หลังจากที่ผ่านๆ มาได้ดูแต่หนังจริงจัง มีอะไรให้คิดให้จับต้องจนรู้สึกได้ว่าหนังมันน่าสนใจ และมันมีจุดน่าสนใจ เวลาผ่านมาถึงวันนี้ ผมก็อยากจะลองเปลี่ยนบรรยากาศไปหาหนังที่ได้โดยไม่จำเป็นต้องกระเทาะอะไรมากมาย กับเจ้าเล็กตัวสีฟ้าที่ชอบมาทำอะไรฮาๆ เปิ่นๆ ให้เราหัวเรา กับภาคใหม่ ‘Smurfs The Lost Village’
เรื่องราวของหมู่บ้านเล็กๆ ของเหล่าสเมิร์ฟตัวน้อยที่กำลังจะได้พบกับการผจญภัยครั้งใหม่ เมื่อพวกมันได้รับรู้ว่ามีอีกหมู่บ้านหนึ่งที่มีเหล่าสเมิร์ฟอยู่เช่นกัน พวกมันกำลังเดินทางไป
พบกับที่แห่งใหม่แห่งนั้น…
เรื่องย่อแอนิเมชัน ‘Smurfs The Lost Village’
เรื่องมันมีอยู่ว่า ณ หมู่บ้านหนึ่งที่แสนสงบสุข ที่มีเหล่าสเมิร์ฟตัวสีฟ้าอยู่มากมายอาศัยให้บ้านเห็ด โดยมีสเมิร์ฟป๊ะป๋า (Mandy Patinkin) เป็นผู้นำปกครอง และสเมิร์ฟทุกตัวล้วนเป็นผู้ชาย
และมีสเมิร์ฟผู้หญิงคนเดียวในหมู่บ้านนี้ ซึ่งนั่นก็คือ สเมิร์ฟเฟตต์ (Demi Lovato)
ในหนังเรื่องนี้มีตัวร้ายเป็นมนุษย์สไตล์พ่อมดที่ชอบร่ายคาถาต้มน้ำและส่วนผสมแปลกๆ ทั้งหลาย มีสมุนเป็นนกเหยี่ยวแก่กับแมวกวนประสาทอีกตัว พ่อมดคนนี้ชื่อ การ์กาเมล (Rainn Wilson) ผู้หวังจะเสริมสร้างพลังตนเองด้วยสเมิร์ฟ
ทั้งฝ่ายพ่อมดและฝ่ายสเมิร์ฟกำลังแข่งขันกันเพื่อค้นหาหมู่บ้านแห่งใหม่ที่เป็นหมู่บ้านลึกลับ ฝ่ายหนึ่งเพื่อใช้ประโยชน์ส่วนตน แต่อีกฝ่ายตั้งใจจะไปช่วยเหลือ แล้วฝ่ายไหนจะสำเร็จ
และฝ่ายไหนจะเพลี่ยงพล้ำกันล่ะเนี่ย
รีวิวแอนิเมชัน ‘Smurfs The Lost Village’
ถ้าจะมองเข้าไปในตัวเองว่า เรารู้จักกับเหล่าสเมิร์ฟแค่ไหน ก็คงจะตอบตัวเองได้ว่าก็รู้จักประมาณนึง จะว่าไป ผมเองก็ไม่ได้ติดตามซีรีส์ของแอนิเมชั่นเรื่องนี้เหมือนๆ กับเรื่องอื่นๆ จึงอยากจะลองพาตัวเองมาพบกับพวกมันดูบ้าง อยากจะรู้จักมันมากกว่าแค่มองอยู่ข้างนอก
หนังบอกเล่าให้เรารู้จักกับสเมิร์ฟในหมู่บ้านนี้เพียงคร่าวๆ ก่อนจะไปเล่าถึงสเมิร์ฟเฟตต์ โดยที่ต้นกำเนิดของเธอนั้นไม่ได้เป็นสเมิร์ฟมาเหมือนกับคนอื่น ซึ่งก็เป็นส่วนที่ทำให้เรื่องนี้ถูกหยิบมาใช้อีกครั้งเพื่อสร้างปมขัดแย้งนั่นเอง
แอนิเมชั่นเรื่องนี้ ดูเหมือนอยากจะพูดเรื่องของตัวตน ไม่ว่ากำเนิดเราจะเป็นอย่าง แต่สิ่งที่เราเป็นและสิ่งที่เราทำนั้นสำคัญกว่าอย่างมากมาย ประมาณเขาอยากจะพูดว่า…
เพราะคนเรานั้นเลือกที่เกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นคนอย่างไรได้ นั่นแหละครับ
หนังมีมุกตลกกระจายอยู่เกลื่อนเรื่องราว แต่ดูเหมือนช่วงเวลา 1 ชั่วโมงกับ 29 นาที จะกลายเป็นความตลกแบบน่ารักๆ สำหรับแฟนพันธุ์แท้สเมิร์ฟเสียมากกว่า เพราะคนที่ฮากับแก๊กก็มี คนที่อึ้งๆ อึนๆ ก็มีอยู่ จริงๆ แล้ว ถ้าเราทำใจให้เป็นเด็กลง ดูหนังด้วยความเป็นเด็กที่อยู่ในตัว เราก็จะพอเพลิดเพลินและหัวเราะไปกับเหล่าสเมิร์ฟเหล่านั้นได้
แถมหนังยังมีลูกเล่นที่ดูแล้วฝรั่งน่าจะเก็ตและขำได้มากกว่า เพราะแม้แต่ชื่อของเจ้าสเมิร์ฟแต่ละตัวก็ถูกตั้งให้เข้ากับบุคลิกอันแตกต่างกันไป ซึ่งพอคนไทยเรียกชื่อนั้นตามฝรั่ง มันอาจจะไม่อินเท่าก็เป็นได้ รวมไปถึงอีกหลายสิ่งในหนังที่เลือกจะแปลออกมาด้วยคำที่ไม่ชวนฮามากพอ
ก็ยิ่งลดความฮาเข้าไปอีก
ขณะที่เรื่องราวดำเนินไปเหมือนผู้กำกับฯ จะสนุกอยู่คนเดียว ไม่ได้สนใจคนดูสักเท่าไหร่ ไปๆ มาๆ หนังก็เลยไม่มีแง่มุมอะไรที่ดูรู้ได้ว่าตั้งใจจะเล่าสิ่งนั้นให้เราได้จับต้อง ขนาดเพลงที่นำมาประกอบยังไม่ส่งเสริมพอเลยนะครับ แม้แต่เพลงปิดท้ายที่ควรจะปังก็กลายเป็นเงียบฉี่ ในที่สุดแล้วสเมิร์ฟภาคนี้ก็เลยกลายเป็นหนังที่ดูได้พอเพลิน มีขำบ้าง มีหาวบ้าง สลับๆ กันไป
หลายคนคงชื่นใจที่ได้ฟังเสียงขุ่นแม่ Julia Roberts และสาวห้าวอย่าง Michelle Rodriguez ในแอนิเมชั่นเรื่องนี้ สิ่งดีสิ่งเด็ดของหนัง คงอยู่ที่งานภาพที่สวยสดใส แถมตัวละครยังเคลื่อนไหวอย่างสมูธ
เพลิดเพลินหัวใจของเด็กๆ เป็นแน่แท้
ชื่อภาพยนตร์: Smurfs: The Lost Village / สเมิร์ฟ หมู่บ้านที่สาบสูญ
ผู้กำกับภาพยนตร์: Kelly Asbury
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Stacey Harman, Pamela Ribon
นักแสดงนำ: Ariel Winter, Joe Manganiello, Michelle Rodriguez, Julia Roberts, Demi Lovato, Ellie Kemper
ความยาว: 89 นาที
แนว/ประเภท: Animation, Adventure, Comedy, Family, Fantasy
อัตราส่วนภาพ: 1.85 : 1
เรท: ไทย/ทั่วไป, MPAA/PG
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 6 เมษายน 2560
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Columbia Pictures, Kerner Entertainment Company, LStar Capital, Sony Pictures Animation
สเมิร์ฟ หมู่บ้านที่สาบสูญ
Smurfs: The Lost Village - 4
4
Smurfs: The Lost Village
หนังมีมุกตลกกระจายอยู่เกลื่อนเรื่องราว แต่ดูเหมือนช่วงเวลา 1 ชั่วโมงกับ 29 นาที จะกลายเป็นความตลกแบบน่ารักๆ สำหรับแฟนพันธุ์แท้สเมิร์ฟเสียมากกว่า