โดยปกติ ทุกครั้งที่มีงาน “สัปดาห์หนังสือแห่งชาติฯ” ผมมักจะได้อ่านหนังสือเล่มใหม่ของสำนักพิมพ์ของ “โตน” เสมอ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ครั้งนี้้เป็นครั้งที่สองแล้ว ที่หนังสือในสังกัดของโตนมิใช่เป็นผลงานของโตน ครั้งก่อนนั้น ผมได้ชิม “เล่นทหาร” ของ ด่อง Mola Mola Sunshine ไป ครั้งนี้ ผมได้ชิมผลงานของอดีต บก. นิตยสารแฮมเบอร์เกอร์ พี่ต๊ะ จักรพันธุ์ ขวัญมงคล ผมไปงานฯ แล้วก็ได้ซื้อหนังสือพร้อมลายเซ็นกลับมาด้วย
ถึงวันนี้ ผมก็ได้อ่านหนังสือเล่มนั้นจบลงเรียบร้อย…
หน้าปกและชื่อหนังสือชวนให้คิดว่า นี่คงเป็นพ็อคเก็ตบุ๊คเรื่องท่องเที่ยว ทำให้แม้กระทั่งพนักงานของบูธนายอินทร์ยังตั้งหนังสือไว้กองร่วมกับหนังสือพวกนั้น ทั้งที่ ความจริง มันเป็น “นิยาย”
ผมอ่านหนังสือเล่มนี้ บนรถไฟฟ้าระหว่างเดินทางไปทำงาน กับตอนนั่งขี้ในออฟฟิศและที่บ้าน ใช้เวลาหลายวัน กว่าจะจบเล่ม
————————–
น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงกันไปเรียบร้อย มาเข้าเรื่องกันบ้างดีกว่า
หนังสือเล่มนี้ มันเป็นนิยายจริงๆ แต่มีแรงบันดาลมาจากการไปเที่ยวปายของผู้เขียน วันที่เขานั่งดื่มกาแฟอยู่ในร้าน พลันก็เกิดไอเดียของพล็อตนิยายปายๆ ขึ้นมาเรื่องหนึ่ง แล้วก็เก็บกลับมาเขียนเป็นคุ้งเป็นแควเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมเพิ่งอ่านจบไปนี่แหละ
ถามว่า นิยายของเป็นประเภทไหน คงต้องตอบว่า เป็น “นิยายรัก” ที่มีขนาดไม่ยาว เพราะจะว่าไปแล้ว ขนาดของมันเท่ากับพ็อคเก็ตบุ๊ครวมเรื่องสั้น 13 เรื่องเพียงเท่านั้น
ไม่ได้เป็นนิยายที่โครงเรื่องซํบซ้อน มีตัวละครเพียงไม่กี่ตัวที่ดูจะสำคัญต่อเรื่อง นอกนั้น ก็เป็นเพียงส่วนเติมเต็มให้กับตัวนิยายเท่านั้น
แล้วเรื่องมันเกี่ยวกับอะไรเล่า?
เรื่องมันก็เกี่ยวกับ ผู้ชายนักแต่งเพลงคนหนึ่ง ผู้มีความหลังอันขมขื่นในวันที่เขามาเที่ยวปายครั้งแรก ครั้งนั้น เขาพบว่าแฟนตัวเองกลับไปมีอะไรกับแฟนเก่าของเธอ เขาได้แต่ร้องไห้อยู่คนเดียวใต้ผ้าห่ม…
ผ่านไป 4 ปี เขาก็เกิดอยากจะไปเที่ยวปายอีกครั้ง หลังจากได้ฟังถ้อยคำแนะนำของเด็กสาวนักศึกษาฝึกงานคนหนึ่ง…ที่มีแฟนแล้ว เขาไปเพียงเพื่อซ่อมแซมการเที่ยวปายครั้งที่แล้วที่สึกหรอไปงั้นหรือ?
หาคำตอบเอาเองเถอะ ไม่บอกหรอก
ลูกเล่นของนิยายเล่มนี้ก็คือ การเล่าเรื่องแบบย้อนไปย้อนมาแบบภาพยนตร์ แต่ก็พอจะเข้าใจเนื้อเรื่องได้ ไม่มึนไม่งงแต่อย่างใด แถมแต่ละเรื่องก็ยังถูกตั้งชื่อมาอย่างมีมุข นั่นคือ ถ้าไม่เอาชื่อเพลงมาตั้ง (อย่าง “ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง” เป็นต้น) ก็มักเอาวลีที่ทุกคนรู้จักมาแปะคำว่า “ปาย” ทับลงไป (อย่าง “ไม่ไกลกันเกินปาย” เป็นต้น)
หนังสือเล่มนี้ มีเพลงประกอบด้วย ชื่อ “เพลงเงียบ” แต่งและร้องโดย โตน Sofa เจ้าของบริษัท Sofa Cafe & Idea ที่ได้รับแรงบันดาลใจ(ไปอีกที)จากพ็อคเก็ตบุ๊คเล่มนี้ อ่านหนังสือเล่มนี้จบปุ๊บ จะรู้สึกอยากฟังเพลงนี้ทันที .. ไม่เชื่อก็ลองดู
เพลง “เงียบ” – โตน โซฟา – ไม่ไกลกันเกินปาย
ไม่รู้ว่า เรื่องแบบนี้จะมีจริงๆ หรือเปล่า ผู้ชายคนหนึ่ง ที่คิดจะเที่ยวเผื่อผู้หญิงอีกคน ถ่ายรูป ส่งโปสการ์ดเล่าเรื่องเที่ยวมาให้ ทั้งๆ ที่เธอเองก็มีคนรักอยู่แล้ว
ก่อนจะจบอย่างที่ทำให้เข้าใจได้ลึกซึ้งว่า “ไม่ไกลกันเกินปาย” นั่นเป็นอย่างไร…
พอดีฟังเพลงเงียบก่อนหน้านี้สักพักแล้วครับ
ก็งงๆอยู่เหมือนกันว่าเพลงนี้มันโผล่มาจากไหน
ที่จริงก็เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้นี่เอง
แต่ว่า เกิดมาผมยังไม่เคยอ่านนิยายเล่มไหนจบเลยครับ
:)
โดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว ไ่ม่เว้นแม้นิยาย อ่านบทวิจารณ์ของคุณแพทแล้วนึกอยากอ่านแล้วดิ หุ หุ เดี๋ยวเย็น ๆ ออกไปหาดูดีกว่า
ปล. เพลงประกอบก็เพราะดีครับ ชอบ ๆ
ผมอยากไปเที่ยวปายอยู่ น่าเที่ยวดี
หยุดอ่านนิยายหลายเดือน…เพราะมัวแต่เรียนรู้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตนี่แหละครับ…
น่าสนใจครับเดี๋ยวจะลองไปดูสักหน่อย…ที่ตึกหนังสือใกล้บ้าน…(ตึกดับเบิ้ลเอ)
ชอบเพลงประกอบ ครับ เพราะจริงๆเลยนะเนี่ยครับ :)
พักนี้ไม่ค่อยได้อ่านนิยายครับ อย่าว่าแต่นิยายเลย หนังสือทั่วไป ก็ไม่ค่อยได้แตะ แหะๆ
ไม่ค่อยชอบอ่านนิยายรักๆใคร่ๆ ชอบอานพวกนิทานหรือวรรณกรรมเยาวชนคะ ไม่งั้นก็แนวฆาตรกรรมสืบสวนสอบสวน แหะๆ
อ้อ…ลืมไป ชอบอ่านนิยายในขายหัวเราะ บางเรื่องแต่งดีทีเดียว
อะนะ คนเราชอบอ่านหนังสือต่างๆ กัน ยังไงก็เป็นเรื่องดีครับ ที่หลายคนชอบอ่านหนังสือ
สนุกดีครับ
อ่านแล้วอยากไปปาย
อ่านแล้วค่ะ
เป็นนิยายที่กินใจ..อ่านแล้วมองเห็นภาพสถานที่ที่กล่าวถึงได้อย่างดี
ทำให้อยากไปเยื่อนสักครั้ง…
หากยังไม่ตาย
ต้องไปให้ได้..
อย่างมูนได้จุดชะนวนให้ฟืนได้ทำลงไปนั่นเอง
ไปเที่ยวปายดีกว่า…