รอคอยกันมาเป็นเดือนๆ เลยนะคนไทย ในที่สุด ก็ถึงเวลาที่เราจะได้รับชมผลงานแอนิเมชันเรื่องสุดท้ายของคุณปู่มิยาซากิกันแล้ว หลังมีข่าวการปลดปล่อยสตูดิโออันเป็นที่รักและฟูมฟักมายาวนานและส่งไม้ต่อให้คนอื่นไปดูแล คุณปู่ก็หยิบเอาผลงานนิยายเรื่อง ‘How Do You Live?’ ของเก็นซาบุโร โยชิโน่ มาร้อยเรียงสร้างสรรค์เรื่องราวเสียใหม่ กลายเป็น ‘The Boy and the Heron’ หรือชื่อไทย ‘เด็กชายกับนกกระสา’ ที่บอกเล่าการเดินทางไปสู่โลกมหัศจรรย์อีกครั้ง
ความคิดเห็นส่วนตัวของนายแพท
ผลงานแอนิเมชันเรื่องสุดท้ายของ ฮายาโอะ มิยาซากิ ก่อนปล่อยมือจากสตูดิโอจิบลิที่ฟูมฟักมานานเกือบสี่สิบปี กับเรื่องราวที่หยิบชีวิตส่วนตัวหลายอย่างมาร้อยเรียงเป็นเรื่องเล่า ให้เจ้านกกระสานวลเป็นผู้นำทางพามาฮิโตะเดินเข้าสู่โลกคนตายเพื่อตามหาคุณน้าที่หายไป พบเจอกับสิ่งแปลกประหลาดมากมาย ได้เรียนรู้และเลือกหนทางเดินของตนเอง ขณะเดียวกัน มันก็บอกเล่าถึงการจากลา และบอกว่าถึงเวลาของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ต้องล่มสลาย
งานภาพยังคงสวยสดงดงามตามสไตล์จิบลิ มาพร้อมกับเสียงดนตรีประกอบที่โดดเด่น และที่สำคัญคือ เรื่องเล่ายังคงเปี่ยมจินตนาการและมีความหมายอันลึกซึ้ง
เรื่องย่อหนัง ‘The Boy and the Heron’
หนังเล่าเรื่องของโตเกียวในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 มาฮิโตะ (พากย์ญี่ปุ่นโดย Soma Santoki) เด็กชายวัย 11 ปี ที่ต้องสูญเสียคุณแม่ไปในกองเพลิง ก่อนจะย้ายออกจากเมืองพร้อมกับโชอิจิ (พากย์ญี่ปุ่นโดย Takuya Kimura จากหนังเรื่อง ‘2046’ และ ‘Blade of the Immortal’) ผู้เป็นพ่อ ไปอยู่บ้านเกิดของคุณแม่ชั่วคราว และคุณน้านัnสึโกะ (พากย์ญี่ปุ่นโดย Yoshino Kimura จากซีรีส์ ‘Avalanche’) น้องสาวของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ก็กลายเป็นแม่คนใหม่ของเขา
เมื่อมาฮิโตะไปถึง ก็ได้พบกับนกกระสานวลตัวหนึ่ง ที่มักจะคอยบินมาป้วนเปี้ยนใกล้ตัวเขาอยู่บ่อยครั้งอย่างน่าแปลกใจ มาฮิโตะรู้มาอีกว่า หอคอยเก่าที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ บ้านหลังนั้น ถูกสร้างขึ้นโดยคุณปู่ของคุณแม่และเขาได้หายตัวไปในบ้านหลังนั้น
แต่แล้วอีกวัน นัทสึโกะกลับหายตัวไปในหอคอยหลังเก่าที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ บ้าน มาฮิโตะจึงต้องเข้าไปที่ตึกนั้นเพื่อตามหาเธอ โดยมีนกกระสาสีเทาเป็นผู้นำ สุดท้ายเขากลับเข้าไปอยู่ในโลกแห่งการผจญภัยอีกใบหนึ่ง เขาพบว่าตัวเองอยู่ในภวังค์ประหลาดระหว่างความเป็นและความตาย นอกจากผู้ที่อาศัยอยู่ที่นั่นจะสร้างความประหลาดใจแล้ว เขายังได้พบกับความลับของโลกใบนั้นด้วย
รีวิวหนัง ‘เด็กชายกับนกกระสา’
โปรเจกต์ของแอนิเมชันเรื่องนี้ มันเริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่ปี 2016 แล้ว และแพลนว่าจะเสร็จนำออกฉายในปี 2019 แต่ไปๆ มาๆ หนังก็ได้ฉายในปี 2023 การเดินทางยาวนานถึง 7 ปีก็ต้องถือว่านานอยู่ แต่สำหรับคนไทย เราต้องรอคอยมากกว่านั้น เพราะกว่าที่หนังจะได้ฉายปลายเดือนตุลาคม ก็มีอันต้องเลื่อนมาเป็น 11 มกราคม 2024 จนได้
และดูท่าแล้ว เรื่องนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องสุดท้ายจริงๆ ของคุณปู่ Hayao Miyazaki ซะที ด้วยอายุแกก็ปาเข้าไป 83 ปี (แกเกิด 5 มกราคม 1941 ครับ) และเมื่อไม่มีผู้สืบทอด แกก็จำใจต้องปล่อยมือและให้คนที่มีแรงเขาดูแลต่อ เอาล่ะ ทีนี้ เรามาว่ากันถึงแอนิเมชันทิ้งทวนเรื่องนี้กันดีกว่า
เอาเข้าจริง มันยังคงมีความเป็นหนังของคุณปู่มิยาซากิที่เราคุ้นเคยมา หยิบชีวิตจริงของผู้กำกับมาบอกเล่าและถ่ายทอด จึงมีความคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยผ่านตามาแล้วจากแอนิเมชันหลายเรื่องก่อนหน้า
‘เด็กชายกับนกกระสา’ บอกเล่าถึงความสูญเสียแม่ของเด็กคนหนึ่งระหว่างที่ไฟของสงครามโลกยังไม่มอดดับ การเติบโตมาท่ามกลางครอบครัวที่ทำมาหากินกับสงครามจนเป็นความหลังฝังใจ และการพาตัวละครหลักหนีออกไปจากโลกแห่งความจริง สู่ดินแดนแฟนตาซีที่ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ ทั้งหมดถูกหยิบมาบอกเล่าอีกครั้งในหนังเรื่องนี้
ครั้งนี้ ตึกเก่าที่ถูกทิ้งร้างกลายเป็นเส้นแบ่งระหว่างโลกคนเป็นกับโลกคนตาย การออกตามหาคุณน้านัทสึโกะคนที่กลายเป็นแม่คนใหม่ นกกระสานวลคอยชี้ชวนและนำทางพาเด็กหนุ่มมาฮิโตะออกผจญภัยในแดนของคนตาย เมื่อนกกระสานวลเริ่มพูดได้ บอกว่าคุณแม่ของเขายังอยู่และเขาต้องไปที่นั่น อีกส่วนก็คือ เขาเห็นน้านัทสึโกะเดินไปที่นั่น จุดหมายของเขาจึงเป็นทั้งการตามหาความจริงเรื่องคุณแม่และพาคุณน้ากลับมายังโลกคนเป็น
จินตนาการที่แปลกประหลาดไม่เหมือนใครของคุณปู่ออกมาสู่สายตาของพวกเราอีกครั้ง อาจไม่ได้เต็มไปด้วยหลากหลายสิ่งอย่าง ‘Spirited Away’ แต่ก็เปี่ยมล้นมากพออยู่ และพอจะเห็นว่ามีหลายสิ่งที่ใกล้เคียงกับหนังแอนิเมชันเรื่องก่อนๆ ที่คล้ายถูกหยิบมาใช้อีกครั้งด้วยไอเดียที่แตกต่างไป
แต่สิ่งหนึ่งที่จะมองเห็นได้ก็คือ เนื้อหาของมันมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง เพราะมันจะเป็นหนังเรื่องสุดท้าย มันจึงมีความหมายถึงการจากลา การปล่อยมือที่ยึดยื้อมานานให้อาณาจักรที่เคยสรรค์สร้างไว้ต้องล่มสลายไปกับตา ในเมื่อไม่มีผู้สืบทอด ไม่มีคนสานต่อ ก็คงถึงเวลาต้องปล่อยวาง
เป็นปกติธรรมดาของหนังแอนิเมชันจาก Studio Ghibli ที่มักไม่เร่งเร้าในระหว่างการเดินทางของเรื่อง การรับชมในครั้งแรกอาจมีอาการที่เป็นปัญหาในปะติดปะต่อเรื่องราว จึงต้องใช้การเปิดดูครั้งที่สองเพื่อเก็บรายละเอียด แล้วเราจะเริ่มมองเห็นแมสเสจที่ถูกวางเอาไว้ ไม่ได้ยากเย็นเกินทำความเข้าใจ แต่ก็อาจยังหลงเหลือรายละเอียดแฝงที่ต้องอาศัยเวลา
และยังเป็นเช่นเคย นอกเหนือจากเรื่องเล่าเปี่ยมจินตนาการที่เป็นดั่งนิทานแห่งชีวิต ผลงานของสตูดิโอนี้ยังคงโดดเด่นที่งานภาพ การเคลื่อนไหวแต่ละเฟรมที่ละเอียดลออและชวนว้าว ภาพแบ็คกราวด์ที่วาดมือ ดนตรีประกอบที่งดงามและลงตัว จะมีเรื่องน่าเสียดายบ้างก็ตรงที่ในเมืองไทยไม่มีให้รับชมในแบบ IMAX เท่านั้นเอง
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | The Boy and the Heron / เด็กชายกับนกกระสา / 君たちはどう生きるか |
กำกับ | Hayao Miyazaki |
เขียนบท | Hayao Miyazaki |
แสดงนำ | Soma Santoki, Masaki Suda, Ko Shibasaki, Yoshino Kimura, Takuya Kimura |
แนว/ประเภท | แอนิเมชัน, ผจญภัย, แฟนตาซี, ดราม่า, ครอบครัว |
เรท | PG-13 |
ความยาว | 124 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | ญี่ปุ่น |
เข้าฉายในไทย | 11 มิถุนายน 2024 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Studio Ghibli, Toho Company, Encore Films, Warner Bros. Thailand |
คะแนนรีวิวหนัง เด็กชายกับนกกระสา
พล็อตและบท - 8
การดำเนินเรื่อง - 7.6
การพากย์เสียง - 8.4
งานภาพ - 10
ดนตรีประกอบ - 9.2
8.6
The Boy and The Heron
ผลงานแอนิเมชันเรื่องสุดท้ายของ ฮายาโอะ มิยาซากิ ก่อนปล่อยมือจากสตูดิโอจิบลิที่ฟูมฟักมานานเกือบสี่สิบปี กับเรื่องราวที่หยิบชีวิตส่วนตัวหลายอย่างมาร้อยเรียงเป็นเรื่องเล่า ให้เจ้านกกระสานวลเป็นผู้นำทางพามาฮิโตะเดินเข้าสู่โลกคนตายเพื่อตามหาคุณน้าที่หายไป พบเจอกับสิ่งแปลกประหลาดมากมาย ได้เรียนรู้และเลือกหนทางเดินของตนเอง ขณะเดียวกัน มันก็บอกเล่าถึงการจากลา และบอกว่าถึงเวลาของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ต้องล่มสลาย งานภาพยังคงสวยสดงดงามตามสไตล์จิบลิ มาพร้อมกับเสียงดนตรีประกอบที่โดดเด่น และที่สำคัญคือ เรื่องเล่ายังคงเปี่ยมจินตนาการและมีความหมายอันลึกซึ้ง