เขียนถึงหนังสือเล่มที่สาม ที่ซื้อมาจากงานสัปดาห์หนังสือ ดองเอาไว้เสียนาน ได้เวลาเขียนถึงซะทีนะ ถ้าสังเกตกัน ก็จะพบว่า ไปงานคราวนี้ ผมเน้นซื้อหนังสือที่เข้ากับความชอบส่วนตัวของผม นั่นคือ เรื่องของการ์ตูน และดนตรี ความจริง ผมไม่ได้เป็นคนที่บ้าคลั่งอะไรขนาดนั้น ถ้าถามว่า ผมรู้เรื่องพวกนี้ดีแค่ไหน ผมก็ตอบได้ว่า ไม่ได้รู้มาก แค่ชอบเท่านั้นเอง
โอเค เรามาพูดถึงหนังสือเล่มนี้กัน ‘Cartoon อินเตอร์ที่รัก’ จาก นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
ผมเคยมีผลงานของนายแพทย์ท่านนี้อยู่เล่มหนึ่ง “อะนิเมะคลาสสิก” ชายผู้เป็นทั้งจิตแพทย์และนักเขียนผู้นี้ มีผลงานมาหลายเล่ม ซึ่งได้มาจากการรวบรวมงานเขียนจากการเป็นคอลัมนิสต์ให้สิ่งพิมพ์ต่างๆ นับว่า เชี่ยวชาญทางด้านมังงะและอะนิเมะมากพอๆ กับการจับประเด็นที่น่าสนใจมาเขียน
ด้วยความเป็นจิตแพทย์ ทำให้เขาดูการ์ตูนแล้วหยิบประเด็นทางจิตวิทยามาเรียบเรียงได้ ซึ่งต่างจากผมที่ไม่ค่อยจะรู้เรื่องทางจิตวิทยาสักเท่าไหร่ เขียนวิเคราะห์วิจารณ์ไปตามความรู้สึกที่ได้ดูเสียมาก งานเขียนของนายแพทย์ท่านนี้จึงลึกซึ้งกว่าผมหลายเท่านัก
‘Cartoon อินเตอร์ที่รัก’ เป็นหนังสือที่หยิบเอา การ์ตูนแอนิเมชันจากหลายหลายชาติ มารวมกันไว้ในเล่มเดียว เชื่อว่า เกือบครึ่งที่ผู้อ่านบล็อกของผมต้องผ่านตากันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ‘Bolt’, ‘Watchmen’, ‘Kung Fu Panda’, ‘Starwars: Clone Wars’, ‘300’, ‘Persepolis’, ‘My Beautiful Girl? Mari’, ‘Wonderful Days’, ‘A Scanner Darkly’, ‘The Tripets of Belleville’, ‘The Fountain‘, ‘Animal Farm’, ‘El Cid The Legend’, ‘The Old Man and The Sea’, ‘The Tale of Despereaux’ และอีกหลายเรื่อง
บางเรื่อง ผมก็เคยหยิบมาพูดถึงแล้วนะ แต่บางเรื่องอีกเช่นกัน ที่ผมเองก็ยังไม่เคยได้ดูกับเขาเลย
อย่างเรื่อง Kun Fu Panda นี่ ผมเคยเขียนถึงไปครั้งหนึ่ง มาอ่านบทความของท่าน อืมม เขาหยิบประเด็น “ความบังเอิญไม่มีจริง” ที่มีอยู่ทั้งในเต๋าและฟรอยด์ เป็นจุดสำคัญของบทความ เป็นจุดที่ผมไม่เคยนึกไปถึง หรืออย่าง Bolt นี่ ก็แจงออกมาเป็นตัวละครแต่ละตัวเลย ว่า โบลต์, ไรโน และพิตเทน ได้รับการเลี้ยงดูมาในรูปแบบไหนบ้าง และเมื่อต่างมาอยู่ร่วมกัน ต่างช่วยสร้างพฤติกรรมการเรียนให้แต่ละฝ่ายอย่างไร ผมไม่เคยคิดไปถึงเลยว่า การ์ตูนดูง่ายๆ แบบของฮอลลีวู้ดนี่ลึกซึ้งได้ขนาดนี้
สนใจงานหนังสือเกี่ยวกับการ์ตูนแอนิเมชั่นเล่มนี้ ลองซื้อหามาอ่านดูนะครับ
กังฟูแพนด้า กับความบังเอิญไม่มีจริง ผมชอบประโยคนี้ที่สุดของหนังครับ จนหนังหลายๆเรื่อง หยิบยกประโยคนี้มาใช่เช่นกัน ผมจำไม่ได้ว่าเรื่องไหนบ้าง แต่รู้สึกว่าจะเจอประมาณ 2-3 เรื่อง (หรือมากกว่านั้น)