ในบรรดาตัวการ์ตูนญี่ปุ่นที่คนรู้จักกันไปทั่วโลก คงไม่ตัวใดมีชื่อเสียงมากไปกว่าเจ้าตัวนี้ โดยเฉพาะในประเทศไทย มันได้ฝังรากอยู่ในหัวใจของเด็กไทยมาหลายสิบปี แม้แต่เด็กในปัจจุบันก็ยังรู้จัก ส่วนคนที่มีความทรงจำในวัยเด็กเป็นตัวการ์ตูนนี้เมื่อมีหนังแอนิเมชั่นที่หยิบจับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นยาวนานหลายร้อยหลายพันตอนมาขมวดไว้ในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง มันจึงเป็นเหมือนภารกิจที่ “ต้อง” ทำให้ลุล่วง ใช่แล้ว ผมกำลังพูดถึง โดราเอมอน ไงครับ
เมื่อผู้กำกับและเขียนบทของหนังที่อยู่ในความทรงจำของใครๆ อย่าง ‘Always: Sunset on Third Street’ ทั้งสามภาค ได้มาเป็นผู้กำกับและเขียนบทของ ‘Stand By Me Doraemon เพื่อนกันตลอดไป’ หลายคนย่อมเริ่มคาดหวังว่าจะได้พบกับเรื่องที่กินใจพาน้ำตาไหลขณะได้รับชม
จากมันสมองของ Fujio F. Fujiko กลายมาเป็นอะนิเมะที่เล่าเรื่องราวได้ลึกซึ้งกินใจโดย Takashi Yamazaki และกำกับโดย Ryuichi Yagi และ Takashi Yamazaki
รีวิวแอนิเมชัน ‘Stand by Me Doraemon’
ทาคาชิ เลือก 7 ตอนที่ดีที่สุดเพื่อเป็นตัวแทนของการเล่าเรื่องราวทั้งหมด เริ่มต้นจากวันแรกที่ทั้งโดราเอมอน หุ่นแมวสีฟ้าจากโลกอนาคต และโนบิ โนบิตะ เด็กชายจอมงอแงงี่เง่าขี้เกียจและไม่ได้เรื่อง สองคนได้มาเจอกันเพื่อทำบางสิ่งให้บรรลุ ภารกิจที่โดราเอมอนจะต้องทำให้สำเร็จ มิฉะนั้น มันจะไม่ได้กลับโลกอนาคตของมันอีกครั้ง แรกๆ ก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ไม่อยากยอมรับ
แต่อยู่ไปๆ โดราเอมอนก็ผูกพันกับโนบิตะมากขึ้นทุกที
แต่แน่นอนว่า ภารกิจย่อมมีวันเลิกรา วันหนึ่ง โดราเอมอนก็ต้องจากโนบิตะไป วันอันแสนเศร้าได้มาเยือน ทั้งหมดนี้ถูกระบุไว้แล้วในตัวเองอย่างหนัง ผมไม่ได้สปอยล์แต่อย่างใด ตัวละครสำคัญที่เราคุ้นเคยยังคงอยู่กับพร้อมหน้า ทั้ง ชิซุกะ เด็กหญิงที่โนบิตะหลงรักและหวังไกลว่าจะได้แต่งงานกับเธอ, ไจแอนท์และซูเนโอะ จอมวายร้ายวัยน่ารักร่วมชั้นเรียนของโนบิตะ นอกจากนี้ ยังมีตัวละครสมทบอย่างพ่อของชิซุกะ แม่ของโนบิตะ รวมทั้งเด็กชายผู้เพียบพร้อมสำหรับหญิงสาวสักคนก็เข้ามาเป็นก้างขวางของโนบิตะในภาคภาพยนตร์นี้ด้วยเช่นกัน
เป็นเรื่องที่เยี่ยมทีเดียวที่ผู้กำกับเลือกจะเขียนและกำกับเรื่องราวของโดราเอมอน เพราะนี่คือแคแรคเตอร์ที่อยู่ในใจคนมานานถึง 45 ปี หลายคนเติบโตมากับมัน เช้าวันเสาร์-อาทิตย์ ตื่นเช้าขึ้นมาเพื่อจะนั่งชมทางหน้าจอทีวี เป็นเรื่องราวที่ไม่ต้องเขียนใหม่ แค่หยิบเอาตอนสำคัญๆ มาเรียงร้อยเข้าด้วยกันก็เรียกคืนทุกความทรงจำในวัยเด็กกลับได้ทั้งหมดแล้ว
งานภาพถือว่า เข้าขั้นสวยงาม ภาพเนียนตา สีสันสดใส ได้เห็นทั้งโลกปัจจุบันและโลกอนาคต ได้เห็นตอนเด็กและตอนโต ได้ทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และน้ำตา
การดำเนินเรื่องราวเป็นไปอย่างค่อนข้างลื่นไหล จุดเด่นของการ์ตูนโดราเอมอน คือ ของวิเศษจากกระเป๋า ซึ่งก็นำส่วนหนึ่งของอุปกรณ์สุดวิเศษมาใช้เพื่อเรียงร้อยเรื่องราว รวมทั้งเลือกช็อตที่เหมาะสมกับการเล่าเรื่องเพื่อบ่งบอกถึงความรู้สึกของตัวละครได้ดี จนทำให้คนดูที่คุ้นเคยกับตัวละครเหล่านี้อย่างนี้อดไม่ได้ที่จะอินจนน้ำตาไหลตาม
หนังแทบจะเป็นเรื่องของความรักล้วนๆ ความรักและผูกพันระหว่างเด็กงอแงกับหุ่นแมวสีฟ้า กับความรักของโนบิตะที่มีให้กับชิซุกะ ในสไตล์แอนิเมชั่น 3 มิติที่หลายฉากดูเหมือนจะทำมาให้เหมาะกับความเป็น 3 มิติโดยแท้ แต่น่าเสียดายที่ได้ดูในแบบ 2 มิติ
จุดหนึ่งที่ทำให้เราได้กลับไปสัมผัสกับโลกของโดราเอมอนอีกครั้งอย่างสมบูรณ์ ก็คงเป็นเสียงพากย์ที่ขนเอาทีมงานเก่าแก่ที่เคยพากย์มานานนม กลับมาพากย์ไทยให้เราได้ซึมซับกันอีกครั้ง แต่ก็น่าเสียดายอยู่อย่างหนึ่งว่า หนังอาจจะยังไม่พีคมากพออย่างที่อยากให้เป็น และฉากที่ควรจะเรียกน้ำตาให้มาแบบกระหน่ำ กลับมาเพียงรื้นๆ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่า
ถ้าดูแบบซับไทยมันจะได้มากกว่านี้รึเปล่านะ
ชื่อภาพยนตร์: Stand By Me Doraemon / โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป
ผู้กำกับภาพยนตร์: Ryuichi Yagi, Takashi Yamazaki
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Fujio F. Fujiko (manga), Takashi Yamazaki (screenplay)
นักแสดงนำ(พากย์): Satoshi Tsumabuki
แนว/ประเภท: Animation, Drama, Family
ความยาว: 95 นาที
เรท: ไทย/ , USA/
สัดส่วนภาพ: 1.85 : 1
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 31 ธันวาคม 2557
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Shin Ei Animation, Fujiko Productions, Shogakukan, M Pictures
โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป
Stand By Me Doraemon - 7
7
Stand By Me Doraemon
จุดหนึ่งที่ทำให้เราได้กลับไปสัมผัสกับโลกของโดราเอมอนอีกครั้งอย่างสมบูรณ์ ก็คงเป็นเสียงพากย์ที่ขนเอาทีมงานเก่าแก่ที่เคยพากย์มานานนม กลับมาพากย์ไทยให้เราได้ซึมซับกันอีกครั้ง แต่ก็น่าเสียดายอยู่อย่างหนึ่งว่า หนังอาจจะยังไม่พีคมากพออย่างที่อยากให้เป็น และฉากที่ควรจะเรียกน้ำตาให้มาแบบกระหน่ำ กลับมาเพียงรื้นๆ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่า ถ้าดูแบบซับไทยมันจะได้มากกว่านี้รึเปล่านะ