สตูดิโอที่มีชื่อเสียงยาวนาน สร้างสรรค์ภาพยนตร์มามากมาย ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่ว่าด้วยเรื่องความฝัน และการขอพร วันนี้ ในโอกาสครบ 100 ปีดิสนีย์ พวกเขาจึงเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษ ด้วยการพาทุกคนก้าวเข้าสู่อาณาจักรโรซาส ไปพบกับดินแดนแห่งความฝันที่กลายเป็นจริง ในภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง ‘Wish หรือชื่อไทย ‘พรมหัศจรรย์’
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
เรื่องเล่าของอาณาจักรที่มีพระราชาผู้มีอำนาจประธานพรให้กับปวงประชา กับหญิงชาวที่ขอพรจากดวงดาว เล่าด้วยการหยิบวัตถุจากหลากแอนิเมชันที่ผ่านมาของดิสนีย์ ทำให้หนังมี Easter Egg เต็มไปหมด แฟนพันธุ์แท้น่าจะสนุกกับการมองหาว่ามันอยู่ตรงไหนบ้าง งานภาพงดงามสไตล์ภาพวาดที่ผสมผสานระหว่าง 2 และ 3 มิติกันอย่างกลมกลืน บวกกับเพลงที่แต่ง เรียบเรียง และขับร้องมาอย่างไพเราะ แต่พล็อตเรื่องกลับไม่ได้เจออะไรแปลกใหม่ แถมยังเบาบางและจบง่ายดายไปนิด
หนังไม่ลืมส่วนผสมสำคัญของตนเอง หยิบมาใช้ทุกอย่าง โดยเฉพาะน้องดาวที่น่ารักเอามากๆ
เรื่องย่อหนัง ‘พรมหัศจรรย์’
ในโลกที่มีอาณาจักรโรซาส ดินแดนที่ปกครองโดยราชาแม็กนิฟิโก (Chris Pine จากหนังเรื่อง ‘Star Trek Into Darkness’ และ ‘Into the Woods’) พระราชาผู้เปี่ยมไปด้วยจิตใจเมตตา เขาคือผู้วิเศษที่รวบรวมพรจากปวงประชา และมีอำนาจประธานพรของพวกเขาให้เป็นจริง ทุกคนล้วนศรัทธาในราชาแห่งโรซาสผู้นี้
เช่นเดียวกันกับ อาช่า (Ariana DeBose จากหนังเรื่อง ‘Hamilton’ และ ‘West Side Story’) หญิงสาววัย 17 ปี ผู้เป็นทั้งนักอุดมคติและมีไหวพริบเป็นเลิศ ที่เลี้ยงเจ้า วาเลนติโน (Alan Tudyk จากหนังเรื่อง ‘Encanto’ และ ‘Aladdin’) เจ้าแพะน้อยตัวโปรดของเธอที่เป็นดังเพื่อนสนิท เธอต้องการจะเข้าไปเป็นลูกมือของราชาแม็กนิฟิโก และหวังให้ความปรารถนาของคุณปู่ที่รอคอยมานานได้เป็นจริง แต่กลับพบความจริงอันน่าประหลาดใจ เมื่อแท้จริงพรคำขอส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกตอบรับอย่างที่คิดไว้ จึงหันไปขอพรจากดวงดาว
ผลปรากฏว่า อาช่าได้รับคำตอบรับด้วยพลังแห่งจักรวาล ซึ่งเป็นลูกบอลพลังงานขนาดเล็กชื่อ Star แต่ทั้งอาช่าและ Star ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูเป็นถึงราชาผู้น่าเกรงขาม เพื่อช่วยเหลือชุมชนของเธอและพิสูจน์ว่าเมื่อพลังแห่งความปราถนาของคนที่มีความกล้า เชื่อมโยงเข้ากับมนต์วิเศษของดวงดาว
รีวิวหนัง ‘Wish’
ภาพยนตร์เรื่องนี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี Walt Disney Animation Studios และนี่คือความใฝ่ฝันที่มุ่งมั่นจนทำได้สำเร็จของ ฝน วีระสุนทร จากเด็กชลบุรี สู่ผู้กำกับหนังดิสนีย์ชาวไทยคนแรก ไต่เต้าจากการเป็น Story Artist อยู่เบื้องหลังทั้ง ‘Zootopia’, ‘Moana’ และ ‘Frozen’ เลื่อนขั้นเป็น Head of Story ในแอนิเมชันเรื่องเยี่ยมอย่าง ‘Raya and the Last Dragon’ ก่อนจะก้าวขึ้นเป็นผู้กำกับหญิงในวันนี้ พร้อมหยิบเอาคอนเซปต์เรื่องความฝันมาสร้างสรรค์เป็นพล็อตเรื่องของ ‘Wish พรมหัศจรรย์’
แอนิเมชันเรื่องนี้เป็นการกำกับร่วมกันของ ฝน กับ Chris Buck ผู้เคยทำให้ ‘Tarzan’ และ ‘Frozen’ ประสบความสำเร็จไปทั่วโลก
หนังพยายามผสมผสานทุกสิ่งที่ดิสนีย์ทำมาในอดีต ด้วยการเล่าเรื่องของอาณาจักรที่มีพระราชาและประชาชน นำไอเดียของพรที่เป็นนามธรรมมาแปรเป็นรูปธรรมอย่างลูกกลมๆ ที่ลอยละล่องอยู่ในวิหารสูง ใช้ตัวละครหญิงนำ มีคู่หูเป็นสัตว์เลี้ยงตัวจ้อยที่ติดตามไปทุกหนทุกแห่ง บอกเล่าว่าราชาผู้นี้มีความเป็นผู้วิเศษที่เก็บรวบรวมพรเหล่านั้นไว้แต่ผู้เดียว แต่เลือกจะเมินเฉยแต่พรส่วนใหญ่ และประทานสิ่งที่ประชาชนวาดหวังให้เป็นจริงได้เพียงบางคนเท่านั้น ความศรัทธาที่มากเกินไปบดบังความสงสัย ทำให้พวกเขาไม่รู้ว่า แท้จริงแล้ว ราชาผู้น่าเกรงขาม ไม่ได้มีจิตใจดีงามอย่างที่พวกเขาเชื่อกัน
แต่แล้วความผิดหวังในตัวราชา นำพาให้หญิงสาวหันหน้าขอพรกับดวงดาว ผลจึงกลายเป็นว่า เธอได้พบกับสตาร์ ลูกบอลกลมน่ารักสีเหลืองสุกสว่าง ที่มีพลังสามารถบันดาลความวิเศษให้เกิดขึ้นได้กับทุกสิ่ง แต่ราชาคงไม่ชอบสิ่งนี้
เอาเข้าจริง ก็ไม่ถึงกับเก็ทมากสักเท่าไหร่ กับการเลือกให้พรกลายเป็นลูกบอลล่องลอย คอนเซปต์ของพรที่ถูกราชาริบไว้เป็นสมบัติส่วนตัว ผู้คนต่างหวังพึ่งราชาบันดาลให้พรเป็นจริง ทั้งที่บางอย่างมันก็เป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถจะทำให้มันเป็นจริงได้ไม่ต้องพึ่งราชา แถมดูเหมือนการมอบพรให้ก็เหมือนการถูกล้างสมองให้พวกเขาหลงลืมความปรารถนาของตนเองไปสิ้น
เรื่องราวดูไม่ซับซ้อน ออกจะเบาบางไปบ้างด้วยซ้ำ แต่หนังก็ใช้ลูกเล่นอย่างการแทรกกิมมิกที่เรียกว่า Easter Egg เข้ามา หยิบเอาหลายสิ่งที่เคยถูกบอกเล่าและเป็นภาพจำจากหนังแอนิเมชันเรื่องต่างๆ ในช่วง 100 ปีที่พ้นผ่านมาใส่ไว้ในหนัง ทั้งที่จัดวางแบบแนบเนียนและแบบตั้งใจให้โจ่งแจ้ง ทำให้คนที่เป็นแฟนดิสนีย์พันธุ์แท้อิ่มสุขกับการมองหาสิ่งเหล่านั้นในหนัง
ในเมื่อบทความนี้เป็น รีวิวหนัง Wish ก็จะขอเล่าถึงสิ่งที่ชอบและไม่ชอบของมันก็แล้วกัน จุดเด่นอีกอย่างของแอนิเมชันเรื่องนี้ คงเป็นเรื่องงานภาพที่ผสมผสานงาน 2D สไตล์ภาพวาดเข้ากับการใช้ภาพ 3 มิติ ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี กับอีกส่วนคือ เพลงต่างๆ ที่ล้วนไพเราะและเรียบเรียงมาอย่างดี ทำให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างเพลิดเพลิน ในรอบที่นายแพทเข้าไปชมเป็นแบบพากย์ไทย เลยได้ฟังการขับร้องของทั้ง อิ้ง วรันธร ผู้รับบทพากย์เป็น อาช่า และ ตู่ ภพธร ที่รับบทพากย์เป็น ราชาแม็กนิฟิโก เลยได้พบว่า ทั้งสองต่างขับร้องเอาไว้ได้ไพเราะมาก แต่ในเรื่องก็ไม่ได้มีแต่เสียงของสองคนนี้นะ ยังมีเพลงของเสียงอื่นที่พาเพลิดเพลินไปกับหนังได้อย่างเช่นกัน
แม้ว่าเรื่องราวจะยังดูเบาบาง และลงเอยง่ายดาย แต่ส่วนที่ชอบก็มี มันคือเรื่องของการต่อสู้ของผู้คนที่ลุกขึ้นต่อต้านขัดขืน เมื่อพวกเขารู้สึกว่ากำลังถูกปกครองโดยไม่เป็นธรรม ก็ควรตั้งคำถามต่อผู้มีอำนาจ และรับรู้ถึงพลังมวลชนของตนเอง
อีกส่วนก็คือ แม้มันจะไม่เจออะไรใหม่ๆ เท่าไรนัก แต่มันก็ยังคงเสน่ห์ของการ์ตูนดิสนีย์ไว้อยู่ ทั้งตัวเอกที่เป็นหญิง ผู้มาพร้อมกับตัวละคร sidekick (ลูกคู่) ช่วยเรียกเสียงหัวเราะ ท่องไปในโลกที่มีพระราชาและประชาชน มีป่า มีสิงสาราสัตว์พูดได้ และในเรื่องนี้ มีน้องดาวที่น่ารักมาก น้องดาวที่ดวงตาเหมือนมิกกี้เม้าส์นั่นแหละ น้องกลายเป็นความประทับใจที่โดดเด่นที่สุดในตัวหนัง
อ่อ… หนังเรื่องนี้ต้องดูให้หมดจนถึงหยดสุดท้าย เพราะหนังมีฉากเล็กๆ ที่หยอดไว้ท้ายสุด
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Wish / พรมหัศจรรย์ |
กำกับ | Chris Buck, Fawn Veerasunthorn |
เขียนบท | Jennifer Lee, Allison Moore |
พาย์เสียงอังกฤษ | Ariana DeBose, Chris Pine, Alan Tudyk, Angelique Cabral, Victor Garber |
พากย์เสียงไทย | ตู่ ภพธร สุนทรญาณกิจ, อิ้งค์ วรันธร เปานิล, |
แนว/ประเภท | แอนิเมชัน, ผจญภัย, ครอบครัว, คอมเมดี้, แฟนตาซี, มิวสิคัล |
เรท | PG |
ความยาว | 95 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 23 พฤศจิกายน 2023 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Walt Disney Pictures, Walt Disney Animation Studios |
คะแนนหนัง พรมหัศจรรย์
พล็อตและบท - 5
การพากย์ (ไทย) - 7.8
การดำเนินเรื่อง - 6
เพลงและดนตรีประกอบ - 8
งานภาพ และโปรดักชั่น - 7.8
6.9
Wish
เรื่องเล่าของอาณาจักรที่มีพระราชาผู้มีอำนาจประธานพรให้กับปวงประชา กับหญิงชาวที่ขอพรจากดวงดาว เล่าด้วยการหยิบวัตถุจากหลากแอนิเมชันที่ผ่านมาของดิสนีย์ ทำให้หนังมี Easter Egg เต็มไปหมด แฟนพันธุ์แท้น่าจะสนุกกับการมองหาว่ามันอยู่ตรงไหนบ้าง งานภาพงดงามสไตล์ภาพวาดที่ผสมผสานระหว่าง 2 และ 3 มิติกันอย่างกลมกลืน บวกกับเพลงที่แต่ง เรียบเรียง และขับร้องมาอย่างไพเราะ แต่พล็อตเรื่องกลับไม่ได้เจออะไรแปลกใหม่ แถมยังเบาบางและจบง่ายดายไปนิด หนังไม่ลืมส่วนผสมสำคัญของตนเอง หยิบมาใช้ทุกอย่าง โดยเฉพาะน้องดาวที่น่ารักเอามากๆ