แล้วก็ได้เวลา มานั่งเขียนบอกเล่าการเดินทางครั้งใหม่ของผมเสียที ไปเที่ยวอีกครั้ง หลักตรากตรำจนรู้สึกล้ากับทุกอย่าง แบตใกล้หมด ปัญหารุมเร้า ถึงเวลาไปชาร์จแบตและฟื้นฟูจิตวิญญาณกันเสียที เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมจึงหาจุดหมาย destination อยู่ไม่นาน อาศัยถามไถ่ รวมกับที่คิดไว้ในใจ หลังจากแกว่งไปแกว่งมาอยู่ไม่นาน ผมก็หาที่หมายที่ถูกใจได้เสียที
“เกาะช้าง”
ดินแดนที่ล้อมรอบด้วยน้ำนามนี้ ผมยังไม่เคยเหยีบย่างไปถึงสักที เคยเฉียดกรายไปก็มี “เกาะกูด” เมื่อหลายปีก่อน เคยไปกับคนอื่นๆ แต่คราวนี้ ผมจะไปเยือนอีกครั้งด้วยกำลังของตัวเอง ผมจัดแจงหาข้อมูลเท่าที่จะหาจากเน็ต แล้วก็จัดการจองที่พักเอาไว้ กำหนดวันคร่าวๆ คือ ปลายเดือนมิถุนา ถึงต้นเดือนกรกฎา แล้วผมก็ได้ที่พักด้วยข้อความว่า “แนะนำเลยครับ” ของคุณ Songchaiblog ผมจึงเลือก AANA Resort & Spa เป็นที่พักพิงหัวใจ
4 วัน 3 คืน ที่ผมจะใช้ชีวิตอย่างสงบๆ กันสองต่อสองกับหมูน้อย ห่างเหินจากการงานชั่วคราวไปพบกับดินแดนอันแสนเงียบสงบแห่งนั้น เริ่มขึ้นจากการแพ็กกระเป๋า ที่มีทั้งเสื้อผ้า, เครื่องใช้ส่วนตัว, iPod, กล้องถ่ายรูป, กล้องวิดีโอ, … จิปาถะ เอาล่ะได้เวลาออกเดินทางเสียที
ลุกตื่นลืมตาตั้งแต่ตี 4 ด้วยนาฬิกาปลุกมือถือ อาบน้ำแต่งตัว แล้วเรียกแท็กซี่ไปถึงจุดหมายทันเวลา
“สถานีขนส่งเอกมัย”
ผู้คนไม่จอแจเท่าไหร่ ด้วยเพราะเป็นวันอาทิตย์เช้า ผมซื้อตั๋วจากเชิดชัยทัวร์ เที่ยวบิน เอ้ย เที่ยวไป กรุงเทพฯ – ตราด ด้วยราคา 275 บาท/คน รวม 550 บาท ด้วยลืมไปว่า จะซื้อตั๋วเที่ยวกลับ แต่คิดไปคิดมา ก็ดีไปอย่าง จะได้ไม่ต้องเร่งรีบเพราะถูกบีบด้วยเงื่อนเวลา
หลังจากนั้น ก็นั่งรถทัวร์ปรับอากาศชั้นอะไรก็ไม่รู้ ออกเดินทางมุ่งสู่จังหวัดตราด ดินแดนใกลสุดฝั่งตะวันออก ชายแดนที่ติดกับเขมร ด้วยรถทัวร์ที่ที่นั่งปรับเบาะได้ง่อยมาก จนถูกคนแก่ตะโกนใส่
“ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ ไว้ เราจะไปเที่ยว” ผมคิดในใจ
ด้วยเวลาแห่งการเดินทางนาน 4-5 ชั่วโมงกับที่นั่งที่ไม่ได้สบายตัวนัก เล่นเอาปวดเมื่อยกันนิดหน่อย หลับๆ ตื่นๆ เพราะนอนมาน้อยไปตลอดทาง จนได้ยินเสียงพนักงานต้อนรับบนรถบอกให้ผู้จะไปเกาะช้างให้ลงที่นี่ จึงรีบรุดหยิบสัมภาระลงมา เวลาเฉียดเที่ยง ได้ยินบางคนเรียกว่า “บางกระดาน” ผมซื้อตั๋วแบบแพ็ก 6 ใบ ได้ทั้งโดยสารเรือเฟอร์รี่ไปกลับ และโดยสารรถสองแุถวสีส้มขากลับ ในราคาสุทธิ 440 บาท (ในนั้นเขียนว่าตรงนี้ คือ “แสนตุ้ง”) แล้วมานั่งกินข้าวตามสั่ง (สุดแสนอร่อย) รอเวลา
เอาล่ะ ได้เวลานั่งรถตู้สีส้มมุ่งสู่ท่าเรือเฟอร์รี่แล้วล่ะครับ
รถตู้วิ่งข้ามแยกมุ่งไปทางจุดหมายที่ชื่อ “แหลมงอบ” บนถนนที่เล็กลงเหลือเพียง 2 เลน ลมตีหน้าจนต้องหาแว่นมาใส่ ผมพบว่ามีฝุ่นละอองหรือเศษอะไรสักอย่างปะปนในอากาศ แถมจู่ๆ รถตู้ก็เกิดอาการรวน รถวิ่งช้าลงเรื่อยๆ พร้อมๆ กับมีกลิ่นแก๊ส
“เอาล่ะสิ หรือว่า ต้องรออยู่นี่จนกว่าจะมีรถมาเปลี่ยน” ผมคิดในใจ
แล้วไม่นาน คนขับก็สตาร์ตเครื่องอีกครั้ง รถค่อยปรับความเร็วจนเร็วอีกครั้ง รอดตัวกันไปนะพวกเรา ในที่สุด ก็มาถึง “ท่าเรือเฟอร์รี่อ่าวธรรมชาติ” จนได้ นี่คือ ประสบการณ์การนั่งเรือเฟอร์รี่หนแรกของผม ลงเรือปุ๊บ ผมขึ้นชั้นสองปั๊บ เรือก็ออกจากท่าพอดิบพอดีเรือแล่นช้าๆ เนิบนาบไปจนถึงเกาะช้าง ที่อยู่ไม่ไกลห่างกันสักเท่าไหร่กับฝั่งแผ่นดินใหญ่
ในที่สุด ผมก็มาถึง “เกาะช้าง” เกาะที่ชื่อยิ่งใหญ่และมีขนาดเป็นอันดับสองของประเทศ ที่นี่ “ท่าเรืออ่าวสับปะรด” เอาล่ะ ที่เหลือก็ได้เวลานั่งรถตู้อีกครั้ง เพื่อไปยัง AANA Resort & Spa ที่จองที่พักเอาไว้ คราวนี้เป็นรถตู้สีขาว จำชื่อสายไม่ได้แล้ว แต่เรื่องที่ไม่น่าเกิดก็ได้เกิดขึ้น…
คน 7 คนบนรถตู้คันนั้น บางคนถูกเรียกเก็บสูงสุดถึงคนละ 150 บาท! เอากับมันสิ
ตอนแรก มักจะไม่มีรูปภาพปลากรอบเสมอแหละครับ เอาไว้ตอนหน้าจะเอามาฝากเยอะๆ เลย
เกาะช้างนีที่พักแพงไหมพี่ พอดีว่าอยากจะไปเหมือนกัน มารอดูreview
มีทั้งแพงทั้งถูกแหละครับ แล้วแต่ว่า อยากได้แบบไหน สำหรับครั้งนี้ ผมไป AANA Resort & Spa ซึ่งจริงๆ ก็ถือว่า ราคาสูงพอประมาณ แล้วผมก็เลือกไปช่วง low season ด้วย แม้จะสูงก็ไม่สูงมากนักครับ
“ภาคสอง ภาคสอง ภาคสอง”
(ตะโกนไป ชูมือขวาไป … บรรยากาศม๊อบ)
: )
ริษยา อย่างแรง 555
Hi, I desire to subscribe for this website to obtain newest updates, therefore
where can i do it please help.