โซนี่ยังคงมุ่งมั่นจะทำหนังซูเปอร์ฮีโร่ตัวชูโรงของพวกเขาให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังทำหนังแบบคนแสดงมา 2 ชุด ก็หันมาทำไอ้แมงมุมให้กลายเป็นแอนิเมชันบ้าง และหลังจากประสบความสำเร็จ ได้เสียงตอบรับที่ดีจากภาคแรก ก็ได้เวลาที่ภาคสองจะผงาด ‘Spider-Man: Across the Spider-Verse’ ที่ชื่อไทยก็ยาวไม่แพ้กัน ‘สไปเดอร์-แมน: ผงาดข้ามจักรวาลแมงมุม’ หนังที่เล่าเรื่องสไปเดอร์-แมนที่วุ่นวายยุ่งเหยิงอยู่กับมัลติเวิร์ส
จากผลงานฉบับคอมิกที่เขียนโดย แดน สลอตต์ ถูกหยิบจับมาดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันฉายโรง และเรื่องราวที่ต่อเนื่องจากภาคแรก ‘Spider-Man: Into the Spider-Verse’ เมื่อวัยรุ่นผิวสีอย่าง ไมลส์ โมราเลส ที่ถูกแมงมุมอาบรังสีกัดเข้าโดยบังเอิญ จนกลายเป็นสไปเดอร์แมนคนใหม่ แถมยังได้พบว่า คิงพิน มาเฟียตัวร้ายคือผู้ที่สร้างเครื่องเร่งอนุภาคสร้างประตูมิติขึ้นมา ด้วยหวังจะนำลูกเมียจากมิติกลับมาทดแทนความสูญเสียของตนในมิตินี้ แต่ก็กลับทำให้การความทับซ้อนมิติต่างๆ และส่งให้สไปเดอร์แมนจากแต่ละมิติได้หลุดเข้ามายังโลกนี้
หนังเล่าถึงเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่กำลังกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ เขาเริ่มจะช่วยเหลือผู้คน รวมทั้งพ่อของเขาเองด้วย
เรื่องย่อหนัง ‘Spider-Man: Across the Spider-Verse’
หนึ่งปีผ่านไป หนุ่มน้อยแห่งบรูคลิน ไมล์ส โมราเลส (Shameik Moore จากหนังเรื่อง ‘Dope’ และ ‘Samaritan’) พบว่า ตัวเองถูกตัดขาดจากสหายสไปเดอร์ที่เคยร่วมต่อสู้กันมาในภาคแรก แต่เขาก็เติบโตขึ้น และมีความสามารถมากขึ้นจนกลายเป็นฮีโร่วัยไฮสคูล แต่การที่พวกเขาไม่ได้เจอกัน ก็ทำให้ทั้ง ไมลส์ และ เกวน สเตซี่ (Hailee Steinfeld จากหนังเรื่อง ‘Bumblebee’ และซีรีส์เรื่อง ‘Dickinson’) รู้สึกถึงการขาดหายไปของกลุ่มคนที่เข้าใจพวกเขา
ก่อนที่ต่อมา ไมลส์จะพบว่า โลกของเขากำลังมีวายร้ายตัวใหม่ นามว่า สป็อต (Jason Schwartzman) ผู้มีพลังของหลุมมิติ ที่บุกรุกเข้าไปยังโลกต่างๆ ได้ และมันได้ชักนำเขาให้เข้าไปพัวพันและพบเจอกับเหล่าสไปเดอร์แมนจากมิติอื่น
สไปเดอร์-แมนวัยรุ่นอย่างไมลส์ ถูกผลักดันให้ต้องพบกับสไปเดอร์-แมนจากมิติแห่งอื่น รวมทั้งได้รู้จักกับสไปเดอร์-ทีม แต่แล้วก็ได้เผชิญเข้ากับความขัดแย้งที่เกิดเพราะความเห็นต่างของสไปดี้แต่ละคน แล้วก็ยังต้องต่อสู้เพื่อเจตนารมย์ที่แท้จริงของซูเปอร์ฮีโร่ มันคือ เรื่องราวที่เหนือการคาดเดาของคนดู
รีวิวหนัง ‘สไปเดอร์-แมน: ผงาดข้ามจักรวาลแมงมุม’
หลังจากภาคแรก ได้แนะนำเราให้รู้จักกับสไปเดอร์-แมนวัยรุ่นผิวสีอย่าง ไมลส์ พร้อมกับพาเราไปรู้เห็นว่า ที่จริงมันสไปเดอร์-แมนอยู่ในอีกหลากหลายมิติ ก็มาถึงเนื้อหาที่ถูกขยายให้ใหญ่โตขึ้นในภาคนี้ จากเดิมที่เล่าอยู่ในแต่ในโลกที่ไมลส์ยืนอยู่ (ซึ่งจะถูกเรียกว่า เอิร์ธ-1610) หนังภาคนี้จะพาเราไปเดินอยู่บนโลกในมิติอื่นๆ บ้าง
สานต่อเรื่องเล่าหลากสไปดี้ ในมัลติเวิร์ส
ในภาคก่อน ไมลส์ได้เผชิญหน้ากับ ลีฟ หรือ ด็อกอ็อก (Kathryn Hahn) สมุนหนวดหมึกตัวร้ายของคิงพิน แถมยังได้พบว่า แอรอน (Mahershala Ali จากหนังเรื่อง ‘Moonlight’) อาของตัวเอง คือ พรอวเลอร์ ที่ทำงานให้กับคิงพิน และเขาตามมาแย่งชิงชิปที่จะหยุดยั้งโปรเจกต์เครื่องเร่งอนุภาคสุดอันตรายนั่น มันกลายเป็นจุดหักมุมที่สร้างความสับสนในใจของไมลส์เป็นอย่างมาก เป็นบาดแผลสำคัญที่เขาต้องก้าวข้ามมันไป มันจะทำให้เขาเข้าใจได้ว่า แม้จะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ก็ไม่อาจจะช่วยทุกคนได้ พวกเขาอาจต้องเสียใครบางคนที่สำคัญในชีวิตไปบ้าง
แต่ไม่ว่ายังไง ไมลส์ก็พัฒนาชุดของตัวเอง และช่วยพาทุกสไปดี้ให้กลับบ้านของพวกเขาได้ในท้ายที่สุด
สไตล์ภาพสุดจัดจ้าน แต่อาจมีปัญหา ต่อสายตาของคนมีอายุ
โผล่มาก็เล่นงานผู้ชมอย่างเราๆ ในทันที ด้วยงานภาพที่ทำให้มองเห็นความกล้าเล่นของทีม งานแนวอาร์ตที่สาดใส่ลงไปในแอนิเมชันหนังใหญ่ แถวเพิ่มไอเดียของใส่เทคนิคงานภาพที่แตกต่างกันไปในแต่ละมิติ ซึ่งคงต้องบอกว่า ในช่วงเวลาปกติธรรมดา อย่างการพูดคุยกันของตัวละคร มันคือช่วงเวลาของความบรรเจิดที่เต็มไปด้วยสีสันบนจอยักษ์ แต่พอถึงฉากต่อสู้ ความวูบวาบ ภาพที่เคลื่อนไหวโคตรไว บวกแสงกระพริบ ภาพที่เหมือนจะทำให้เฟรมเรทต่ำ บวกกับมีกล่องข้อความ ซับที่อยู่ข้างล่างให้ต้องเลื่อนสายตาไปอ่าน
ทั้งหมดที่ยิงต่อกันยาวๆ พาปวดลูกกะตา (โดยเฉพาะคนมีอายุ) และอาจถึงพามึนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
เล่าเนื้อหาที่ซับซ้อนและลึกซึ้งยิ่งกว่าเรื่องไหน
ด้วยความยาวของหนัง 2 ชั่วโมง 20 นาที ทีมงานเขียนบทและกำกับใช้เวลาทุกวินาทีไปอย่างคุ้มค่า เล่าเรื่องยาวๆ ได้อย่างมีเนื้อมีหนัง มีความซับซ้อนทั้งในแง่เรื่องราวและแง่มุมทางอารมณ์
มันเล่าถึงตัวละครใหม่อย่าง สป็อต ที่เริ่มต้นก็ใช้พลังอย่างซุ่มซ่าม ก่อนที่จะเปิดให้คนดูรู้ว่าเขามีที่มาจากผลพวงของภาคแรกอย่างไร และก่อนที่จะพัฒนาตัวเองให้ลงมือแก้แค้นตามปมที่สร้างตัวเขาเอาไว้ อีกรายที่มาใหม่แต่ก็เป็นตัวสำคัญ เขาคือ มิเกล โอฮารา (Oscar Isaac จากหนังเรื่อง ‘Ex Machina’ และซีรีส์เรื่อง ‘Moon Knight’) เขาคือสไปดี้แห่งโลกอนาคต เป็นผู้ก่อตั้งสไปเดอร์-โซไซตี้ที่ร่วมทีมสไปดี้ในทุกจักรวาล ตัวละครที่ทำให้ทุกคนต้องตอบคำถามให้กับตนเอง นอกจากนี้ ก็ยังมาพร้อมกับเหล่าสไปเดอร์-แมนในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น เกวน หรือสไปเดอร์-วูแมน ที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว หรือจะเป็นโฮบี้ บราวน์ สไปดี้เวอร์ชันสุดพังก์ และ ปวิตร สไปเดอร์-แมนเวอร์ชันอินเดีย แห่งเมืองแมนบัตตัน!
ไม่ใช่แค่งานภาพที่ท้าทายและพยายามจะฉีกตัวเองออกไปสู่ความอินดี้ หนังภาคนี้ ยังเล่าไปถึงปัญหาครอบครัว เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ แม่และลูก การเติบโต การค้นพบตัวเอง coming-of-age ซึ่งทำให้มันออกมาเป็นหนังที่กินใจ มีความเป็นมนุษย์ พร้อมยังบอกด้วยว่าเราทุกคนสามารถจะขีดเขียนเรื่องราวด้วยตัวเองได้ หลายเสียงชื่นชมว่า หนังมันไปสุดกว่าภาคแรก ใช่ครับ แต่ผมก็ยังชอบในความกลมกล่อมและลงตัวอย่างมากในภาคแรกอยู่ดี
หนังมีบางฉากที่น่าจะทำให้แฟนตัวยงของสไปดี้โดยเฉพาะแฟนคอมิกต้องร้องว้าว แต่อีกสิ่งที่จะละเลยไม่ชื่นชมไม่ได้เด็ดขาด ก็คงเป็น เพลงและดนตรีประกอบที่ใส่เข้ามาอย่างลงตัว จนสามารถพูดได้เต็มปาก มันเพราะและดี ทุกเพลงเลย
สำหรับหนังที่ปลดปล่อยพลังอาร์ตมาเต็มที่เช่นนี้ คงต้องบอกว่า การได้รับชมบนจอภาพขนาดใหญ่ของ IMAX with Laser คือการได้เห็นแสงสีที่สดและเต็มตา พร้อมเสียงประกอบที่เพิ่มความทรงพลังของหนังได้เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ได้จำเป็นต้องดูด้วยระบบนี้เท่านั้น ผู้ชมยังคงเลือกได้ตามแต่ปัจจัยของแต่ละคนครับ
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Spider-Man: Across the Spider-Verse / สไปเดอร์-แมน: ผงาดข้ามจักรวาลแมงมุม |
กำกับ | Joaquim Dos Santos, Kemp Powers, Justin K. Thompson |
เขียนบท | Phil Lord, Christopher Miller, Dave Callaham |
แสดงนำ | Shameik Moore, Hailee Steinfeld, Oscar Isaac, Jake Johnson, Issa Rae, Brian Tyree Henry |
แนว/ประเภท | แอนิเมชัน, แอ็คชัน, ผจญภัย, คอเมดี้, ครอบครัว, แฟนตาซี, ไซไฟ |
เรท | PG |
ความยาว | 140 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 31 พฤษภาคม 2023 |
ดูออนไลน์ | Prime Video |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Sony Pictures Animation, Marvel Entertainment, Arad Productions, Lord Miller, Pascal Pictures, Sony Pictures Entertainment (SPE) |
คะแนนหนัง สไปเดอร์-แมน: ผงาดข้ามจักรวาลแมงมุม
พล็อตและบท - 8.5
การพากย์ - 8.5
การดำเนินเรื่อง - 8
เพลงและดนตรีประกอบ - 9
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 8.5
8.5
Spider-Man: Across the Spider-Verse
ภาคต่อของแอนิเมชันสไปเดอร์-แมนที่ต้องมายุ่งเหยิงกับมัลติเวิร์ส ที่ยังคงเล่นกับการงานภาพแนวอาร์ตแต่หนักข้อยิ่งกว่า แถมยังเล่าเรื่องที่ลึกซึ้งขึ้นไปกว่าเก่า เล่ายาวไปยิ่งกว่าเดิม ด้วยสีสัน การเคลื่อนไหว ที่วูบวาบ โดยเฉพาะในฉากต่อสู้ อาจเป็นปัญหาต่อการรับชมบนจอใหญ่และวัยคนมีอายุ