปล่าไม่แน่ใจ ประดับไฟพองาม สั่งกันเลยดีกว่า ข้าวผัดสับปะรดจานเดียว กินกันสองคน คนนึงสั่งน้ำมะนาวปั่น อีกคนสั่ง…
“Lemon Soda”
เมนูนี้หน้าตาไม่คุ้น แม้ชื่อจะคุ้นหนักหนา สิ่งที่เห็นคือ มะนาวประมาณหนึ่งลูกที่ฝานมาให้เรียบร้อยแล้ว แก้วใสหนึ่งใบ กับโซดาหนึ่งขวด ที่เหลือ คุณก็บีบมะนาวลงแก้ว แล้วเทโซดาลงไป นี่แหละ Lemon Soda
ข้าวผัดสับปะรดอร่อยดี อิ่มท้องกันไป นั่งคุยกันไปดูสาวๆ ไป เพลินดีเหมือนกันแฮะ ได้เวลาเฉียดสองทุ่ม เดินข้ามถนนไปยังรีสอร์ตบ้านปูดีกว่า ขากลับเรามีผู้ร่วมทางเพิ่มอีก 2-3 คน รถตู้พาเรากลับมายังรีสอร์ต สองหนุ่มสาวฝรั่งเห็นผมพยายามถ่ายรูปอยู่ คงคิดว่า เราจะถ่ายรูปคู่ เลยอาสาจะถ่ายให้ ไม่ครับ เราไม่ได้คิดจะถ่ายรูปคู่แบบนั้น ผมอยากได้ภาพของรีสอร์ตในแสงไฟสวยๆ เท่านั้น ถ่ายมาหลายแชะ ได้ดีสุดแค่รูปเดียว
สุดท้าย เราก็รู้ว่า คู่นั้น เขาพักอยู่ข้างๆ ห้องเรานี่เอง
Link: จองโรงแรมที่เกาะช้าง Koh Chang Hotel/Resort Booking Online