เราต่างรู้จักกับซิมบ้าจากหนังการ์ตูนดิสนีย์เมื่อ 20 ปีก่อน รู้จักเพลงประกอบหนังอย่าง ‘Hakuna Matata’ และ ‘Circle of Life’ ก็ยังคงติดปากกันมาจนทุกวันนี้ ก่อนที่ค่ายจะหยิบมาสร้างใหม่ในแบบหนังผจญภัยที่สร้างภาพด้วยคอมพิวเตอร์ไปเมื่อ 5 ปีก่อน มาปีนี้ พวกเขาเลือกจะย้อนกลับไปเล่ายังจุดเริ่มต้น กับหนังแอนิเมชันเรื่อง ‘Disney’s Mufasa: The Lion King‘ หรือชื่อไทย ‘มูฟาซา: เดอะ ไลอ้อน คิง‘ ที่กำกับโดย Barry Jenkins
คิดเห็นเช่นไรกับหนังแอนิเมชันเรื่องนี้?
นี่มันเป็นหนัง prequel ของ ‘เดอะ ไลอ้อน คิง’ เลยนี่นา เพราะมันบอกเล่าถึงประสบการณ์ชีวิตของมูฟาซาตั้งแต่วัยเด็กที่ต้องเป็นกำพร้าและหลงทางไปไกล จนในที่สุด ก็พบเจอเพื่อนร่วมทางที่จะฝ่าฟันทุกอุปสรรคและันตรายเพื่อจะไปสร้างอาณาจักรแห่งใหม่ด้วยกัน เป็นทั้งหนังที่ซ้อนหนัง และเป็นทั้งหนังผจญภัยของเหล่าสัตว์
เป็นหนังแอนิเมชันที่ภาพละเอียดคมสมจริงเอามากๆ เพลงเพราะดี ใช้การเดินเรื่องสลับไปมา ตัดสลับอารมณ์ได้ดีเลยแหละ
เรื่องย่อหนัง ‘Disney’s Mufasa: The Lion King’
มูฟาซา (Aaron Pierre จากหนัง ‘Rebel Ridge’) คือลูกสิงโตกำพร้าที่ได้พบกับ ทาก้า (Kelvin Harrison Jr. จากหนังเรื่อง ‘Elvis’) เจ้าชายสิงโตที่ทั้งสองกลายเป็นพี่น้องที่ร่วมกันผจญภัยเสี่ยงตายเพื่อหาบ้านและครอบครัวใหม่ พวกเขาได้พบกับ ซาราบี (Tiffany Boone จากซีรีส์ ‘Hunters’) ที่เดินทางมากับซาซู (Preston Nyman) นกเงือกจอมเจื้อยแจ้ว สองพี่น้องจึงชักชวนให้มาสร้างอาณาจักรร่วมกัน
แต่ในระหว่างนั้น สหายทั้งสี่ก็ต้องได้พานพบกับสิงโตตัวร้ายอย่าง คีรอส (Mads Mikkelsen จากหนังเรื่อง ‘Doctor Strange’) สิงโตขาวเจ้าป่าผู้มีแผนในการยกอำนาจฝูงของตน
เรื่องราวทั้งหมดถูกบอกเล่าโดย ราฟิกิ (John Kani จากหนังเรื่อง ‘Black Panther’) ลิงบาบูนที่ร่วมผจญภัยไปกับมูฟาซา และตอนนี้ เขาได้บอกเล่าตำนานเรื่องเบื้องหลังให้กับเคียร่า (Blue Ivy Carter) หลานปู่ได้รับรู้ความจริง
รีวิวหนัง ‘มูฟาซา: เดอะ ไลอ้อน คิง’
หลังเคยประสบความสำเร็จไปกับหนังระดับตำนานอย่าง ‘The Lion King’ ในปี 1994 ที่ทำให้ทุกคนได้รู้จักกับซิมบ้า สิงโตน้อยลูกเจ้าป่า ทางดิสนีย์ได้ต่อยอดด้วยการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันที่ใส่ความสมจริงเข้าไปในภาพของสรรพสัตว์ที่พูดได้ร้องเพลงได้ในป่าที่สมจริง ‘The Lion King’ หนังชื่อเดียวกันในปี 2019 และวันนี้ เรื่องราวของสัตว์ป่าในทุ่งหญ้าสะวันนาได้รับการสานต่อด้วยตำนานราชันแห่งพงไพรผู้เป็นบิดาแห่งซิมบ้า
เรื่องราวการขึ้นสู่บัลลังก์เจ้าป่าอันยิ่งใหญ่ของมูฟาซา ที่ลิงบาบูนราฟิกิเล่าขานให้กับเคียร่า ลูกสิงโตตัวน้อยของซิมบ้าและนาลาได้ฟัง
บทหนังที่มีความเชื่อมโยงกับหนังภาคเก่า เริ่มต้นที่ช่วงเวลาปัจจุบันของหนัง ในวันที่ซิมบ้าและนาลามีลูกสาววัยกำลังอยากรู้อยากเห็น และมีสหายที่ชอบทั้งเล่าทั้งฟังนิทาน ก่อนที่ราฟิกิผู้ที่คอยซัพพอร์ตเจ้าป่ามาตลอดจะกลายเป็นผู้เริ่มเล่า หนังจึงเดินเรื่องสลับไปมาระหว่างเรื่องที่เล่ากับคนที่เล่ามัน
ในพาร์ทของตำนานเรื่องเล่า คนดูอย่างเรา ก็จะได้พบกับความจริงที่ยังไม่เคยล่วงรู้ว่าคุณปู่ มูฟาซา นั้นเหตุใดจึงเคยเป็นลูกสิงโตกำพร้าที่หลงทางและโดดเดี่ยว ก่อนจะได้พบกับ ทาก้า ลูกสิงโตวัยไล่เลี่ยกัน แต่เขานั้นเป็นเจ้าชายผู้เป็นทายาทราชวงศ์ นำเป็นไปสู่การผจญภัยอันยิ่งใหญ่ของสองพี่น้องต่างสายเลือด ที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องถูกทดสอบเมื่อต้องเจอกับศัตรูตัวร้ายที่น่าสะพรึงกลัวอย่าง คีรอส สิงโตขาวตัวใหญ่ที่มองว่าตนคือราชาหนึ่งเดียวในปฐพี
ในการเดินทางครั้งนี้ นอกจากมูฟาซาจะมีทาก้าแล้ว เขาก็ยังได้พบกับ ซาราบี สิงโตเจ้าหญิงที่มาพร้อมนกเงือกซาซู มูฟาซาต้องฝ่าฟันอุปสรรคทั้งภายนอกภายในไปกับสหายทั้งสาม เรียนรู้เพื่อเติบโตก่อนที่เขาจะกลายเป็นคิงจนมีซิมบ้าและเคียร่าในวันนี้ เพราะฉะนั้น มันก็คือหนังที่เล่าร่องรอยของอดีตเพื่อมาบรรจบพบกับปัจจุบันที่เรารู้จักกันนั่นแหละ
สิ่งที่ต้องชื่นชมก็คือ งานภาพนั้นสวยจัด รายละเอียดสมจริงอย่างเหลือเชื่อ แม้หลายซีนจะเล่นวนมุมกล้องจนเกือบเวียนหัวก็ตามที ขณะที่เพลงต่างๆ ที่ใช้ร้องในหนังก็ไพเราะดี แต่จะมีบางเพลงที่ถูกใจเป็นพิเศษด้วยเนื้อหาดีๆ ทำนองและการออกแบบการร้องน่าประทับใจ
Taglines: Orphan. Outsider. King.
หลายคนคงคุ้นชื่อผู้กำกับ Barry Jenkins เขาคือผู้กุมบังเหียนของหนังเรื่อง ‘Moonlight’ และ ‘If Beale Street Could Talk’ ที่สร้างความประทับใจในฝีมือมาแล้วก่อนหน้า ทั้งยังเป็นโปรดิวเซอร์ของหนังโคตรดีอย่าง ‘Aftersun’ อีกด้วย หลังกำกับซีรีส์ ‘The Underground Railroad’ ไป เขาหายไปทำหนังเรื่องนี้มาให้เราดูกัน
หนังเรื่องนี้ นอกจากจะทำให้ได้รู้ที่มาที่ไปของการขึ้นครองบัลลังก์เจ้าป่าผู้เป็นพ่อของซิมบ้าและเป็นปู่ของเคียร่า ก็ยังทำให้เราได้รู้จักกับตัวละครบางตัวให้มากกว่าที่เราเคยรู้จัก และทำให้เราเข้าใจว่า บางทีเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างภาพลักษณ์ที่เคยรู้สึก ที่จริง ในหนังมันเล่าเรื่องของสัตว์ที่เกิดมาพิเศษแต่แตกต่างจนถูกขับไล่ออกจากฝูง ต้องอยู่ไกลห่างจากครอบครัว พวกเขาต้องต่อสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง และเรียนรู้ถึงคุณค่าในตัวพวกเขาเอง
โดยรวมแล้ว มันคือการเดินทางหาประสบการณ์ชีวิตของมูฟาซา สิงโตกำพร้าที่ต้องเรียนรู้และเติบโตโดยไม่คาดคิดว่า วันหนึ่ง เขาจะกลายเป็นราชาเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่ในดินแดนมีเลเล่ที่เขาเฝ้าตามหา
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Disney’s Mufasa: The Lion King / มูฟาซา: เดอะ ไลอ้อน คิง |
กำกับ | Barry Jenkins |
เขียนบท | Jeff Nathanson |
แสดงนำ | Aaron Pierre, Kelvin Harrison Jr., Tiffany Boone, John Kani, Mads Mikkelsen, Seth Rogen |
แนว/ประเภท | แอนิเมชัน, ผจญภัย, ดราม่า, ครอบครัว, แฟนตาซี, มิวสิคัล |
เรท | PG |
ความยาว | 120 นาที |
ปี | 2024 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 19 ธันวาคม 2024 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Walt Disney Pictures |
คะแนนรีวิวหนัง มูฟาซา เดอะ ไลอ้อน คิง
พล็อตและบท - 7
การดำเนินเรื่อง - 7
การพากย์ - 7.8
งานภาพ - 8
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.5
7.5
Mufasa: The Lion King
นี่มันเป็นหนัง prequel ของ 'เดอะ ไลอ้อน คิง' เลยนี่นา เพราะมันบอกเล่าถึงประสบการณ์ชีวิตของมูฟาซาตั้งแต่วัยเด็กที่ต้องเป็นกำพร้าและหลงทางไปไกล จนในที่สุด ก็พบเจอเพื่อนร่วมทางที่จะฝ่าฟันทุกอุปสรรคและันตรายเพื่อจะไปสร้างอาณาจักรแห่งใหม่ด้วยกัน เป็นทั้งหนังที่ซ้อนหนัง และเป็นทั้งหนังผจญภัยของเหล่าสัตว์ เป็นหนังแอนิเมชันที่ภาพละเอียดคมสมจริงเอามากๆ เพลงเพราะดี ใช้การเดินเรื่องสลับไปมา ตัดสลับอารมณ์ได้ดีเลยแหละ