จะว่าไปแล้ว ถือว่า ผมอ่านหนังสือเกินกว่าอัตราเฉลี่ยของคนไทยอยู่พอประมาณ เพราะเกือบทุกวัน ผมต้องแบกหนังสือสักเล่มไว้อ่านระหว่างเดินทางไปทำงาน ด้วยความที่ผมออกสาย ผู้คนไม่แออัดในขบวนรถไฟฟ้า จึงมีที่ทางพอให้ยืนหรือนั่งอ่านได้บ้าง แต่ขากลับนี่สิ คนเยอะมาก หาโอกาสยืนอ่านแทบไม่มี
ช่วงที่ผ่านมา ผมก็ค่อยทะยอยอ่านหนังสือ – พ็อคเกตบุ๊คที่ซื้อมาจากงานสัปดาห์หนังสือฯ สลับไปกับหนังสือทางวิชาการหาเงินอื่นๆ (ซึ่งคงไม่ค่อยเข้าหัวสักเท่าไหร่ ทำเงินไม่ค่อยขึ้นเลยจริงๆ) จริงๆ พ็อคเกตบุ๊กเรื่องที่ผมจะเล่าถึงนี้ ผมอ่านจบไปสักพักใหญ่แล้ว แต่พอดี ไม่มีเรี่ยวแรงจะเขียน ก็เลยกลายเป็นหัวข้อเก่าเก็บไปเสียอย่างนั้น ครับ ผมกำลังพูดถึง
“โตเกียวไม่มีขา” ของ “นิ้วกลม” ครับ
เป็นพ็อคเกตบุ๊คจากสำนักพิมพ์ “a book” ในโครงการ The First Hand ที่เปิดให้กับนักเขียนหน้าใหม่ส่งเรื่องเข้ามา แล้วเรื่องของ “นิ้วกลม” ก็ดันเตะตะทีมงาน a book เข้าอย่างจัง จนในที่สุด มันก็ออกมาเป็นพ็อคเกตบุ๊คเล่มกระทัดรัดเหมาะมือเล่มนี้ ซึ่งหลังมันถูกวางขาย ผลตอบรับดูท่าจะดีเอามากๆ มีคนสนใจและรู้จักชื่อ “นิ้วกลม” ในฐานะนักเขียนหน้าใหม่สำนวนดีกันอย่างแพร่หลาย
แต่ยังไม่แพร่มาถึงผมมากนัก
ผมเคยได้ยินชื่อมาบ้าง แต่ไม่ได้สนใจใคร่รู้มากนัก ว่าเขาคือใคร ด้วยความเป็นคนที่อุ่นเครื่องนาน ใครๆ เขาอื้ออึงกันมาตั้งเป็นปี เพิ่งจะมาสนใจอยากลองอ่านดูก็จนชาวบ้านเขารู้จักกันจนทั่วแล้ว แต่ยังไงก็ตาม เพื่อความประหยัดและเสี่ยงน้อยที่สุด ผมเลือกอุดหนุนเล่มที่ผมเห็นว่า น่าจะชอบ มาเพียง 1 เล่ม (เรียกได้ว่า มันงกจริงๆ)
ซื้อมาแล้วปล่อยให้มันนอนนิ่งอยู่ในตู้อยู่สองนาน จนวันหนึ่ง ก็หยิบมันขึ้นมาอ่าน ใช้เวลาเป็นสัปดาห์ ด้วยความไม่รีบร้อน อ่านในรถไฟฟ้าบ้าง อ่านในห้องส้วมที่ออฟฟิศบ้าง อ่านที่บ้านบ้าง ในที่สุดก็จบเล่มจนได้
อ่านแล้วเป็นยังไงน่ะเหรอ
ผมรู้สึกได้ว่า ผู้ชายคนนี้ ค่อนข้างเป็นคนคิดมาก ไม่ใช่สิ ช่างคิด เรื่องราวที่เป็นจุดเล็กจุดน้อย เขานำมาเรียบเรียงอย่างกับหนังสั้นที่บรรจงร้อยคำสำนวนมาอย่างดี ขึ้นหัวปิดท้ายมีความสัมพันธ์กันตลอด ไม่ว่าเรื่องจะเลยไปไหน ลงท้ายต้องมาขมวดไอ้ตรงที่เริ่มไว้ทุกที แถมหยิบโยงเอาเรื่องใครอาจจะไม่เคยมองเชื่อมไปถึง เป็นประเด็นที่อ่านแล้วต้องมารำพึงกับตัวเองว่า “เออ.. คิดได้ไง”
ความบ้าบิ่นหรืออะไรสักอย่าง พาให้คนไทยสองคนระหกระเหินเดินทางจากบ้านเกิดไป “ตายเอาดาบหน้า” ที่ประเทศญี่ปุ่น ด้วยเงินอันน้อยนิดเมื่อคิดจะไปลุยเมืองที่ค่าครองชีพโคตรสูงอย่าง “โตเกียว” เงินเหลือติดต่อเพียงหมื่นกว่าบาท กับช่วงเวลา 9 วัน หลายวันในนั้น ต้องหลับนอนอย่างคนไร้บ้าน พบเจอมิตรภาพดีๆ ที่ในเมืองไทยอาจจะหาไม่ได้แล้ว ได้ไปในที่ที่หนังสือท่องเที่ยวไหนๆ ก็คงไม่เคยพาเราไป
อ่านแล้วเพลินอารมณ์ ด้วยแง่มุมคมความคิด แม้จะได้รายละเอียดน้อยนิดเกี่ยวกับข้อมูลท่องเที่ยว แต่ผมว่า นี่คือ วิธีการเขียนที่ไม่เหมือนใครจริงๆ
อยากได้ “The Soundtracks of My Love” แบบมีซีดีแถมด้วย หมดไปแล้ว ฮือๆ….
เคยอ่านเรื่อง อิฐ ของพี่นิ้วกลม ชอบมากเหมือนกันค่ะ แต่ละเรื่องสนุกแล้วแบบ.. ต้องคิดท้ายเรื่องตลอดว่า โห…คิดได้ไงเนี่ย เห็นปกโตเกียวไม่มีขาหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสซื้อเลย คิดว่าต้องหามาครองให้ได้แล้วแบบนี้
roundfinger คนนี้ ถือได้ว่าเป็นนักเขียนที่ผมชื่นชอบ อีกคนหนึ่งเช่นกัน เห็นด้วยกับคุณแพท ที่บอกว่า
ผมรู้สึกได้ว่า ผู้ชายคนนี้ ค่อนข้างเป็นคนคิดมาก ไม่ใช่สิ ช่างคิด เรื่องราวที่เป็นจุดเล็กจุดน้อย เขานำมาเรียบเรียงอย่างกับหนังสั้นที่บรรจงร้อยคำสำนวนมาอย่างดี ขึ้นหัวปิดท้ายมีความสัมพันธ์กันตลอด ไม่ว่าเรื่องจะเลยไปไหน ลงท้ายต้องมาขมวดไอ้ตรงที่เริ่มไว้ทุกที แถมหยิบโยงเอาเรื่องใครอาจจะไม่เคยมองเชื่อมไปถึง เป็นประเด็นที่อ่านแล้วต้องมารำพึงกับตัวเองว่า ?เออ.. คิดได้ไง?
ปกติจะตามอ่านอยู่เสมอที่บล็อกของเขา ใครยังไม่รู้จักลองแวะไปดูหน่อยก้ได้นะครับ http://roundfinger.wordpress.com/
:)
ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นแฟนหนังสือพี่นิ้วกลมเหมือนกันครับ แต่ยังตามเก็บไม่ครบอยู่ดี
ร้านนายอินทร์แถวบ้านผมรู้สึกจะเห็น The soundtrack of my love แบบมีซีดีแถมเหลืออยู่เล่มนึงครับ ถ้าสนใจลองเมล์มาคุยได้ครับ เดี๋ยวผมไปลองดูให้
panu.gan [at] gmail.com
ตอนนี้คุณนิ้วกลมแจ้งย้ายบ้านไปอยู่ที่
http://roundfinger.exteen.com
แล้วค่ะ
จะบอกว่าชอบอ่านเหมือนกันค่ะ ^_^
รู้จักเขาครั้งแรกก็จากเล่มนี้เช่นกันค่ะ
โตเกียวไม่มีขา เป็นการเที่ยวที่ฉันคงทำไม่ได้แน่ๆ
มาอ่านจากคนอื่นแบบนี้ มันส์ดีแท้
แต่ก็ยังรู้จักเขาแค่เล่มเดียวอะนะ
อยากลองหาอ่านเพิ่มเหมือนกัน
ปล ฉันก็เหมือนกันเลย เรื่องพกหนังสือ ขนาดขับรถยังเอาหนังสือใส่ไว้ในรถ
อ่านเวลารถติดค่ะ -_-
ตอนนี้หาได้หรือยังคะ Soundtrack of my love ฉบับบแถม ซีดี
ถ้ายังไม่ได้เดี๋ยวส่งให้กะได้ ในฐานะ แฟน นิ้วกลม คนหนึ่ง
กำลังหาอ่านอยู่เหมือนกันเล่มนี้
แบบว่าเพิ่งรู้จัก นิ้วกลม
เมื่อต้นเดือนมกรา นี่เอง
รู้จัก จาก ณ นั่นเอง
ตอนนี้ กำลัง หา โตเกียวไม่มีขา
กัมพูชาพริบตาเดียว เนปาลประมาณสะดือ
มาอ่าน เพราะยังหาอ่านไม่ได้เลยอ่ะ
ตอนนี้กำลังรออ่าน หน่อไม้ ที่กำลังจะคลอดด้วย เย็
ที่รวมตัวกัน สามคน พี่ก้อง พี่อัพ พี่เอ๋
รออ่าน รออ่าน
มันมีงานเขียนอีกเล่มนึง ของนิ้วกลมนะ
ที่เราพยายามนึก เพราะเรายังไม่อ่านเหมือนกัน
แต่นึกไม่ออกอ่ะ
เรื่องที่ อ่านแล้วนะ นั่งรถไฟไปตู้เย็น
อิฐ ณ Soundtrack of my love
แล้วอะไรอีกเรื่องว้า นึกไม่ออก
ใครนึกออกช่วยบอกที
โอ้ ขอบคุณครับ คุณ mooh-JiB พอดี ผมก็ถามหา edition นี้ในบล็อกนี้เหมือนกัน แล้วก็เจอคนใจดีหาซื้อมาให้แ้ล้วด้วย กำลังอ่านๆ อยู่เลย ว่าจะเอามาเขียนถึงเมื่ออ่านจบครับ
โตเกียวไม่มีขายังไม่เคยอ่าน แต่เห็นการพิมพ์ซ้ำอีกหลายครั้ง ค่อนข้างป็อปปูล่าร์ค่ะ แต่ล่าสุดเพิ่งอ่านเรื่อง ระยะทางอันห่างใกล้ ที่นิ้วกลมเขียนจดหมายร่วมกับเพื่อนสาวที่ชื่อพิมปาย อ่านเรื่องนี้แล้วชอบ แล้วอยากเขียนจดหมายชะมัดเลย 2 คนมีมุมมองที่ต่างกัน หลายครั้งก็หักล้างกันแต่ไม่ใช่ห้ำหั่นค่ะ เป็นการคุยแลกเปลี่ยนมุมมอง ชีวิตในแบบที่เขา เธอคิดและผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ มา หลายบท หลายตอนโดนใจถึงขั้นโดนความรู้สึกนะ
โตเกียวไม่มีขา สำหรับคนที่ไม่เคยไปโตเกียว อ่านแล้วคงทึ่งและประทับใจ แต่สำหรับผมซึ่งก็เคยไปแบ็คแพ็คโตเกียวคนเดียวด้วยวัยไล่เลี่ยกันกับนิ้วกลม และใช้เงินจำกัดพอ ๆ กัน ทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่เค้าเขียนหรือแสดงออกมันถูกขับเน้นให้ตื่นเต้นยิ่งใหญ่ น่าประทับใจเกินจริง เช่นการลงทุนแบกอาหารไปกินที่โน่นเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย อยากบอกว่าอาหารง่าย ๆ ที่นั่นมันก็ไม่ได้แพงอะไรขนาดนั้นหรอก หรือการตัดสินใจ(ลองทำเป็นลำบาก)นอนข้างถนนที่ดูเท่เหลือหลาย ลองไปอ่านของนักเขียนคนหนึ่งที่ไป wwoff ทั่วญี่ปุ่นคนเดียว แล้วเค้าก็นอนข้างถนนเหมือนกัน แล้วจะรู้ว่าทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายเป็นอย่างไร ที่รู้ ๆ คือไม่ท่ามากเหมือนนิ้วกลมแน่ ๆ มีตอนนึงบอกประมาณว่าพบคนญี่ปุ่นคนนึงแล้วทำให้ความคิดเปลี่ยนไปตลอดกาล โห ขนาดนั้นเชียว
ยอมรับว่าอ่านแล้วหมั่นไส้ เพราะมันเวอร์จริง ๆ
ชอบงานเขียนทุกเล่มของนิ้วกลม…
มากกว่าตัวอักษร
อ่านแล้ววางไม่ลงจริงๆๆ
ไม่รู้จักนิ้วกลมมาก่อนค่ะ..ครั้งแรกอ่านเรื่อง “ความรักเท่าที่รู้” เพราะมีพี่แนะนำให้อ่าน ทำให้เริ่มสนใจในหนังสือที่คุณนิ้วกลมเขียน ชอบตรงที่สิ่งที่หลายคนมองข้ามแต่เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรา เลยหาหนังสือที่..คุณนิ้วกลมเขียนมาอ่าน..ตอนนี้ อ่าน..ตรวจภายใน..ก็รู้สึกดีค่ะ…เลยลองเข้ามาติดตามผลงานอื่นๆดู..จะพยายามไล่หาอ่านหนังสือของคุณนิ้วกลมเพื่อดูแนวคิดของเขาค่ะ..ไม่ใช่ดำเนินตามหรือไม่ยอมรับแต่อย่างใด แต่เป็นคนร่วมสมัยกับคุณนิ้วกลม..เลยอยากเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นที่คุณนิ้วกลมถ่ายทอดออกมาค่ะ…สรุป คือ ชอบค่ะ..