รีวิวแอนิเมชัน Look Back | ความฝัน ความสัมพันธ์ ความทรงจำ

เชื่อว่า หลายคนคงรู้จักกับ ‘Chaisaw Man’ ของ อ.ทัตสึกิ ฟูจิโมโตะ เป็นอย่างดี และวันนี้ ‘Look Back’ หรือชื่อไทย ‘ลุค แบ็ค’ ภาพยนตร์แอนิเมชันที่พัฒนามาจากมังงะตอนเดียวจบของอาจารย์ก็เตรียมเข้าโรงบ้านเรา เพื่อส่งพลังแห่งความมุ่งมั่นให้คนไทยได้ซึมซับกัน หลังเคยขึ้นอันดับ 1 ของบ็อกซ์ออฟฟิญี่ปุ่น 2 สัปดาห์ซ้อนมาก่อนหน้าแล้ว

คิดเห็นเช่นไรกับหนังแอนิเมชันเรื่องนี้?

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า หนังแอนิเมชันความยาว 1 ชั่วโมงจะสร้างอิมแพคให้เราได้อินกันขนาดนี้ กับเรื่องที่มีแค่ 2 ตัวละครเท่านั้น แต่มันกลับเล่าได้อย่างลื่นไหล คนดูอย่างเราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า วินาทีข้างหน้า เรื่องมันจะพาเราไปเจอกับอะไร ฟูจิโนะและเคียวโมโตะ สองคนที่ต่างบุคลิกแต่รักในการวาดการ์ตูนเหมือนกัน และวันหนึ่ง ทั้งสองที่เป็นแรงบันดาลใจให้แก่กัน ก็ได้มาร่วมงานกัน

อะนิเมะที่ปลุกไฟฝันให้ลุกโชน แม้โลกนี้จะมีคนที่ทำให้เรารู้สึกว่าไม่เก่งพออยู่มากมาย แต่ความมุ่งมั่นตั้งใจจะพาเราไปสู่จุดหมาย

เรื่องย่อหนังแอนิเมชัน ‘Look Back’

ฟูจิโนะ (ยูมิ คาวาอิ จากหนังเรื่อง ‘It‘s a Summer Film’ และ ‘April, Come She Will’) คือ นักเรียน ป.4 ผู้ชื่นชอบในการวาดมังงะ ผลงานการ์ตูน 4 ช่องของเธอได้ลงในนิตยสารของโรงเรียนตลอดมา เพื่อนทั้งโรงเรียนพากันชื่นชมในความสามารถ และมองว่า เธอน่าจะได้เป็นนักวาดการ์ตูนในอนาคต แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเธอได้รู้จักกับอีกคน

เคียวโมโตะ (มิซุกิ โยชิดะ จากซีรีส์ ‘Alice in Borderland’ และ ‘Dragon Sakura’) เด็กนักเรียนห้องข้างๆ ผู้มีปัญหาในการเข้าสังคม จนไม่ยอมไปโรงเรียน อยู่แต่บ้าน และชื่นชอบในการวาดหลังได้เห็นการ์ตูนแก๊ก 4 ช่องของฟูจิโนะ จึงลงมือวาดบ้างก่อนจะได้ลงในนิตยสารเช่นกัน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง

รีวิวหนังแอนิเมชัน ‘ลุค แบ็ค’

เรื่องราวที่ถูกบอกเล่าในเวลา 58 นาทีของมัน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ชวนให้นึกถึง โลกของเราในวันเก่าที่แพชชันยังพลุ่งพล่าน มีความฝัน และพลังแห่งความมุ่งมั่นจะต่อเติมมันให้เป็นความจริง ในวันนั้น เราปลื้มปริ่มที่ได้ทำในสิ่งที่รักแถมยังมีคนมาทักมาชื่นชม รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง และอาจจะเลยเถิดไปถึงขั้นกระหยิ่มใจเลยด้วยซ้ำ แต่ในบางวัน ก็อาจพบว่า คนอื่นที่ตนเคยดูถูกไว้กลับทำได้ดีกว่าจนรู้สึกด้อยค่าตัวเอง

ความรู้สึกชื่นชมตนเองที่ขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างกับรถไฟเหาะ เพราะเรามักเอาความคิดของคนรอบข้างมามีผลกับใจตัวเองด้วยเสมอ

เรื่องราวในหนังมันไหลลื่นดีมาก เหตุการณ์แปรเปลี่ยนไปได้เรื่อยโดยที่คนดูอย่างเราก็คาดเดาไม่ถูก เวลาหนึ่ง ตัวละครอย่างฟูจิโนะกำลังใจฟูเพราะมีแต่คนชื่นชม แต่ในอีกเวลา เธอก็กลับใจบางเพราะได้รู้ว่ามีคนที่เหนือกว่า อีกสักพัก ก็ต้องมาเซอร์ไพรส์ เพราะคนที่เธอไม่อยากสุงสิงด้วยกลับเรียกเธอว่าอาจารย์ แถมยกย่องเสียยกใหญ่ให้เป็นถึงอัจฉริยะ

หนังมันยาวไม่ถึงชั่วโมงก็จริง แต่ก็มีอะไรให้เราซึมซับหลายสิ่งเหลือเกิน เล่าถึงตัวละครที่เดินทางผ่านการตัดสินใจเลือกทำและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เวลาหนึ่งมันอาจเป็นแอนิเมชันของคนมีฝันมุ่งมันทำให้มันเป็นจริง อีกเวลา มันเกือบทำให้คิดว่าเป็นหนังแฟนตาซี แต่อีกเวลาเช่นกัน ที่มันกลายเป็นหนังดราม่าเศร้าสะเทือนใจ บางคนอาจน้ำตาไหล และบางคนก็อาจเศร้าซึม

ตัวละครในเรื่อง หลักๆ ก็มีแค่ ฟูจิโนะ และเคียวโมโตะ แต่หนังก็เล่าได้อย่างสนุก มีสีสัน มีแง่มุม ทุกฉากทุกตอน มีสาส์นได้คิดตามได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ของคนที่มีความฝันเดียวกัน แต่ต่างคนอาจถนัดกันคนละแบบ ต่างได้มาสร้างสรรค์งานร่วมกัน หยิบสิ่งดีมาหลอมรวมให้กลายเป็นชิ้นงานประกอบกันอย่างลงตัว แต่ก็ไม่มีใครล่วงรู้อนาคตได้ ทุกคนจึงต้องผ่านทั้งเรื่องดีเรื่องร้ายเพื่อเติบโตพร้อมกับบาดแผลที่กลายเป็นความทรงจำสีจาง

การเล่าเรื่องของแอนิเมชันเรื่องนี้ก็น่าสนใจ บางฉากเลือกจะแช่นิ่งให้คนดูเฝ้ามองว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง บางฉากก็ใช้ภาพของมุมเดียวกันแต่คนละช่วงเวลา บางขณะที่เอามังงะที่ตัวละครวาดมาเล่าเป็นเรื่องด้วยลายเส้นของตัวละครเอง นับว่า เขาเลือกวิธีเล่าได้น่าสนใจไม่น้อยเลย

เช่นเดียวกับ เพลงและดนตรีประกอบที่สร้างสีสันให้หนังมันแปรเปลี่ยนอารมณ์ไปตามสิ่งที่เล่า หนึ่งในนั้นก็เป็นเพลง ‘Light song’ จาก Haruna Nakamura และ Urana นั่นล่ะครับ

และด้วยการเล่าอย่างเหนือชั้นนี่แหละ ที่ทำให้แอนิเมชันขนาดกะทัดรัดเรื่องนี้เข้าไปอยู่ในลิ้นชักของดีในใจเราอย่างง่ายดาย หลายองค์ประกอบของหนังทำได้ถึงขั้นประทับใจ ทั้งภาพ ดนตรีประกอบ ลายเส้น และโดยเฉพาะเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจ ย้อนนึกถึงวันที่ยังเปี่ยมด้วยไฟฝัน และมิตรภาพความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและน้ำตา

มารู้เกร็ดเล็กๆ ภายหลังดูหนังว่า ชื่อของตัวละครหลักทั้งสองนั้น ฟูจิโนะ และ เคียวโมโตะ ที่จริงมันก็เอามาจาก ‘ฟูจิโมโตะ’ ที่เป็นนามสกุลของอาจารย์เองนั่นแหละ

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง