ในช่วงวัยรุ่น โลกของเขาคงไม่มีอะไรมากไปกว่า การเรียน พ่อแม่ และเพื่อน แต่ก็ยังมีอีกสิ่งที่แทรกซึมอยู่ในนั้น นั่นคือ ความชอบและการค้นหาตัวเอง และดูเหมือน ดนตรีหรือเสียงเพลงก็เป็นอีกสิ่งที่คนวัยนี้จะเริ่มสนใจกัน ‘The Colors Within’ หรือจะเรียกเป็นชื่อไทยๆ ก็ได้ว่า ‘เดอะ คัลเลอร์ส วิธอิน’ เล่าถึงการค้นหาและเติบโตของเด็กสาวคนหนึ่งที่มองเห็นคนอื่นเป็นสี
คิดเห็นเช่นไรกับหนังเรื่องนี้?
หนังแอนิเมชันแนว Coming-of-age และ Slice of Life ที่เล่าเรื่องของวัยรุ่น 3 คนที่รักในเสียงเพลงเหมือนกัน ชักชวนกันมาทำวงดนตรี โดยที่ต่างคนต่างก็มีบางสิ่งปกปิดในใจและต้องเรียนรู้ที่จะเติบโต เรื่องราวที่ดูเรียบง่ายไม่ซับซ้อน เดินไปเรื่อยๆ แทรกความอบอุ่นและความน่ารัก แม้จะมีประเด็นแต่ก็ยังดูบางเบาไปนิด ก่อนจะพาให้ผู้ชมได้เจอกับบรรดาเพลงที่พวกเขาได้แต่งและเรียบเรียงกันมา
น่าสนใจดี ที่เรื่องนี้ใช้เครื่องดนตรีอย่าง Theremin มาเป็นส่วนหนึ่ง เพราะเท่าที่ดูมา ไม่เคยเห็นเลยสักเรื่องเดียว
เรื่องย่อหนังแอนิเมชัน ‘The Colors Within’
ทตสึโกะ ฮิกูราชิ (พากย์เสียงโดย Sayu Suzukawa) เป็นเด็กสาวไฮสคูลของโรงเรียนคริสต์แห่งหนึ่ง ที่มีความสามารถในการมองเห็นสีสันในจิตใจของคนอื่นได้ แม้จะรู้สึกแปลกแยกแต่เธอก็พยายามจะไม่ให้ใครรู้เพื่อไม่ให้ตัวเองดูเป็นตัวประหลาด
วันหนึ่ง ที่ร้านหนังสือเก่าแห่งหนึ่งในนางาซากิ ทตสึโกะมองเห็นสีอันสวยงามจากร่างของคิมิ ซาคุนางะ (พากย์เสียงโดย Akari Takaishi) สาวสวยที่เธอได้พบพร้อมกับเสียงกีตาร์ และทตสึโกะก็ได้พบกับ คาเงฮิระ (พากย์เสียงโดย Taisei Kido) ชายหนุ่มที่รักเสียงเพลง ทำให้ทั้งสองตกลงใจจะตั้งวงกันขึ้นมา
และนี่คือ เรื่องราวและมิตรภาพของคนเซนสิทีฟ 3 คนที่รวมตัวกันเพื่อเล่นดนตรี
รีวิวหนัง ‘เดอะ คัลเลอร์ส วิธอิน’
ผลงานของ นาโอโกะ ยามาดะ ผู้กำกับที่เคยมีผลงานอย่าง อะนิเมะซีรีส์ ‘K-on!’ และหนังเรื่อง ‘A Silent Voice‘ ที่จะว่าไป มันก็เป็นอะนิเมะมูฟวี่ที่เล่าเรื่องราวเรียบง่ายของเด็กวัยรุ่น 3 คนที่รักในเสียงเพลงและตั้งวงดนตรีร่วมกัน แต่สิ่งที่ทำให้มันมีรายละเอียดมากกว่านั้น คือ หนึ่งในนั้นเป็นเด็กสาวที่มีความสามารถในการมองเห็นสีที่บ่งบอกอารมณ์บุคลิกของคนอื่นๆ และก็พยายามปกปิดมันไว้ อีกคน อาศัยอยู่กับคุณย่า (พากย์เสียงโดย Keiko Toda จากอะนิเมะ ‘Kiki’s Delivery Service’) เธอลาออกจากโรงเรียนแต่โกหกคุณย่าว่ายังเรียนอยู่ ทั้งยังทำงานพิเศษในร้านหนังสือเก่า
ส่วนคนที่สามเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรียบที่เดียวกับทั้งสองคนเลย เขาเป็นเพียงผู้ชายที่บังเอิญพบกันในร้านหนังสือเก่าที่คนที่สองทำงานอยู่นั่นเอง คนนี้ก็หลงใหลการเล่นดนตรี ชอบสะสมอุปกรณ์เครื่องเล่น ทั้งที่ทางบ้านมุ่งหวังให้เรียนไปเป็นหมอ
จะเห็นว่า ทุกคนต่างก็มีเรื่องให้หวาดกลัวและต้องปิดบังทั้งไม่อาจก้าวข้ามมันไปได้นั่นเอง แต่มิตรภาพของคนทั้งสามที่เริ่มถักทอก็จะช่วยสานต่อให้ต่างคนต่างเติบโตขึ้นและเลือกตัดสินใจได้เอง
เอาเข้าจริง เรื่องราวของมันค่อนข้างเดินไปอย่างเงียบๆ แทรกด้วยความน่ารักอยู่เป็นระยะๆ อาจดูมีความเล่นตามสูตรอยู่หน่อยๆ ไม่เจออะไรหวือหวา ทว่าก็แฝงไปด้วยความอบอุ่น ให้บรรยากาศของการเยียวยาและโอบกอด เรื่องราวในหนังดำเนินไปเพื่อคลี่คลายในทุกปมที่แต่ละคาแรกเตอร์กำลังเผชิญ ก่อนจะถึงช่วงสุดท้าย ที่คนดูจะได้พบกับทุกเพลงที่พวกเขาเขียนและเรียบเรียงกันมา ซึ่งหนึ่งในนั้นจะเป็นเพลงที่คนดูรู้สึกเข้าหูมากที่สุด
แม้ว่าตอนต้นเรื่องจะพยายามอธิบายเรื่องสีที่เชื่อมโยงมาถึงการมองเห็นอันแปลกประหลาดของทตสึโกะ แต่เมื่อเรื่องเดินไป ก็ไม่ได้พบเห็นอะไรที่สลักสำคัญนักกับการมองเห็นคนอื่นเป็นสีของเธอ เมื่อเรื่องราวจบลง มันดูเบาบางเกินไปเมื่อเทียบกับที่ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อหนัง
สิ่งที่พอจะเป็นแก่นที่พาให้เรื่องดูแข็งแกร่งขึ้นมาได้ก็น่าจะเป็นเรื่องการยอมรับในตัวตนของพวกเขา แต่ละคนอาจมีสีที่เป็นของตัวเอง การยอมรับในสีของคนอื่นถือเป็นเรื่องใหญ่ที่บางคนรู้สึกยากจะก้าวข้าม ผู้ใหญ่ในเรื่องอาจมองว่าดนตรีไม่ได้ยิ่งใหญ่เมื่อเทียบกับสิ่งอื่น แต่มันคือความฝันและเป็นสิ่งที่เด็กๆ รัก คำพูดที่ดูจะมีแก่นสารมากที่สุดในเรื่องก็คงจะเป็น “กล้าเปลี่ยนในสิ่งที่เปลี่ยนได้ ยอมรับในสิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้”
ถ้ามองไปที่เรื่องดนตรีและการตั้งวง พวกเขาต่างก็พยายามจะเขียนเพลงเองในแบบของแต่ละคน นำประสบการณ์มาผสมกับแนวเพลงที่ชื่นชอบ แล้วนำมาประสานกันให้เป็นวง ทำให้หนังแอนิเมชันเรื่องนี้มีทั้งเพลงที่เป็นของวัยรุ่นทั้งสาม และเพลงธีมของหนังที่เป็นผลงานของ Mr. Children ซึ่งก็คือเพลง ‘In the Pocket’ ที่จะโผล่มาให้ฟังกันในตอนท้ายเรื่อง
อีกสิ่งที่มองว่าน่าสนใจ ก็คือ การได้เห็นว่าหนึ่งในสมาชิก เลือกจะใช้เครื่องดนตรีที่ชื่อ Theremin หรือ เธรามิน ซึ่งจะว่าไป ก็ยังไม่เคยเห็นหนังหรืออะนิเมะเรื่องไหน(ที่เคยดู)จะหยิบมันมาใช้สักที
ดูหนังจบไม่ต้องรีบลุกนะ หลังเครดิตที่มาพร้อมกับเพลงธีมแล้ว ก็จะมีฉากพิเศษแถมท้ายสุดอีกที
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | The Colors Within / เดอะ คัลเลอร์ส วิธอิน / Kimi no Iro / きみの色 |
กำกับ | Naoko Yamada |
เขียนบท | Reiko Yoshida |
แสดงนำ | Sayu Suzukawa, Akari Takaishi, Taisei Kido, Keiko Toda, Yui Aragaki, Aoi Yûki |
แนว/ประเภท | แอนิเมชัน, ดราม่า, เพลง |
เรท | PG |
ความยาว | 101 นาที |
ปี | 2024 |
สัญชาติ | ญี่ปุ่น |
เข้าฉายในไทย | 28 พฤศจิกายน 2024 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | East Japan Marketing & Communications Inc., Lawson Group, Science SARU, Story. Toho Studios, Encore Films, Warner Bros. Thailand |
คะแนนรีวิว เดอะ คัลเลอร์ส วิธอิน
พล็อตและบท - 6.6
การพากย์ - 7
งานภาพ - 7
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.3
การดำเนินเรื่อง - 6.6
6.9
The Colors Within
หนังแอนิเมชันแนว Coming-of-age และ Slice of Life ที่เล่าเรื่องของวัยรุ่น 3 คนที่รักในเสียงเพลงเหมือนกัน ชักชวนกันมาทำวงดนตรี โดยที่ต่างคนต่างก็มีบางสิ่งปกปิดในใจและต้องเรียนรู้ที่จะเติบโต เรื่องราวที่ดูเรียบง่ายไม่ซับซ้อน เดินไปเรื่อยๆ แทรกความอบอุ่นและความน่ารัก แม้จะมีประเด็นแต่ก็ยังดูบางเบาไปนิด ก่อนจะพาให้ผู้ชมได้เจอกับบรรดาเพลงที่พวกเขาได้แต่งและเรียบเรียงกันมา น่าสนใจดี ที่เรื่องนี้ใช้เครื่องดนตรีอย่าง Theremin มาเป็นส่วนหนึ่ง เพราะเท่าที่ดูมา ไม่เคยเห็นเลยสักเรื่องเดียว