วันจันทร์กำลังจะผ่านพ้นไป แม้ว่ามันจะผ่านมาทุกสัปดาห์ก็ตาม วันจันทร์นี้ไม่มีเหมือนวันจันทร์อื่น จริงๆ ทุกจันทร์ก็ไม่มีทางเหมือนกันอยู่แล้ว แต่จันทร์นี้ นายแพทได้นั่งดูแอนิเมชั่นที่จริงๆ มันผสมกันระหว่างภาพจริง มีคนแสดงจริงๆ มีบ้าน มีต้นไม้จริงๆ ผสมเข้ากับตัวละครที่เป็นกระต่าย ผมกำลังพูดถึงหนัง ‘Peter Rabbit’ หรือ ‘ปีเตอร์ แรบบิท’ มันเคยเป็นนิทานคลาสสิก แต่ตอนนี้มันถูกดัดแปลงให้กลายเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นบนจอใหญ่ให้เราดู
มันเป็นผลงานการกำกับของ Will Gluck ผู้ที่เคยกำกับ ‘Easy A’ ที่ผมชอบ เคยกำกับ ‘Friends with Benefits’ ที่ค่อนข้างน่าพอใจ แต่ก็เคยกำกับ ‘Annie’ ที่ทำให้ผมรู้สึกเฉยๆ
วันนี้ ได้เวลาพิสูจน์อีกหนึ่งผลงานของเขาแล้วล่ะ
เรื่องย่อหนัง ‘Peter Rabbit’
มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรน่ะเหรอ มันก็เป็นเรื่องของกระต่ายหนุ่มสาวครอบครัวหนึ่ง ที่นำโดย ปีเตอร์ (James Corden) กับเหล่าสาวๆ พี่น้องอย่าง ฟล็อปซี่ (Margot Robbie), ม็อปซี่ (Elizabeth Debicki) และ ค็อตตอนเทล (Daisy Ridley) แล้วก็ยังมีญาติห่างๆ ที่เป็นเหมือนเพื่อนซี้ของปีเตอร์ อย่างเบนจามิน (Colin Moody) รวมเป็นห้ากระต่ายตัวป่วนที่อาศัยอยู่ใต้รากไม้ใหญ่ และมีหญิงสาวที่รักใคร่พวกมันอย่าง บี (Rose Byrne)
ข้างบ้านเป็นที่ของคุณแม็คเกรเกอร์ (Sam Neill) ที่ล้อมกั้นรั้วด้วยรังเกียจพวกมันที่ชอบไปขโมยพืชผัก
ชะตาพรากชีวิตของคุณแม็คเกรเกอร์แก่ๆ ให้สิ้นไป ทว่าก็ชักพาแม็คเกรเกอร์คนใหม่ให้เข้ามา โทมัส (Domhnall Gleeson) ทายาทหนุ่มผู้ซึ่งโชคชะตาซัดพาให้ต้องมารับหน้าที่ดูแลบ้านนาหลังนี้ต่อ เขาก็เหมือนแม็คเกรเกอร์ที่ตายไป เกลียดพวกสัตว์เข้าไส้ พยายามทุกวิถีทางเพื่อกำจัดพวกของปีเตอร์ แต่ก็กลับคบกับบี ความป่วนจึงเริ่มบังเกิดขึ้น
ความรักจะสมหวังยังไง เมื่อมีกระต่ายตัวป่วนมาคั่นกลาง
รีวิวหนัง ‘Peter Rabbit’
จริงๆ มันเป็นหนังที่ผสมผสานหลากหลายแนวหนังเข้าไว้ด้วยกัน หนังใช้การผสมผสานระหว่างหนังคนแสดงกับหนังแอนิเมชั่น เท่านั้นไม่พอ ยังหยิบจับเรื่องความรักระหว่างหนุ่มสาวมาปะปนกับความรักภายในครอบครัว และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์เลี้ยงอีกด้วย แล้วก็ยังจะเน้นการผจญภัยในหนังแนวเบาสมองในสไตล์หนังครอบครัว
แม้ว่าเอาจริงๆ เรื่องราวมันอาจจะมีบางส่วนที่ดูประหลาดๆ อยู่สักหน่อย
บีเป็นสาวหุ่นดีที่ชอบวาดรูป เธอมาอยู่บ้านนอกสงบๆ ก็เพื่อวาดรูป แต่รูปที่เธอวาดกลับแปลกประหลาดอยู่สักหน่อย เธอวาดรูปที่ดูด้วยตาก็รู้สึกว่านี่รูปยังฝีมือไม่ถึง ทว่าเธอกลับวาดรูปกระต่ายได้อย่างน่ารักหมดจด ความสามารถแบบนี้มาอยู่ในคนๆ เดียวกันได้ไง อันนี้นี่แหละที่เราจะมองข้ามไป
ขณะที่โทมัส ก็เป็นหนุ่มค่อนข้างเนี้ยบดูเรียบหรู อาศัยอยู่ในลอนดอน หวังเติบโตและไต่เต้าไปเป็นผู้บริหารระดับสูงของห้างดัง แต่กลับพบว่าตนมีมรดกตกทอดมาจากแม็คเกรเกอร์เฒ่าที่ตายอย่างปัจจุบันทันด่วน ทั้งตนก็กลับผิดหวังที่ไม่ได้ปูนบำเหน็จ ในที่สุดก็ต้องลองมาใช้ชีวิตคนบ้านทุ่งดู
ฉับพลันเขากลายเป็นคนบ้านสวนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเหล่ากระต่ายเสียนี่
นางเอกดูไร้ที่มา แต่พระเอกกลับพอมีที่มาที่ไปอยู่บ้าง แม้จะแหม่งๆ แต่เจ้าพวกกระต่ายก็ไม่น้อยหน้า พวกมันมีเบื้องลึกเบื้องหลังมาชวนให้รู้สึกอินกับมันได้ซะงั้น
ในหนังไม่ได้มีเฉพาะกระต่าย พวกมันพูดได้แต่มนุษย์ไม่รู้ แถวนั้นยังมีสิงสาราสัตว์มากมาย ทั้งหมู นก ไก่ จิ้งจอกก็ยังมี ทั้งหมดรวมกันกลายเป็นตัวป่วนที่เล่นเอาบ้านแม็คเกรเกอร์เละไม่มีชิ้นดี แถมพวกมันยังฉลาดมิใช่เล่นๆ
โดยเฉพาะพวกกระต่ายที่ต่อกรกับโทมัสได้อย่างสูสี
เซอร์ไพรส์อีกอย่าง คือ การได้เห็น Domhnall Gleeson เล่นหนังที่ตลกชวนฮาแบบนี้ได้เหมือนกัน หลังเห็นแต่ผลงานที่ดูเครียดขึ้งจริงจัง อย่าง ‘Star Wars: The Last Jedi’ และ ‘The Revenant’ ซึ่งในเรื่องนี้เขาก็ทำหน้าที่ได้ดี และชื่นชมที่เขาหางานที่หลากหลายให้กับตัวเอง
สิ่งที่หนังมีก็คือบางสิ่งที่มากกว่ามุกตลกและความน่ารักคิกคักๆ ของเหล่าสรรพสัตว์ ก็คือมันแฝงแง่คิดบางอย่างอยู่ในนั้น โทมัสย่างเท้าก้าวสู่ชนบทด้วยความคิดแบบเมืองๆ เขาเลือกที่จะกำจัดพวกสัตว์ที่ไร้คุณค่าต่อเขา แถมยังทำลายพืชพรรณที่บรรจงปลูกไว้ หากแต่พวกปีเตอร์ก็มีพลังที่จะตอบโต้อยู่ไม่น้อย ดูจากความฉลาดที่พวกมันมี
ทว่าปีเตอร์ แรบบิทเองก็เป็นตัวแทนแห่งความมุทะลุ ใช้ใจตัดสินและแก้ปัญหา โดยไม่ใช่สมอง เขามักจะเหน็บเบนจามินไปด้วยเสมอ เพราะเขาไม่อยากจะตายอย่างโดดเดี่ยว เขามักถูกทัดทานของตัวที่เหลือเสมอแต่ไม่เคยจะฟัง
บทสุดท้ายที่จริงจัง เหมือนหนังจะตั้งคำถามกลับมาสู่คนดู หลายครั้งที่เรารู้สึกสูญเสีย เราตอบโต้กลับอย่างไร นั่นใช่สิ่งที่ตอบโจทย์หรือเปล่า มันใช่หรือเปล่าที่ทำไป มองลึกให้พอว่า จริงๆ แล้วเราต้องการอะไร เรื่องราวมันควรจะลงเอยอย่างไร
หนังแอนิเมชั่นชวนหัวที่ไม่ใช่เพียงแค่ดูพอผ่าน
นอกจากความน่ารัก ตลกขบขัน หนังก็ยังแทรกอะไรให้กับเราด้วย น่าเสียดายนิดนึง หนังยังขยี้ไม่พอ เกือบจะอินจนซึ้งแล้ว
แต่มันยังไปไม่ถึงจุดซึ้งเท่านั้นเอง…
ชื่อภาพยนตร์: Peter Rabbit / ปีเตอร์ แรบบิท
ผู้กำกับภาพยนตร์: Will Gluck
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Rob Lieber (screen story by), Will Gluck (screen story by)
นักแสดงนำ: James Corden, Fayssal Bazzi, Domhnall Gleeson, Sia, Colin Moody, Sam Neill, Margot Robbie, Elizabeth Debicki, Daisy Ridley, Rose Byrne
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
ความยาว: 95 นาที
แนว/ประเภท: Animation, Adventure, Comedy, Family, Fantasy
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
ปี: 2018
เรท: ไทย/, MPAA/PG
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 5 เมษายน 2018
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: 2.0 Entertainment, Animal Logic Entertainment, Animal Logic
ปีเตอร์ แรบบิท
Peter Rabbit - 7
7
Peter Rabbit
หนังผสมแอนิเมชั่น Peter Rabbit ที่มีทั้งเรื่องราวน่ารักของกระต่ายพี่น้อง กับเรื่องราวความรักระหว่างชายหญิงที่ถูกกระต่ายตัวป่วนมาคั่นกลาง ปีเตอร์ แรบบิท ชักชวนให้หัวเราะคิกคักได้ตั้งแต่ต้นจนจบ บอกเล่าตัวละครบางตัวได้มากพอจะอิน แต่น่าเสียดายที่หนังไม่ได้ขยี้เท่าที่ควร เกือบจะซึ้งได้อยู่แล้ว แต่ก็ถือว่าหนังให้แง่คิดในการใช้ชีวิตได้พอสมควร